บทที่ 5 วิ่งหนี

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ซึ่งเป็นสายเรียกเข้าจากโรงพยาบาล
เธอไม่ใช่แพทย์แผนปัจจุบัน ยิ่งไม่ใช่แพทย์รักษาโรคฉุกเฉินด้วย การที่โทรมากลางดึกกลางดื่นเช่นนี้ คงไม่ได้เรียกเธอไปรักษาคนไข้หรอก
ไม่ได้เรียกไปรักษาคนไข้?
แต่กลับโทรตามหลายสายแบบนี้ มันเป็นเพราะอะไร?
หรือว่า?
ชั่วอึดใจนั้นสมองของเธอมีความคิดน่ากลัวแวบผ่าน วินาทีต่อมาเธอรีบกระโดดลุกขึ้นจากเตียง
“คิวคิว รินจัง รีบตื่นเร็ว วันนี้หม่ามี๊จะพาพวกหนูไปเที่ยว เร็วหน่อยนะ ไม่งั้นจะไม่ทัน”
เธอพุ่งเข้าห้องนอนเด็กแล้วปลุกลูกรักทั้งสองที่ยังหลับลึกให้ตื่น
หนูรินจัง “หม่ามี๊……”
เสียงเด็กน้อยนุ่มนวลและขี้เกียจ ดวงตากลมโตไม่ยอมลืมตาขึ้นเสียที ท่าทางเหมือนคนยังไม่ตื่นนอนสุด ๆ
ทว่าเมื่อคิวคิวได้ยินคำว่า“เที่ยว”ก็รีบลืมตาทันควัน
“ไปเที่ยวเหรอครับหม่ามี๋?พวกเราไม่เที่ยวเหรอครับ?หม่ามี๊ไม่ต้องทำงานเหรอครับ?”
“พักผ่อนสักช่วงหนึ่งก่อน หม่ามี๊จะพาพวกลูกไปเที่ยวญี่ปุ่นนะ หม่ามี๊จองตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว อยากจะเซอร์ไพรส์ลูก ๆ รีบตื่นเร็ว ๆ”
เส้นหมี่ตอบคำตอบของลูกชายไปพร้อมกับอุ้มลูกสาวที่งัวเงียอยู่บนเตียงขึ้นมา
เห็นภาพนั้นคิวคิวก็ไม่พิรี้พิไร รีบลงจากเตียงทันที
ยี่สิบนาทีต่อมา สามแม่ลูกก็จับสัมภาระแล้วออกจากบ้าน
“วง……วง……”
พอดีกับตอนนี้มือถือของเส้นหมี่เกิดระบบสั่นขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเพื่อนรักพิมแสงโทรมา จึงรีบรับสาย
“ฮัลโหล?”
“โอ้พระเจ้า สวยใส เกิดอะไรขึ้นที่โรงพยาบาลหรือ?ห้องตรวจของเธอมีคนเยอะมากเลยนะ ?ทำท่าจะมาพังบ้านเลย เหมือนพวกเขากำลังตามหาเธออยู่นะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เธอขอลากะทันหัน จากนั้นโรงพยาบาลก็อึกทึกแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น?เธอไปผิดใจพวกเขาเหรอ”
พิมแสงเหมือนเป็นปืนกลไม่มีผิด เอ่ยปากพูดเป็นต่อยหอยไม่หยุด
เส้นหมี่ได้ยินสีหน้าก็ยิ่งซีดขาว
“ไม่มีอะไรหรอก พวกเขาอยากให้ฉันรักษา แต่ฉันไม่อยากรักษาให้ พวกเขาแค่จะหาข้อมูลของฉันที่ห้องตรวจของฉันเฉย ๆ เธอไม่เป็นกังวล พวกเขาไปค้นหาแล้ว เธอก็รีบกลับไปเถอะ”
“จริงเหรอ?”
พิมแสงกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
แต่ตอนนี้เส้นหมี่จะไม่บอกอะไรเพื่อนรักมากมายหรอก เพราะเธอไม่มีเวลา และรู้สึกไม่มีความจำเป็นด้วย
เมื่อวางสายเธอก็รีบพาลูก ๆ ไปยังสนามบินด้วยความเร็วแสง
เส้นหมี่จะไม่เปิดเผยสถานะที่แท้จริงเด็ดขาด ยังไม่พูดถึงเรื่องที่เธอไม่อยากเจอหน้าผู้ชายระยำตลอดชีวิตเลย ลำพังเรื่องลูก ๆ เธอก็ไม่มีทางให้เขารู้เรื่องเด็ดขาด
เพราะหากรู้เมื่อไหร่ เขาต้องแย่งลูกไปจากเธอแน่
และด้วยความสามารถของเธอในตอนนี้ ไม่มีทางต่อกรกับหนึ่งในนักธุรกิจระดับโลกโดยมีเพียงไม่กี่คนได้เลย
และเป็นเพราะสาเหตุนี้ หลังจากที่เธอเจอหน้าผู้หญิงสำส่อนคนนั้นเมื่อคืน เธอกลับถึงบ้านก็รีบจองตั๋วโดยเร็ว แล้วโทรบอกให้พิมแสงไปเก็บบัตรและเอกสารของเธอที่โรงพยาบาล
ทว่าเธอก็ดำเนินการช้าไป
ไอ้ผู้ชายสวะคนนี้ เธอไม่คิดเลยว่าจะเร็วขนาดนี้ ถึงขั้นบุกเข้าโรงพยาบาลกลางดึก
เขาไม่หลับไม่นอนหรือไง?
เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำเอิกเกริกไปได้
เส้นหมี่ขบฟันแล้วขับรถพาลูกทั้งสองคนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งใช้เวลาเพียงสามสิบนาทีก็ถึงสนามบินแล้ว
“คิวคิวดูน้องอยู่ตรงนี้ก่อนนะ หม่ามี๊ไปเช็คอินก่อน”
“ครับหม่ามี๊”
คิวคิวเป็นเด็กดีมาก เห็นหม่ามี๊เร่งรีบและตึงเครียดก็รีบรับปากทันที
ดังนั้นเส้นหมี่จึงรีบนำพาสปอร์ตไปเช็คอินเพื่อรับตั๋วโดยสาร
ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอโมโหก็คือ ตอนที่เธอเช็คอินผ่านตู้ เมื่อป้อนข้อมูลเข้าไปแล้ว หน้าจอกลับแสดงขึ้นมาว่า ไม่สามารถอ่านข้อมูลได้
เป็นบ้าอะไรกันเนี่ย?
รู้ว่าเธอรีบแต่ดันมากวนใจเธอเสียนี่
เส้นหมี่จึงได้แต่อดทน เอาพาสปอร์ตไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์
“สวัสดีค่ะ ฉันจะเช็คอินเที่ยวบิน XXค่ะ”
“ใช่คุณสวยใสหรือเปล่าคะ?ขออภัยด้วยนะคะ ตอนนี้คุณถูกระงับการเดินทางออกนอกประเทศค่ะ”
คิดไม่ถึงว่าพนักงานเคาน์เตอร์คนนี้เห็นพาสปอร์ตเธอแล้วก็ลั่นประโยคนี้กับเธอ
ระงับการเดินทางออกนอกประเทศหรือ?
ทำไม?เธอทำผิดอะไร?
เส้นหมี่ตกตะลึงพรึงเพริด
“ขอโทษนะคะ ฉันขอถามหน่อยว่าทำไมฉันถึงถูกระงับคะ?”
“ขออภัยค่ะ ดิฉันไม่ทราบสาเหตุค่ะ ดิฉันรู้เพียงว่า ทางเราได้รับแจ้งว่าห้ามคุณหมอสวยใสของโรงพยาบาลเคลียร์ออกนอกเขตค่ะ ถ้าคุณมีคำถาม สามารถโทรถามหน่วยงานของรัฐหรือไม่ก็โทรถามโรงพยาบาลของพวกคุณก็ได้ค่ะ”
“……”
แม่ง!
ในช่วงประมาณสิบวินาทีให้หลัง ในที่สุดเส้นหมี่ตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราดอย่างห้ามไม่อยู่
คุณหมอสวยใสของโรงพยาบาลเคลียร์!
ยังต้องถามสาเหตุอีกหรือ?!!
ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ไอ้สวะคน!เขามีอำนาจค้ำฟ้าถึงที่นี่เชียวหรือ?สามารถสั่งให้สายการบินระงับการเดินทางของเธอได้โดยพลการ?
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เขายังตรวจสอบได้ว่าเธอจะบินไปที่ญี่ปุ่น!
เส้นหมี่โกรธขึ้งจนตัวสั่นเทิ้ม พลางรู้สึกภาพตรงหน้าเริ่มมืดดำ