ตอนที่ 55 ดื่มน้ำอย่าลืมคนขุดบ่อ
“พี่สวี อีกหลายวันกว่าการประลองระหว่างศิษย์ของเราสองสำนักจะจบลง พวกเรามาเล่นกันต่อดีหรือไม่ ? ”
หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง นักพรตฉางเสวียนก็เอ่ยถามสวีฉิงเทียนที่มีสีหน้าหดหู่ขึ้นมา
สวีฉิงเทียนขมวดคิ้วแน่น มุมปากกระตุกอย่างอดมิได้ “เจ้ากังวลว่าข้าจะเล่นลูกไม้หรือไง ? ”
“พี่สวี ท่านเข้าใจผิดแล้ว”
นักพรตฉางเสวียนหันไปสบตากับหลี่ชิ่งที่ยืนอยู่ข้างกายเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยพลางลูบหนวดของตนไปด้วย “พวกเราสองคนรู้จักกันมาหลายร้อยปี คำพูดของท่านย่อมเชื่อถือได้อยู่แล้ว”
สวีฉิงเทียนเอ่ยเสียงเย็นออกมา “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้ายังชนะเจ้าได้ หรือคิดว่าข้ายังมีอารมณ์จะเดินหมากเป็นเพื่อนเจ้าอีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เอ่ยจบสวีฉิงเทียนก็เพ่งสมาธิ จากนั้นก็หยิบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติของเขาอีกที ก่อนจะวางลงตรงหน้านักพรตฉางเสวียน
“สมบัติโบราณ 2 ชิ้นล้วนอยู่ในนี้ เจ้ารับไปเถิด ! ”
สวีฉิงเทียนทำตาขวางใส่นักพรตฉางเสวียนที่กำลังยิ้มกว้างให้เขา หลังจากนั้นก็ได้ลุกขึ้นยืน
ก่อนจะกวาดตามองเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง พลางตำหนิเสียงเข้มว่า “นี่เป็นงานประลองของศิษย์สองสำนัก แล้วพวกเจ้าพากันมาอยู่ตรงนี้เพราะเหตุใดงั้นหรือ ? ”
เหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนจะพร้อมใจกันหมุนตัวจากไปอย่างรีบร้อน
เอ่ยจบ สวีฉิงเทียนก็กวาดตามองเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาพลางสะบัดแขนเสื้อ แล้วหายตัวไปในอากาศทันที
หลังจากสวีฉิงเทียนรวมทั้งเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงจากไปแล้ว เหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนต่างก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา
“ศิษย์พี่ฉางเสวียน ยินดีด้วยขอรับ ! ”
“ศิษย์พี่ฉางเสวียน ท่านแพ้มานับครั้งมิถ้วนตลอดสองร้อยปีที่ผ่านมา แต่บัดนี้นับว่าทวงเกียรติกลับคืนมาได้แล้วนะขอรับ”
“จริงสิ เจ้าสำนักจื่อชิงเมื่อครู่แม้จะบอกว่าตัวเองมิได้เล่นลูกไม้ แต่กลับมอบเพียงสมบัติโบราณให้เราแค่ 2 ชิ้น ทว่ายังมีสมบัติวิญญาณอีกสิบกว่าชิ้นที่ยังมิได้มอบให้เราเลยนะขอรับ”
“ใช่แล้ว ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้ สมกับเป็นคนพูดอย่างทำอย่างมาตั้งแต่ไหนแต่ไรจริง ๆ ”
“เอาล่ะ ๆ เทียบกับสมบัติโบราณ 2 ชิ้นแล้ว สมบัติวิญญาณสิบกว่าชิ้นจะไปมีค่าอะไรกัน”
ขณะที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจาราณ์กันอยู่นั้น นักพรตฉางเสวียนจึงลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยว่า “หากมิใช่เพราะคำชี้แนะของท่านบรรพจารย์เย่ เกรงว่าชาตินี้ข้าคงมิมีทางเอาชนะหมากของเจ้าสำนักจื่อชิงได้เป็นแน่”
นักพรตจิ่วจวีหรี่ตาลง พลางกวาดสายตามองทุกคน จากนั้นจึงถามขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านบรรพจารย์เย่ผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นคนเยี่ยงไรกันแน่ มิเพียงแต่แตกฉานในวิถีกระบี่อย่างมาก ทว่าความแตกฉานในวิถีหมากเกรงว่าก็คงอยู่ในขั้นสูงสุดเช่นกัน”
