ตอนที่ 47 เพื่อนร่วมชั้นประสาอะไร!

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เมื่อฟังคำพูดของหลินซือหราน สวีเหยากวงก็มองฉินหร่านที่กำลังหมุนปากกาในมืออย่างหัวเสีย เขาเป็นคนใจเย็นและสุขุมก็ยังตอบสนองไม่ทัน 

 

 

“ฉันทำข้อนี้ไม่ได้ แต่ฉันก็ส่งไป หร่านหร่านช่วยใส่คำตอบข้อนี้ให้ฉันทีสิ” หลินซือหรานเหมือนจะเห็นว่าสวีเหยากวงแปลกใจแล้วเอียงหัวเพื่ออธิบาย 

 

 

ฟิสิกส์ไม่เหมือนกับภาษาจีนโดยเฉพาะการเติมคำตอบในช่องว่าง คำถามนี้ไม่รู้จะเริ่มแก้ยังไง แถมเวลาก็ยังจำกัดอีก หลินซือหรานจึงแค่เหลือบมองแล้วข้ามมันไป 

 

 

เมื่อเธอส่งข้อสอบทีหลัง หลินซือหรานไม่ได้ตอบคำถามข้อใหญ่ด้วยซ้ำ แล้วเธอจะมากังวลเรื่อง การเติบคำตอบในช่องว่างทำไม  

 

 

หลินซือหรานรู้สึกว่าฉินหร่านเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ เธอทำข้อสอบทุกข้อ เติมทุกช่องว่างไม่ให้เหลือ ไม่แม้แต่จะเหลือช่องว่างใดๆ ในข้อสอบ  

 

 

เธอเลยเอาปากกามาเติมคำตอบ 

 

 

เมื่อรู้อัตราการตอบถูกของฉินหร่าน หลินซือหรานแค่ปล่อยให้เธอเติมคำตอบลงไป ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้เธอทำได้ถูกต้อง 

 

 

หลินซือหรานเขย่าแขนของฉินหร่านอีกครั้ง “หร่านหร่านๆ …”  

 

 

“เธอเป็นหมูหรือไง” ฉินหร่านกดที่ขมับของเธอ เธอวางปากกาลงบนหนังสือแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เธอนั่งไขว้ขาและเริ่มอ่านคำถาม 

 

 

ถ้าพวกเขายังตอบคำถามแค่นี้ไม่ได้ แล้วจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ยังไง ฉินหร่านชำเลืองมอง 

 

 

หลินซือหราน 

 

 

ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นสูงของประเทศ มหาวิทยาลัยปักกิ่งจัดเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลก นักเรียนของโรงเรียนอีจงต่างก็มุ่งหวังที่จะเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งให้ได้ 

 

 

“คำถามนี้” ฉินหร่านเชิดคางปละกระแอม “ฉันก็เดาๆ เอา”  

 

 

เดาๆ เอา… 

 

 

สองจุดห้าคูณด้วยสแควรูทสิบเอ็ด 

 

 

ใครก็เบื่อที่ต้องตอบคำถามแบบสุ่มที่ซับซ้อนอย่างนี้ 

 

 

คนทั่วไปจะเดาว่าสองไม่ก็สแควรูทสอง 

 

 

หลินซือหรานกับสวีเหยากวงดูท่าทางไม่เชื่อ 

 

 

“แค่นั้นแหละ” ฉินหร่านนั่งลงอย่างสบายๆ เคาะโต๊ะด้วยมือข้างหนึ่ง เพื่อเป็นสัญญาณให้ หลินซือหรานหยิบกระดาษคำตอบคณิตศาสตร์ออกมาจากใต้โต๊ะ 

 

 

หลินซือหรานหยิบมันออกมาด้วยความสงสัยและไม่ลืมที่จะสังเกตสีหน้าของฉินหร่าน 

 

 

หน้าของฉินหร่านยังคงดูสบายๆ เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย “ฉันพยายามแก้โจทย์นี้มาครึ่งวันก็ได้สมการนี้มา เพราะมันผิดฉันก็เลยคัดลอกมันลงไปในกระดาษคำตอบของเธอ”  

 

 

หลินซือหรานและสวีเหยากวงก้มลงไปดู 

 

 

คำถามข้อใหญ่ข้อแรกของฉินหร่านถูกเติมคำตอบด้วยสมการ 

 

 

ปัญหาสำคัญประการแรกในวิชาคณิตศาสตร์คือแบ่งเป็นเป็นคำถามย่อยๆ คำตอบที่ถูกต้องคือ สามสิบหก ยกเว้นคนที่ทำพลาดโดยไม่ได้สนใจ ในโรงเรียนคงมีเพียงฉินหร่านเท่านั้นที่สามารถให้คำตอบ ที่ดูยุ่งเหยิงแบบนี้ได้ 

