ผ่านไปอีกสองวัน ในที่สุดรอบเดือนของเซี่ยยวี่หลัวก็หมด
ต้องใช้สายคล้องแถบผ้าทั้งวัน เซี่ยยวี่หลัวแสนจะอึดอัดใจ เพราะไม่ใช่แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เมื่อใช้เสร็จยังต้องล้างให้สะอาด เพื่อเตรียมใช้ครั้งต่อไปอีก นึกแล้วก็คิดถึงผ้าอนามัยในยุคปัจจุบันที่ทั้งสะอาดและสะดวก ใช้แล้วทิ้งได้ สะอาดและถูกสุขอนามัยเสียยิ่งกว่าอะไร!
เซี่ยยวี่หลัวได้แต่หวนนึกถึงสิ่งเหล่านี้ในห้วงความคิดเท่านั้น
น้ำมันในบ้านหมดพอดี เซียวจื่อเซวียนออกไปเก็บผักป่าข้างนอก เกรงว่าก่อนเที่ยงคงไม่กลับมา นางจึงพาเซียวจื่อเมิ่งออกจากบ้านไปพร้อมขวดน้ำมัน
สิ่งของอย่างข้าวสารและน้ำมัน ในหมู่บ้านมีบ้านหนึ่งขายของพวกนี้โดยเฉพาะ เซียวจื่อเมิ่งไม่รู้เรื่องที่เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าบ้านหลังนั้นอยู่ที่ไหน เพียงกระโดดโลดเต้นตามเซี่ยยวี่หลัวไปยังบ้านหลังนั้น
ระหว่างทางที่มา เซี่ยยวี่หลัวสอบถามจนรู้อย่างชัดเจนแล้ว
คนขายข้าวสารและน้ำมันเป็นครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านสกุลเซียว บุตรชายของเขาทำการค้าเกี่ยวกับข้าวสารและน้ำมันอยู่ในตัวเมือง ผู้เป็นบิดาไม่มีอะไรทำ จึงขายข้าวสาร แป้ง เมล็ดพืช และน้ำมันอยู่ในหมู่บ้าน ช่วยอำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านได้ไม่น้อย
“ท่านปู่เซียว เรามาซื้อน้ำมันเจ้าค่ะ” เซียวจื่อเมิ่งเห็นคนชราที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู จึงตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแต่ไกล
แม้จะบอกว่าเป็นคนชรา แต่ก็ไม่ได้ดูแก่มากนัก ท่าทางอายุประมาณห้าสิบกว่าปี นอนอยู่บนเก้าอี้นอนหรี่ตานั่งตากแดด ในมือถือกล้องยาสูบ ส่งปลายกล้องเข้าปากเพื่อสูบเป็นครั้งคราว บนกล้องยาสูบมีควันขาวลอยเอื่อยๆ
เมื่อท่านปู่เซียวได้ยินน้ำเสียงอ่อนหวานที่คุ้นเคย จึงลุกขึ้น หรี่ตามอง ได้ยินเสียงของเซียวจื่อเมิ่งที่กล่าวทักทายตนเองมาแต่ไกล จึงแย้มรอยยิ้ม “จื่อเมิ่งมาแล้วงั้นหรือ?”
เคลื่อนสายตาที่มองเซียวจื่อเมิ่งไปมองเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างๆ รอยยิ้มบนใบหน้าพลันแข็งทื่อ สายตาของเขามองในระยะไกลได้ไม่ชัดเจนนัก จนตอนที่เซี่ยยวี่หลัวเดินเข้ามาใกล้ จึงพบว่าคนผู้นี้คือเซี่ยยวี่หลัว
เพราะในระยะไกล เขามองไม่ชัดเจน เห็นเซียวจื่อเมิ่งสนิทสนมกับสตรีผู้นั้นมากก็นึกว่าเป็นเซียวหมิงจู คิดไม่ถึงว่าพอเดินเข้ามาใกล้ กลับเป็นเซี่ยยวี่หลัว ทำให้ท่านปู่เซียวประหลาดใจ
เซียวจื่อเมิ่งจับมือเซี่ยยวี่หลัวไว้ เมื่อมาถึงข้างกายท่านปู่เซียว ก็ใช้มือทั้งคู่ยื่นส่งขวดน้ำมันให้ท่านปู่เซียว “ท่านปู่ เราจะซื้อน้ำมันหนึ่งขวด”
ท่านปู่เซียวลุกขึ้นรับขวดน้ำมันจากมือเซียวจื่อเมิ่ง ไม่มองเซี่ยยวี่หลัวที่กล่าวทักทายตนเองแม้แต่น้อย พาดกล้องยาสูบไว้ที่เอว นำขวดน้ำมันเข้าไปเติม
ไม่นานมานี้เซียวจื่อเซวียนมาซื้อข้าวสารเกือบสิบจิน ตอนนี้มาซื้อน้ำมันอีกหนึ่งขวด ท่านปู่เซียวไม่รู้สึกว่าแปลกแล้ว
เพียงแต่เขาที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คำพูดบางอย่างที่ควรพูดก็ยังต้องพูด
มีบ้านไหนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอย่างเซี่ยยวี่หลัวบ้าง
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกวางตัวไม่ถูก ดูท่าคนที่ชอบสองพี่น้องเซียวจื่อเมิ่ง ล้วนไม่ชอบตนเอง ก็ไม่น่าแปลก นางร้ายผู้นี้ทำเรื่องให้คนอื่นไม่ชอบมากแค่ไหนกัน!
ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่านปู่เซียวนำขวดน้ำมันออกมา น้ำมันเติมเต็มจนถึงปากขวด ยื่นส่งให้เซียวจื่อเมิ่งพร้อมกล่าวกำชับ “ต้องระวังให้ดี เดินระวังอย่าให้หกล่ะ!”
เซียวจื่อเมิ่งรับมาอย่างว่าง่าย
เซี่ยยวี่หลัวถาม “น้ำมันขวดนี้ราคาเท่าไหร่หรือ!”
ท่านปู่เซียวทำเสมือนเซี่ยยวี่หลัวเป็นอากาศธาตุ แม้จะตอบคำถามของเซี่ยยวี่หลัว ทว่ากลับกล่าวกับเซียวจื่อเมิ่ง “ยี่สิบอิแปะ”
เซี่ยยวี่หลัวนับเหรียญอิแปะยี่สิบเหรียญยื่นส่งให้ท่านปู่เซียว เขากลับไม่รับ บุ้ยปากไปทางโต๊ะตัวเล็กด้วยท่าทางเย็นชา เหมือนจะให้นางวางเงินไว้บนโต๊ะ
เซี่ยยวี่หลัวจนปัญญา ได้แต่วางเงินไว้บนโต๊ะ ท่านปู่เซียวถามเซียวจื่อเมิ่งต่อ “พี่ใหญ่ไม่อยู่ด้วย ระยะนี้สบายดีไหม? ได้กินข้าวหรือไม่?”
เซี่ยยวี่หลัว “…”
ทำเหมือนนางทารุณกรรมเด็กอย่างไรอย่างนั้น
เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้ารัวเหมือนกำลังโขลกกระเทียม พร้อมกล่าวเสียงใส “ข้ากินอิ่มมาก มีไข่และเนื้อหมูให้กินทุกวันเลยเจ้าค่ะ”
ท่านปู่เซียวพยักหน้าด้วยท่าทางสบายใจ ดูจากสีหน้าของสองพี่น้องเซียวจื่อเซวียนวันนี้ ดูดีกว่าช่วงก่อนหน้านี้มากจริงๆ
“ได้กินก็ดี ลำบากพี่ใหญ่ของเจ้าแล้ว ก่อนจะไป ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาเงินมาได้บ้าง กลัวว่าพวกเจ้าจะกินไม่อิ่ม เงินของเจ้ากับพี่รอง มีไว้ให้พวกเจ้าใช้จ่ายและซื้ออาหาร แต่พวกเจ้าก็ต้องใช้อย่างประหยัด กินเนื้อกินไข่ทุกวัน หากใช้เงินจนหมดเร็วเกินไป ต่อไปพวกเจ้ายังจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ เอาเงินที่ไหนมากินอีก? พี่ใหญ่ของเจ้าอีกสามเดือนกว่าถึงจะกลับมา! พวกเจ้าอย่าโดนคนอื่นหลอก ต้องใช้เงินอย่างประหยัด วันคืนยังอีกยาวไกล อย่าโดนคนอื่นหลอกให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเงินไม่พอใช้!”