นักพรตชิงเย่พยักหน้าเห็นด้วย “เมื่อครู่ได้ยินศิษย์น้องหลี่กล่าวว่า เจ้าสำนักจื่อชิงได้รับการถ่ายทอดมาจากเทพแห่งหมากล้อมคนปัจจุบัน หนานกงเสวียนจี แต่ท่านบรรพจารย์เย่เพียงแค่ชี้แนะศิษย์พี่ฉางเสวียนเท่านั้น กลับสามารถเอาชนะเจ้าสำนักจื่อชิงได้โดยง่ายเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าความแตกฉานในวิถีหมากของท่านบรรพจารย์เย่นั้นแตกฉานเพียงใด”
ทันใดนั้นก็มีผู้อาวุโสผู้หนึ่งเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พลางพึมพำว่า “ท่านบรรพจารย์เย่ท่านนี้ของพวกเรา ช่างเป็นคนที่น่าพิศวงยิ่งนัก ! ”
“จริงสิ ศิษย์พี่ฉางเสวียนรีบนำสมบัติโบราณ 2 ชิ้นนั้นออกมาดูกันเถิด ว่าเป็นสมบัติโบราณอะไรกันแน่”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งมองนักพรตฉางเสวียนด้วยใบหน้ายินดีปรีดา
ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ของเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนต่างก็จับจ้องไปที่นักพรตฉางเสวียนเป็นตาเดียว
นักพรตฉางเสวียนพยักหน้ารับยิ้ม ๆ ก่อนจะเพ่งสมาธิ พลันแหวนเก็บสมบัติในมือก็มีประกายแสงสองดวงพุ่งออกมา
เพียงพริบตาสมบัติโบราณที่แผ่กลิ่นไอของความโบราณก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้น
ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นไอผนึกบางอย่างแผ่กระจายออกมาด้วยเช่นกัน
“พู่กันโบราณหนึ่งด้าม ! ”
“ระฆังสําริดที่ดูชำรุดเล็กน้อยหนึ่งใบ ! ”
พู่กันโบราณที่ทำขึ้นอย่างประณีตจากวิญญาณเหล็กโยวเหลย มีรัศมีเปล่งประกายและเก่าแก่อย่างมาก ตัวพู่กันมีไอพลังสีเขียวอ่อนไหลวนอยู่ภายใน
แต่ที่น่าแปลกก็คือปลายพู่กันที่ทำจากขนบางอย่าง กลับแผ่พลังดึงดูดจิตวิญญาณของผู้ที่พบเห็นออกมา
ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความพิเศษของพู่กันโบราณด้ามนี้ จนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างอดมิได้ ก่อนจะสบตากัน
นักพรตฉางชิงขมวดคิ้วแน่นและคาดเดาว่า “พู่กันโบราณด้ามนี้คงจะมีที่มาที่ไปเป็นแน่ เพียงแค่ไอพลังจากปลายพู่กันที่แผ่ออกมาก็ทำให้จิตวิญญาณของข้าสั่นไหวได้ถึงเพียงนี้ หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดคงจะทำมากจากขนของสัตว์เทพบางชนิดเป็นแน่”
ดวงตาของนักพรตจิ่วจวีหรี่เล็กลง พลางจับจ้องไปยังพู่กันโบราณที่ลอยอยู่ในอากาศ “ดูจากไอพลังที่ปล่อยออกมาจากตัวพู่กันแล้ว ตัวพู่กันด้ามนี้คงจะทำมาจากของวิเศษชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าวิญญาณเหล็กโยวเหลย”
“ตามบันทึกในคัมภีร์โบราณกล่าวไว้ว่าวิญญาณเหล็กโยวเหลย เป็นของวิเศษที่อัศจรรย์พันลึกเทียบได้กับของอมตะ แต่วิญญาณเหล็กโยวเหลยจะมีความพิเศษตรงที่จะแผ่ไอบางอย่างที่สามารถกระตุ้นจิตวิญญาณได้ออกมา หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ต่ำกว่าขั้นมหายานมิมีทางต้านการกัดกินของพลังนี้ได้เป็นอันขาด เช่นนั้นข้าว่าพู่กันโบราณด้ามนี้อาจมิใช่ของที่เป็นมงคลก็ได้”
คนที่เหลือที่สัมผัสถึงไอพลังของพู่กันโบราณนี้ ต่างมองสบตากันและพยักหน้าให้อย่างเห็นด้วย
จากนั้นสายตาของทุกคนก็หันไปยังระฆังที่ลอยอยู่อีกด้านหนึ่ง
ระฆังใบนี้ดูทรงพลังยิ่ง แสงที่เปล่งประกายออกมามีสีสันหลากหลายยิ่งนัก รวมถึงไอพลังแห่งความเก่าแก่ที่แผ่ออกมาด้วย