 

 

เพราะว่าเธอตั้งใจทุ่มเทอย่างหนักจนแก้มันได้เป็นครั้งแรก ก็สมเหตุสมผลที่เธอจะคิดมันในใจได้ 

 

 

ถึงฉินหร่านจะไม่อธิบาย หลินซือหรานรู้ว่าเป็นเพราะสมองของฉินหร่าน  

 

 

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง” หลินซือหรานพยักหน้า 

 

 

สวีเหยากวงได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม เขาวางกระดาษของฉินหร่านแล้วชำเลืองไป ที่สมุดงานของฉินหร่านที่กำลังเขียนอยู่ 

 

 

หนังสือปกสีน้ำเงิน 

 

 

มันดูคุ้นตา 

 

 

สวีเหยากวงก้าวเท้าไป 

 

 

ชำเลืองดูเอกสารนั่นอีกครั้งและเห็นว่ามันเป็นหนังสือแบบฝึกหัดของโรงเรียนมัธยมในกำกับของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง หนังสือแบบฝึกหัดนี้ทางโรงเรียนได้จัดทำขึ้นมาเอง มันไม่ได้ยากมากนัก แต่ต้องมีความรู้ครอบคลุมและมีทักษะการคิดที่มีเหตุผล 

 

 

สวีเหยากวงทำของเขาเรียบร้อยแล้ว 

 

 

หนังสือแบบฝึกหัดนี่มีขายแค่ในเขตปักกิ่ง มณฑลหรือเมืองอื่นๆ ไม่รู้ว่าหนังสือแบบฝึกหัดเป็น เอกสารเฉพาะ 

 

 

เขาไม่เคยเห็นใครในอวิ๋นเฉิงใช้แบบฝึกหัดนี้ 

 

 

สวีเหยากวงทนไม่ได้ที่จะมองไปทางอื่น 

 

 

ฉินหร่านสวมหูฟังอีกครั้งแล้วเริ่มจรดปากกาทำแบบฝึกหัดของเธอ 

 

 

เธอเป็นคนถนัดซ้ายและเขียนช้าๆ โดยไม่ได้หยุดพักนานนัก บางครั้งเธอก็เขียนลงกระดาษทด ถึงจะเขียนอย่างช้าๆ เธอก็ไม่ได้หยุดนิ่ง เธอเขียนต่อไปอย่างลื่นไหล 

 

 

เพียงชั่วอึดใจคำถามที่ว่างเปล่าก็ถูกเขียนเติมลงไป 

 

 

สวีเหยากวงชำเลืองไปอีกด้าน ฉินหร่านฉีกคำตอบออกมาแล้วทับมันไว้ใต้แขนของเธอ 

 

 

เขามองอย่างไม่ใส่ใจ 

 

 

เขาอยากจะเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย แต่ครั้งนี้เขาจะไม่เตือน เขาจะแจกจ่ายข้อสอบของฉินหร่านและออกไป  

 

 

หลังจากเขียนคำถามไปได้สองสามหน้า ฉินหร่านก็เพิ่มเสียงเพลงให้ดังขึ้นพร้อมฟุบหน้าลงบนโต๊ะเพื่อจะนอนหลับ 

 

 

ก่อนที่จะนอน เธอเอื้อมมือออกไปและเขียนคำถามอีกสองสามข้อในกระดาษของหลินซือหราน “ฉันไม่เข้าใจตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนั้น ฟังดีๆ นะ แล้วมาบอกฉันตอนเลิกเรียนด้วย” 

 

 

เมื่อหลี่ไอ้หรงเข้ามาในห้องเพื่ออธิบายแบบฝึกหัด เธอไม่พอใจที่เห็นฉินหร่านนอนหลับบนโต๊ะ เธอไม่เข้าใจว่าอาจารย์ใหญ่และเกาหยางคิดอะไรอยู่กันแน่ 

 

 

การมีคนแบบนี้อยู่ในห้องมันส่งผลต่อบรรยากาศการเรียนจริงๆ 

 

 

ฉินหร่านถอนหายใจ นี่เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นประสาอะไรเนี่ย ถึงต้องมากังวลกับการเรียนของเพื่อนร่วมชั้นด้วย  

 

 

** 

 

 

ห้องอาจารย์ใหญ่ 

 

 

อาจารย์ใหญ่สวีถือหนังสืออยู่ในมือ เขาไม่ได้อ่านมันแค่ถือแว่นไว้เฉยๆ เขาประหลาดใจกับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา “นายน้อยเฉิงมีอะไรหรือ” 

 

 

