บทที่ 35 ระเบิดอารมณ์

“ลูกเขยมาแล้วเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ไม่เหมือนกับรอบที่แล้ว ๆ มาที่พวกเขาเจอกันก่อนหน้านี้ หลี่ชงซานรีบลุกขึ้นต้อนรับอวี้ฮ่าวหรานทันทีที่เดินผ่านประตูมา

อวี้ฮ่าวหรานหยักหน้าและยิ้มเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย จากนั้นเขากับหลี่หรงก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่ยังว่างอยู่

หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงมาถึง ทุกคนก็เริ่มกินอาหารกันทันที

“ฮ่าวหราน แก้วนี้พ่อขอดื่มให้ลูกที่ช่วยให้พ่อไม่ต้องไปนอนข้างถนน พ่อขอบคุณลูกจากใจจริง ๆ ดื่ม!”

หลี่ชงซานลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มให้กับอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าจริงใจ

การกระทำเช่นนี้ของหลี่ชงซานทำให้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เพราะเมื่อก่อนนี้พ่อตาของเขาจะเอาแต่ด่าเขาหรือไม่ก็ไม่มองหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่มาวันนี้กลับแสดงท่าทีเป็นมิตรราวกับเขาเป็นลูกชายบังเกิดเกล้ายังไงยังงั้น

“เอ่อ…อะแฮ่ม ผมไม่ได้ทำอะไรมากเลย ผมก็แค่โทรศัพท์ออกไปก็เท่านั้น”

อวี้ฮ่าวหรานไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง เขาจึงตอบกลับไปด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน

ในทางกลับกันหลี่จิงเทียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พ่อของเขา เมื่อเขาเห็นว่าพ่อของเขาทำตัวให้เกียรติอวี้ฮ่าวหรานจนออกนอกหน้าเขาก็เริ่มเกิดความรู้สึกอิจฉา

ก่อนหน้านี้ไอ้เวรนี่ยังเป็นขยะในสายตาทุกคนอยู่เลย ทำไมตอนนี้มันกลับถูกเชิดชูเหนือเขาไปได้?

“เหอะ! มันก็จริง จริง ๆ แล้วแกคงไม่ได้ทำอะไรมากนักหรอก แกคงทำแค่โทรออกไปสุ่ม ๆ เท่านั้น! บริษัทของพ่อฉันไม่ใช่เล็ก ๆ มันไม่มีทางที่ตระกูลอู๋จะกลืนบริษัทพ่อของฉันไปง่าย ๆ จริง ๆ แล้วตระกูลอู๋ก็คงแค่พยายามแหกตาพวกเราตั้งแต่แรกก็เท่านั้น!” หลี่จิงเทียนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูถูกอวี้ฮ่าวหราน

แต่แล้วในทันทีที่หลี่จิงเทียนพูดจบ เสียงตบโต๊ะก็ดังขึ้นทันที

“ปัง!”

“หุบปากไปเดี๋ยวนี้!”

หลี่ชงซานตะโกนลั่นห้องพร้อมกับถลึงตาใส่ลูกชายของเขาเอง

“พ่อ!” หลี่จิงเทียนอุทานกลับด้วยสีหน้าขัดแย้ง เขาไม่นึกเลยว่าพ่อของเขาจะออกตัวแทนอวี้ฮ่าวหรานแบบนี้

“หากแกไม่คิดจะสำนึกในบุญคุณพี่เขยของแก แกก็ไสหัวออกไปซะ อย่ามาพูดจาทำให้เสียบรรยากาศที่นี่!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชงซานเช่นนี้ บรรดาสมาชิกตระกูลที่อยู่ในห้องโถงต่างก็มองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าผู้นำตระกูลจะไล่ลูกตัวเองเพื่ออวี้ฮ่าวหราน?