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ความงามของระฆังใบนี้ลดทอนลงไปก็คือ รอยร้าวตรงปากของระฆัง แต่ยังคงแผ่ไอพลังอันน่ากลัวออกมา
เห็นได้ชัดว่าระฆังใบนี้เคยสังหารผู้คนมามากมายเพียงใด จึงได้ทำให้เกิดไอสังหารที่น่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้
นักพรตหยวนเจี้ยนจึงได้เอ่ยวิเคราะห์ขึ้นว่า
“ระฆังใบที่แฝงไว้ด้วยไอพลังอันน่ากลัวเช่นนี้ หากนำไปเป็นอาวุธวิเศษหลักของค่ายกลป้องกันภูผาของเรา ถึงเวลานั้นขอเพียงค่ายกลถูกใช้งาน เกรงว่าแม้แต่เหล่าผู้กล้าขั้นมหายานก็คงมิอาจทำลายค่ายกลป้องกันภูผาได้กระมัง”
ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็พยักหน้า พร้อมฉีกยิ้มออกมา
นักพรตฉางชิงยกมือขึ้นลูบหนวดพลางเอ่ยว่า “ตอนนี้พวกเรามีท่านบรรพจารย์เย่คอยคุ้มครองเขาไท่เสวียน อีกทั้งค่ายกลป้องกันภูผาและยังได้อาวุธวิเศษที่น่ากลัวเช่นนี้มาเป็นอาวุธหลักด้วยแล้ว เห็นทีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของเราจะต้องเจริญรุ่งเรืองไปอีกนานเท่านานอย่างแน่นอน”
“ศิษย์พี่ฉางชิงพูดมีเหตุผล ! ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ”
ขณะที่เหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนต่างหัวเราะอย่างมีความสุข และเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีอยู่นั้น นักพรตฉางเสวียนที่นิ่งเงียบมาตลอด จึงได้โบกมือไปมาให้ทุกคน
“ทุกท่าน พวกมนุษย์มีคำกล่าวโบราณกล่าวเอาไว้ว่า ดื่มน้ำอย่าลืมคนขุดบ่อ1 พวกเจ้าอย่าได้ลืมว่าที่วันนี้ข้าเอาชนะเจ้าสำนักจื่อชิง จนได้สมบัติโบราณ 2 ชิ้นนี้มาครอบครองได้นั้น ล้วนเป็นเพราะผู้ใด”
เขากวาดตามองทุกคนที่กำลังหน้าชื่นตาบาน ก่อนจะเอ่ยขึ้น
เหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้ยินเช่นนั้น ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบแทบจะทันที
ขณะเดียวกันใบหน้าของทุกคนก็ฉายชัดถึงความละอายใจ
ใช่แล้ว !
การที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนโชคดีเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะท่านบรรพจารย์เย่ที่เร้นกายอยู่ด้านล่างภูเขาทั้งนั้น
อีกทั้งเมื่อพวกเขาได้เห็นสมบัติโบราณ 2 ชิ้นนี้ ก็คิดเพียงแต่จะครอบครองและจะใช้มันเยี่ยงไร กลับมิมีใครคิดว่าควรจะตอบแทนท่านบรรพจารย์เย่เช่นไร
ขณะนั้นเองก็มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ศิษย์พี่ฉางเสวียน ข้าคิดว่ารอการประลองระหว่างศิษย์ทั้งสองสำนักจบลง ท่านควรนำสมบัติโบราณทั้งสองชิ้นนี้ไปพบท่านบรรพจารย์เย่ด้วยตัวเอง แล้วลองฟังความเห็นของเขาดู จะดีกว่าหรือไม่ขอรับ ? ”
นักพรคจิ่วจวีหลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ส่ายหน้าและเอ่ยออกมาว่า “ข้าคิดว่าหากเป็นระฆังใบนี้อย่าดีกว่า และเลี่ยงมิให้ท่านบรรพจารย์เกิดความเข้าใจผิดด้วย”
นักพรตฉางเสวียนมองนักพรตจิ่วจวี พร้อมกับพยักหน้าและเอ่ยว่า “ข้าก็คิดเช่นนั้น อีกทั้งพู่กันด้ามนี้เกรงว่าในโลกนี้คงมีเพียงท่านบรรพจารย์เย่ผู้เดียวที่สามารถสะกดไอพลังของมันได้”
คนที่เหลือที่ได้ยิน ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
1 ดื่มน้ำอย่าลืมคนขุดบ่อ สุภาษิตจีนหมายความว่า อย่าลืมบุญคุณของผู้มีพระคุณ