ตอนที่ 58 แม่ยาย

จี้เจี้ยนอวิ๋นจะไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไปได้อย่างไร?

หลังได้ยินภรรยากล่าวว่าอย่างนั้นแล้ว เขาก็ทำเพียงยิ้ม เขารู้ว่าภรรยาของเขากุมความลับอะไรบางอย่างไว้จริง ๆ เพียงแต่เธอไม่ได้พูดออกมา และเขาเองก็ไม่ได้คิดจะถามเธอด้วย เรื่องนี้ทั้งคู่ต่างรู้ใจกันดี

ระหว่างสามีภรรยาก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องของตัวเองหมดทุกเรื่อง ตราบใดที่พวกเขาครองคู่อยู่กันได้อย่างปกติสุข

“คุณกำลังเลี้ยงผมเหมือนสัตว์เลี้ยงของคุณอยู่หรือครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว

ซูตานหงมองบนใส่เขา “ถ้าฉันเลี้ยงดูคุณเหมือนสัตว์เลี้ยงจริงคงไม่ดูแลคุณแบบนี้หรอกนะคะ ทั้งกินดีอยู่ดีขนาดนี้ แถมยังได้เป็นพ่อของเด็กด้วย ที่ว่ามานี่ไม่ใช่เหรอคะ?”

จี้เจี้ยนอวิ๋นมีท่าทางอ่อนลงเมื่อเธอบอกว่าเขาเป็นพ่อเด็ก

เขาอดไม่ได้ที่จะหอมเธอสองครั้ง ซึ่งซูตานหงก็ออกอาการหน้าแดง เพราะเขาชอบจู่โจมเธอในเวลากลางวันแสก ๆ ต่อให้มองบนใส่แล้วเขาก็ไม่สนใจอะไรเลย

จี้เจี้ยนอวิ๋นเริ่มสำรวจบ้าน ตอนนี้อากาศเย็นลง เขาจำเป็นต้องซ่อมแซมในจุดที่ต้องซ่อม ซึ่งโรงเก็บฟืนหลังบ้านตอนนี้มีฟืนอยู่เต็มแล้ว พอใช้สำหรับทั้งฤดูหนาวนี้อย่างแน่นอน

สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือไฟฟ้า บ้านของพวกเขาติดตั้งไฟฟ้าเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว ทำให้ทุกอย่างดูสะดวกสบายขึ้นมาก

เนื่องจากท้องของภรรยาใหญ่จนใกล้กำหนดคลอดแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่ยอมปล่อยให้เธอต้องเหนื่อย เขาทำงานบ้านทุกอย่างด้วยความขยันขันแข็ง และในทุกครั้งที่เห็นภรรยาท้องแก่ของตนทำท่าจะเข้าครัวไปทำอาหาร เขาก็จะมีท่าทางตื่นตระหนกเหลือแสน

ซูตานหงเห็นอาการตื่นตูมเกินเหตุของเขาแล้วก็รู้สึกอารมณ์เสียนิด ๆ

“ภรรยาครับ ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปนั่งเล่นที่บ้านคุณแม่นะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกเมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทางเบื่อ ๆ

“ตกลงค่ะ” ซูตานหงพยักหน้า การอยู่บ้านมันช่างน่าเบื่อเหลือเกิน ความจริงแล้วถ้าจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้ติดตามดูทุกฝีก้าวด้วยกลัวว่าเธอจะเหนื่อยล่ะก็ เธอก็จะกลับไปที่บ้านทางฝั่งแม่เพื่อดูว่าทางนั้นเป็นอยู่อย่างไรกันบ้าง

เมื่อก่อนหน้านี้พี่สะใภ้รองซูของเธอก็ตั้งครรภ์เหมือนกัน ตอนนี้หล่อนตั้งครรภ์ได้ราว 3 หรือ 4 เดือนแล้ว เรื่องนี้นับว่าเป็นข่าวดีทีเดียว แต่ด้วยความเข้มงวดกวดขันของแม่ของเธอแล้ว พี่สะใภ้รองจะต้องไม่คิดที่จะทำอะไรใด ๆ ซึ่งซูตานหงก็คิดอยู่ว่าจะให้จี้เจี้ยนอวิ๋นพาเธอกลับไปที่บ้านฝั่งแม่ของตน

ทั้งคู่มาที่บ้านหลักตระกูลจี้ ในขณะนี้คุณแม่จี้กำลังสับอาหารไก่อยู่ มันเป็นปลาเล็กปลาน้อยสับแล้วปรุงกับผักต่าง ๆ นับเป็นวัตถุดิบที่ดีมากสำหรับการเลี้ยงไก่

เป็นเพราะคุณแม่จี้ให้อาหารอย่างสม่ำเสมอ ไก่ที่นางเลี้ยงไว้จึงขยันออกไข่ทุกวัน จนตอนนี้พวกเขาเก็บไข่ไว้ได้มากแล้ว

นางเลี้ยงไก่ก็เพราะซูตานหง ไม่อย่างนั้นนางคงไม่เลี้ยงเพื่อจะนำมาเชือดทำเป็นอาหารบำรุงหลังคลอดให้เธอหรอก

“ดึงเก้าอี้มาให้ตานหงนั่งสิ”

คุณแม่จี้มีความสุขมากที่เห็นคนทั้งสองมาหา นางเอ่ยสั่งลูกชายในทันที

จี้เจี้ยนอวิ๋นทำท่าจะลากเก้าอี้มาให้ แต่ซูตานหงก็ห้ามไว้เสียก่อน “ฉันไม่นั่งหรอกค่ะ ขอฉันยืนบ้าง ฉันนั่งทั้งวันจนกระดูกกระเดี้ยวอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว”