ทางด้านของหลี่ชงซาน ตอนนี้เขาโมโหลูกชายตัวเองเป็นอย่างมากที่พูดจาดูหมิ่นอวี้ฮ่าวหราน

นี่ลูกชายของเขามันจะโง่ไปถึงไหน? มันไม่รู้เลยหรือไงว่าวิกฤตของบริษัทชงซานก่อนหน้านี้มันคือเรื่องคอขาดบาดตายที่เขาไม่มีทางแก้ได้ด้วยตัวเอง หากไม่ใช่เพราะอวี้ฮ่าวหรานป่านนี้พวกเขาคงไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้อีกแล้ว และไม่มีอาหารหรู ๆ วางกองอยู่ตรงหน้าเหมือนในตอนนี้แน่นอน!

จากเหตุการณ์นี้มันพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งแน่นอน ก็คืออวี้ฮ่าวหรานมีคนหนุนหลังที่ใหญ่โตมากกว่าตระกูลหลี่มาก แต่แล้วตอนนี้ลูกชายของเขากลับหาเรื่องคนแบบนี้เนี่ยนะ?

หลี่จิงเทียนเมื่อเห็นสีหน้าพ่อของตัวเองโกรธจริงจังเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ ทำได้เพียงเงียบลงไปด้วยสีหน้าขมขื่น

หลังจากด่าลูกชายตัวเองเรียบร้อย หลี่ชงซานก็หันกลับมายิ้มให้กับอวี้ฮ่าวหรานอีกครั้ง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮ่าวหราน เมื่อวานที่ลูกบอกว่าต่อไปนี้ลูกจะดูแลหลี่หรง…ลูกสนใจในตัวหลี่หรงจริง ๆ งั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ อวี้ฮ่าวหรานที่กำลังจิบไวน์อยู่แทบจะสำลัก

“ห..หืม!?”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ หลี่ชงซานก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องตกใจไปหรอก เอาเป็นว่าพ่อขอพูดตามตรงเลยก็แล้วกัน นี่มันก็หลายปีแล้วที่เม่ยเอ๋อหายตัวไป ซึ่งพวกเราทุกคนล้วนกังวลกันอยู่ทุกวัน แต่การที่พวกเรามัวแต่ยึดติดอยู่กับอดีตไม่ยอมก้าวไปข้างหน้าสักทีมันก็จะมีแต่ผลเสีย โดยเฉพาะที่ตัวลูกเอง ตอนนี้ก็ยังหนุ่มยังแน่นแถมมีความสามารถ ดังนั้นพ่อคงไม่ว่าอะไรหรอก…” หลี่ชงซานพูดกับอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม

หลี่หรงตกตะลึงจนแทบอ้าปากค้างเมื่อได้ยินพ่อของเธอชมพี่เขยของเธอแบบนี้ แถมยังพูดเป็นนัย ๆ อีกว่าเขายินดีจะยกเธอให้กับพี่เขย!

เมื่อไม่นานมานี้พ่อของเธอยังรังเกียจพี่เขยของเธอยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ แต่ตอนนี้กลับชมเขาซะงั้น? นี่พ่อของเธอเป็นคนหน้าหนาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

แต่เมื่อเธอคิดถึงสิ่งที่พี่เขยของเธอทำลงไปทั้งหมดหลายวันมานี้เธอก็ยอมรับจริง ๆ ว่าตอนนี้พี่เขยของเธอดูเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ ไหนจะหน้าตา ความแข็งแกร่ง อิทธิพล แถมยังรักษาอาการป่วยพ่อของเธอให้หายได้อีก!