“คุณมีเอกสารของฉินหร่านไหมครับ” เฉิงเจวี้ยนถามขณะถือแก้วชา ดวงตาของเขาลึกและปลายนิ้วยาวของเขาสะท้อนกับแก้วชาพอร์ซเลน 

 

 

“มี…” อาจารย์ใหญ่สวีชะงักและไม่รู้จะตอบอะไร 

 

 

“เปลี่ยนเบอร์ติดต่อฉุกเฉินของเธอเป็นของลู่จ้าวอิ่งชั่วคราวครับ” เฉิงเจวี้ยนหยุด และพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนครอบครัวจะไม่ได้สนใจเธอนัก เธอเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่ทำงานในห้องพยาบาลของโรงเรียน” 

 

 

ตระกูลลู่บริจาคให้ทุกคนในปักกิ่ง 

 

 

อาจารย์ใหญ่สวีไม่คิดว่าลู่จ้าวอิ่งจะมีเมตตาแบบนี้ 

 

 

เฉิงเจวี้ยนรายงานตัวเลข 

 

 

อาจารย์ใหญ่สวีจดบันทึกลงไป หลังจากเฉิงเจวี้ยนกลับไป ของมองดูตัวเฉิงเจวี้ยนอย่างครุ่นคิด 

 

 

มันก็มีเหตุผลอยู่ว่าอาจารย์ใหญ่ไม่ควรทำแบบนั้น เดิมทีเบอร์ติดต่อฉุกเฉินคือเบอร์ของหนิงฉิง มันไม่เคยเปลี่ยนเลยนับตั้งแต่ที่โรงเรียนประถมบันทึกลงในเอกสาร 

 

 

แต่… 

 

 

อาจารย์ใหญ่สวีมองไปยังทางที่เฉิงเจวี้ยนออกไป ในท้ายสุดเขาก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ 

 

 

เมื่อมองไปที่เบอร์โทรนี้ เขาก็จำได้ว่าเบอร์โทรศัพท์ของลู่จ้าวอิ่งนั้นดูเหมือนจะลงท้ายด้วยหมายเลขแปด เบอร์โทรนี้มันผิดหรือเปล่า 

 

 

“อาจารย์ใหญ่สวีมีคนมาหาคุณอยู่ข้างนอกครับ” 

 

 

“ใครเหรอ” อาจารย์ใหญ่สวีได้สติกลับมา  

 

 

“ตระกูลหลิน” 

 

 

** 

 

 

ตอนที่ฉินหร่านไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน ลู่จ้าวอิ่งกำลังจ่ายยาให้กับนักเรียน เฉิงเจวี้ยนไม่ได้อยู่ในห้องพยาบาลของโรงเรียน 

 

 

เธอตรงเข้าไปในครัว 

 

 

หลังจากนั้นไม่นานชายร่างใหญ่ในชุดดำที่เธอเคยเจอมาก่อนผลักเปิดประตูห้องพยาบาลของโรงเรียนแล้วเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาแข็งทื่อและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ 

 

 

“นายน้อยเฉิงอยู่ที่ไหน” เขาถามด้วยลมหายใจ 

 

 

เขาสังเกตเห็นใครบางคนในครัวและจดๆ จ้องๆ เป็นผู้หญิงที่เขาเคยเห็นตอนเที่ยงเมื่อวานซืน ชายในชุดดำลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว 

 

 

“เขามาหาอาจารย์ใหญ่สวี” ลู่จ้าวอิ่งส่งยาให้กับนักเรียนและเมื่อนักเรียนออกจากห้องพยาบาลของโรงเรียนเขาก็หันหน้าไป “เกิดอะไรขึ้น”  

 

 

“ทีมเจียงได้ข่าวแล้ว” เมื่อเขาพูดจบ ชายชุดดำก็หยุด เขาตรงเข้าไปที่ครัวแล้วก็กันพื้นที่ไว้บางส่วน 

 

 

“ไม่ต้องตรวจสอบอีกแล้ว” ลู่จ้าวอิ่งหลีกเลี่ยงฉินหร่าน เขาโยนปากกาลงบนโต๊ะ 

 

 

ชายชุดดำไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ “ทำไม” 

 

 

“เราเจอหมาป่าเดียวดายแล้ว” เฉิงเจวี้ยนผลักประตูเข้ามา ลมพัดเข้ามาปะทะตัวเขา เสียงของเขาต่ำและเฉื่อยชา 

 

 

ชายในชุดดำดูประหม่าและอยากจะโต้เถียง แต่เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็หยุดนิ่งไม่ตอบโต้อะไร ตัวแข็งทื่อ 

 

 

ในห้องครัว ฉินหร่านทำแก้วในมือหล่นลงไปโดนเท้า  

 

 

เพล้ง! 

 

 

เฉิงเจวี้ยนรีบไปดู “เป็นอะไรไหม”