ระหว่างกล่าวก็จงใจเหลือบมองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง วาจานี้น่าจะกล่าวให้เซี่ยยวี่หลัวฟัง เหมือนกำลังตำหนิเซี่ยยวี่หลัวว่าใช้จ่ายไม่เป็น
หลอกเด็กสองคนให้ใช้เงินจนหมดอย่างรวดเร็ว ต่อไปบนตัวเด็กไม่เหลือแม้แต่อิแปะเดียว จะกินอะไร ใช้อะไร?
อย่างเซี่ยยวี่หลัวมีหรือจะใจดีซื้อไข่ซื้อเนื้อหมูให้เด็กๆ กิน?
เซี่ยยวี่หลัวกลับผงะไป ไม่ใช่เพราะท่านปู่เซียวตำหนินาง แต่เป็นเพราะ เมื่อครู่นางได้ยินชัดเจน ความหมายของท่านปู่เซียวคือ ก่อนเซียวยวี่จะไป เคยให้เงินจำนวนหนึ่งไว้กับเด็กๆ เอาไว้ให้เด็กๆ ใช้
เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้าด้วยท่าทางว่าง่าย “ข้ารู้แล้ว ท่านปู่!”
ท่านปู่เซียวทอดถอนใจ “พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นคนดี ทำเพื่อพวกเจ้า พวกเจ้าอย่าทำให้เขาเป็นห่วง เขาอยู่ข้างนอก ไม่แน่ว่าอาจต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากก็เป็นได้!”
เขากล่าววาจาหนักแน่น ทั้งยังจงใจถลึงตาใส่เซี่ยยวี่หลัวอีกครั้ง แววตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและโมโห ราวกับว่าเซี่ยยวี่หลัวกระทำความผิดใหญ่หลวงอย่างไรอย่างนั้น
สุดท้ายเขากลับไปเอนหลังบนเก้าอี้นอนอีกครั้ง ไม่ได้กล่าวอะไรกับเซี่ยยวี่หลัวแม้แต่คำเดียว ทำเสมือนนางเป็นอากาศธาตุ
เซี่ยยวี่หลัวไม่โกรธ หลังจากเซียวจื่อเมิ่งคุยกับท่านปู่เซียวเสร็จ จึงนำขวดน้ำมันกลับไป
เซียวจื่อเมิ่งก็สังเกตเห็นแล้วว่าท่านปู่เซียวไม่สนใจและแสดงกิริยาไม่พอใจใส่พี่สะใภ้ใหญ่ นางบีบมือเซี่ยยวี่หลัว เงยหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเบาบาง “พี่สะใภ้ใหญ่ ปกติท่านปู่เซียวเป็นคนดีมากเจ้าค่ะ”
เพราะเป็นคนดีจริงๆ ถึงได้เกลียดชังนางร้ายอย่างนางถึงเพียงนี้
เซี่ยยวี่หลัวมองเซียวจื่อเมิ่ง เอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ก่อนพี่ใหญ่เจ้าจะไป มอบเงินให้พวกเจ้าด้วยหรือ?”
ฟังจากวาจาของท่านปู่เซียว เหมือนว่าเซียวยวี่อยู่ข้างนอกจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
เซียวจื่อเมิ่งเบิกตาสีดำคู่โตด้วยท่าทางงุนงง “ข้าก็ไม่รู้!”
นางอายุยังน้อย เซียวยวี่ย่อมไม่บอกนาง แต่หวนคิดถึงตอนที่เซียวจื่อเซวียนได้กินของดี สีหน้าที่ทั้งสับสนและรู้สึกผิดนั่น เซี่ยยวี่หลัวมั่นใจว่าเซียวจื่อเซวียนรู้แน่นอน
เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเซียวจื่อเมิ่ง น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “กลับบ้านกันเถิด!”
ระหว่างทางกลับ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกหดหู่เล็กน้อย มองเส้นทางขากลับ ไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่ แต่เซี่ยยวี่หลัวกลับรู้สึกว่าแต่ละก้าวช่างหนักอึ้ง
ก่อนจะถึงบ้าน นางส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มขมขื่น เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งเป็นน้องของเขา ก่อนเขาจะไป ย่อมต้องตระเตรียมเงินสำหรับใช้จ่ายในสามเดือนไว้ให้ เขารู้อยู่แล้วว่าไม่อาจคาดหวังอะไรกับเซี่ยยวี่หลัว จึงได้แต่มอบเงินให้เซียวจื่อเซวียนดูแล
เซี่ยยวี่หลัวนะเซี่ยยวี่หลัว ในบ้านหลังนี้ไม่มีใครชอบเจ้าสักคน