ลูกเขยที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้หากพ่อของเธอไม่เอ่ยปากชม พ่อของเธอก็คงเป็นคนเสียสติไปแล้วจริงไหม? แต่ว่าเรื่องที่ยกเธอให้กับพี่เขยนั้น…

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้หลี่หรงก็เขินจนหน้าแดง

“3 ปีผ่านมาแล้ว และตอนนี้หรงเอ๋อของพ่อก็โตขึ้นเป็นสาวสวยมากความสามารถ พ่อเชื่อว่าน้องจะดูแลลูกได้เป็นอย่างดีไม่ต่างจากเม่ยเอ๋อแน่นอน” หลี่ชงซานเอ่ยเสริมขึ้นอีก

อวี้ฮ่าวหรานตอนนี้ตกตะลึงจนหัวหมุน ไหงพ่อตาของเขาพยายามยัดเยียดน้องภรรยาให้เขาแบบนี้ล่ะเนี่ย?

เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานยังคงไม่พูดอะไรเอาแต่ทำหน้าทำตาตกตะลึง หลี่ชงซานก็พูดต่อขึ้นอีก “อันที่จริงมันก็พอดีเลยนะเนี่ย ปีนี้หลี่หรงเข้าช่วงอายุที่พร้อมจะมีครอบครัวพอดีเลย!”

หลี่หรงที่ได้ยินพ่อเธอโฆษณาตัวเธอให้กับอวี้ฮ่าวหรานมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่หยุด เธอก็ยิ่งหน้าแดงมากขึ้น ๆ จากอาการเขินอาย

หลี่ชงซานแอบสังเกตลูกสาวของตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่พูด ดังนั้นอาการเขินอายของหลี่หรงจึงไม่พ้นสายตาอันเฉียบแหลมของเขา และมันทำให้เขารู้ทันทีว่าจริง ๆ แล้วหลี่หรงเองก็ชอบอวี้ฮ่าวหรานอยู่เหมือนกัน

เข้าทางจริง ๆ!!

“แต่ก็เอาเถอะ ๆ พ่อไม่ได้เร่งให้ทั้งคู่ตกลงปลงใจกันตอนนี้หรอกนะ เพราะไม่ว่ายังไงฮ่าวหรานก็เอ่ยออกมาแล้วนี่ว่าจะดูแลน้องไปตลอดชีวิต ฉะนั้นดูแลกันไปก่อนก็แล้วกัน แต่ถ้าหากวันไหนพร้อมแล้วก็ให้มาบอกพ่อได้ พ่อยินดีจัดงานให้อย่างใหญ่โตเลยเชียวล่ะ!”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่หลี่ชงซานด้วยสีหน้างุนงง พลางคิดในใจว่านี่คุณเชียร์ขนาดนี้คุณจะให้ลูกสาวคุณมาแต่งกับผมหรือคุณจะแต่งกับผมเองกันแน่ และอีกอย่างไอ้คำว่าตลอดชีวิตอะไรนั่นผมจำได้ว่าผมไม่ได้พูดมันสักหน่อย!

ทางด้านของหลี่ชงซาน อันที่จริงเขาอยากจะพูดออกมาตรง ๆ เลยด้วยซ้ำว่า ‘ในเมื่อเมื่อวานนายกล้าพูดออกมาต่อหน้าทุกคนว่าจะดูแลลูกสาวของฉัน ถ้างั้นนายก็ต้องแต่งงานกับลูกสาวของฉันสิ!’

ในเวลาเดียวกันหลี่จิงเทียนที่ฟังอยู่ตลอดก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว

“ไม่ได้! อวี้ฮ่าวหราน ฉันไม่ยอมให้แกแตะต้องน้องสาวของฉันแน่นอน! อวี้ฮ่าวหราน แกมันไม่มีค่าพอ แกไม่ดีพอสำหรับน้องสาวของฉัน!!” หลี่จิงเทียนลุกขึ้นชี้หน้าด่าอวี้ฮ่าวหรานทันทีด้วยสีหน้าเดือดดาล

ในความคิดของหลี่จิงเทียน ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้อวี้ฮ่าวหรานจะมีบุญคุณกับตระกูลของเขา แต่ภาพที่อวี้ฮ่าวหรานเป็นขยะมาโดยตลอดมันยังคงหยั่งลึกอยู่ในสมองของเขา ซึ่งมันทำให้เขายอมรับในตัวของอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ง่าย ๆ และยิ่งโดยเฉพาะที่ก่อนหน้านี้อวี้ฮ่าวหรานตบหน้าเขาที่หน้าโรงเรียนอนุบาล มันยิ่งทำให้เขาอาฆาตอวี้ฮ่าวหราน แบบที่เอาเหตุผลใด ๆ มาก็ล้างไม่ออก

“หุบปาก!!” หลี่ชงซานตบโต๊ะอีกรอบและลุกขึ้นพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ลูกชายของเขา

“พ่อ ผมไม่ยอม! ไอ้สารเลวนี่มันทำให้พี่สาวของผมตายไปคนหนึ่งแล้ว ผมจะไม่ยอมให้โอกาสมันได้ทำร้ายน้องสาวของผมอีกคนแน่นอน! ผมถามพ่อจริง ๆ พ่อยังจะให้โอกาสไอ้เวรนี่มันทำร้ายครอบครัวเราอีกจริง ๆ งั้นเหรอ?”

ทันทีที่หลี่จิงเทียนพูดประโยคนี้จบ บรรดาสมาชิกตระกูลหลี่ที่นั่งอยู่ในห้องโถงต่างก็เบนสายตามองไปทางอื่น เพราะเมื่อได้ยินแบบนี้พวกเขาเองก็คิดเหมือนกันว่ามันจะดีจริง ๆ เหรอ ที่จะให้อวี้ฮ่าวหรานแต่งงานกับหลี่หรงอีกคน?

หลี่ชงซานโมโหจนแทบหน้ามืด

หลี่เม่ยตายไปแล้วหรือเปล่ายังไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ ตอนนี้ที่แน่ใจก็คือเธอถูกคนที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินได้พาตัวไป ซึ่งต้นเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้มันคือตระกูลอู๋ที่พยายามบังคับให้หลี่เม่ยแต่งงานกับอู๋เส้าฮัว ข้อนี้หลี่ชงซานมั่นใจว่าหลี่จิงเทียนเองก็รู้ดี!

แต่ตอนนี้ไอ้ลูกชายไม่เอาไหนของเขากลับมาโยนความผิดให้กับอวี้ฮ่าวหรานแทนที่จะไปแค้นตระกูลอู๋ เพราะมันไม่มีความกล้าพอจะเผชิญหน้ากับตระกูลอู๋เนี่ยนะ?

“เพียะ!!”

จู่ ๆ ร่างของหลี่จิงเทียนก็กระเด็นตกเก้าอี้ไปนอนอยู่ที่พื้นเนื่องจากโดนอวี้ฮ่าวหรานตบหน้าเข้าให้ฉาดใหญ่

อวี้ฮ่าวหรานซึ่งทนไม่ไหวแล้ว เขาพุ่งตัวข้ามโต๊ะไปตบหลี่จิงเทียนภายในพริบตาจนไม่มีใครมองตามทัน

หากหลี่จิงเทียนด่าทอเขาเขาก็ยังทนได้ แต่การที่หลี่จิงเทียนยกเอาเรื่องหลี่เม่ยขึ้นมาพูดนั้นมันเหมือนกับจี้จุดเจ็บของเขา จนเขาให้อภัยไม่ได้

ต้องรู้ไว้ว่าการที่เขาไม่ได้อยู่ปกป้องภรรยาของเขาเมื่อในอดีตมันเป็นแผลในใจของเขามาโดยตลอด ฉะนั้นเมื่อมีคนมาย้ำเรื่องนี้อีกมันจึงง่ายมากที่อารมณ์ของเขาจะระเบิด ถ้าหากว่าหลี่จิงเทียนไม่ใช่น้องชายของภรรยาเขาป่านนี้เขาคงระเบิดกะโหลกฝั่งตรงข้ามไปแล้ว