“จริงด้วยสินะ” คุณแม่จี้พยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้หล่อนกำลังจะคลอดแล้ว ต้องเดินเหินให้มาก ๆ จะได้คลอดง่าย ๆ ตอนนั้นแม่ก็ต้องไถพรวนไร่ก่อนจะคลอดเพียงวันเดียว แม่ต้องทำงานตลอดทั้งวันไม่หยุดพัก แค่คลอดลูกจะเป็นเรื่องยากอะไร? เหมือนกับแค่เบ่งไข่ หลังจากนั้นก็เสร็จแล้ว”

ซูตานหงทำหน้าเหวอ(囧)เล็กน้อย

จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน “แม่ นี่ท้องแรกของตานหงนะครับ”

“ยิ่งกำลังมีลูกคนแรกยิ่งต้องเดินให้มาก ๆ เข้าไว้ ถ้าเธอคลอดในยุคก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องง่ายมาก แต่ตอนนี้มีนโยบายวางแผนครอบครัวแล้ว ถ้าเธอมีลูกเกิน 1 คน เธอจะต้องจ่ายค่าปรับ แทบจะเหมือนกับบังคับให้มีลูกคนเดียวเลย” คุณแม่จี้พูด

ค่าปรับดังกล่าวคิดเป็นเงินจำนวนมาก เหมือนกับบ้านรองที่ลูกคนโตเป็นลูกสาว ทางบ้านรองจึงพยายามที่จะมีลูกกันอีกคนเพราะพวกเขาอยากได้ลูกชายบ้าง แต่ลูกคนที่สองก็ยังเป็นลูกสาวอีก ทำให้ต้องจ่ายค่าปรับไปมหาศาลจากเงินที่ทั้งสองช่วยกันเก็บไว้

“ผมจะพูดเรื่องนี้ภายหลังแล้วกันครับ รอจนคนนี้คลอดออกมาก่อนแล้วก็ค่อยว่ากัน” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มพลางเหลือบมองภรรยาของตน เขารู้ว่าเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของเธอก็คือการมีลูกชายและต้นไม้ในสวนจำนวนมาก แม้แต่ห้องหอก็ถูกจัดเตรียมไว้ให้ลูก ๆ แล้ว

ซูตานหงมองเขาด้วยสีหน้าแดงสลับขาวก่อนจะพูดขึ้น “คุณไปตักน้ำมาให้ฉันหน่อยสิคะ ฉันจะเอามาเลี้ยงไก่”

จี้เจี้ยนอวิ๋นตักน้ำครึ่งกระบวยให้เธอ ซูตานหงก็หยิบมาแล้วเดินมาที่เล้าไก่ เมื่อเธอเทน้ำลงไป เธอก็รดน้ำพุวิเศษลงไปด้วย ทำให้บรรดาแม่ไก่ทั้งหลายได้กลิ่นและพากันมารุมดื่มน้ำ

ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นกับคุณแม่จี้ก็กำลังคุยกันถึงเรื่องผ้าอ้อมสำเร็จรูป คราวที่แล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นไปซื้อห้องชุดในเมืองมหาวิทยาลัย เขาก็เห็นว่ามันมีผ้าอ้อมสำเร็จรูปวางขาย แต่ด้วยความที่เห็นว่าช่วงนั้นเป็นเวลาสองเดือนก่อนคลอด เขาจึงไม่ได้ซื้อมันมาด้วยเพราะกลัวว่ามันจะหมดอายุ ตอนนี้เขาเลยอยากจะไปซื้อก่อนที่ลูกของเขาจะคลอด

เขาอยากให้แม่ของเขาคอยดูแลภรรยาให้เป็นเวลา 1 วัน

คุณแม่จี้ปฏิเสธในทันทีโดยไม่ต้องคิด นางพูดด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก “ทำไมเรื่องเยอะขนาดนี้? เด็กบ้านเรามีใครบ้างที่ใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป? ไม่ต้องพูดถึงค่ารถไปกลับเลย ข้าวของก็ยังแพงอยู่มาก แถมตอนนี้ก็ซื้อเครื่องซักผ้ามาใช้ในบ้านแล้ว ไม่ใช่ว่าจะเอามาซักผ้าอ้อมหรอกเหรอ? แกไม่ได้ให้อะไรกับฉันด้วยซ้ำ กลับเผาเงินเป็นว่าเล่นแบบนี้เนี่ยนะ!”

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่คิดเลยว่าทันทีที่เขาเสนอความคิดของตัวเองออกมา เขาก็ถูกแม่ตัวเองสวดยับ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้

แต่ซูตานหงที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้ยินเข้าและเหลือบมองเขา

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงหยุดพูดไปเช่นกัน

ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ที่บ้านของคุณแม่จี้นานเป็นครู่ใหญ่ก่อนจะขอตัวกลับ

“เจี้ยนอวิ๋น คุณไปซื้อผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่เมืองมหาวิทยาลัยพร้อมกับนมมอลต์สกัดและของอย่างอื่นได้นะคะ ซื้อไว้เยอะ ๆ แล้วก็ขนกลับมาทีเดียว ฉันเกรงว่าในตอนนั้นเราจะมีอาหารไม่พอให้ลูกของเรากินน่ะค่ะ” ซูตานหงพูดขึ้นเมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้านกันแล้ว

“ถ้าผมไปเมืองมหาวิทยาลัยแล้ว คุณก็อยู่บ้านคนเดียวน่ะสิครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นย่นคิ้วและไม่ยอมรับข้อเสนอนี้

“ถ้างั้นคุณก็ให้คุณป้าหยางมาอยู่เป็นเพื่อนฉันได้นะคะ แล้วถามหล่อนว่าอยากซื้อของอะไรไหม ถ้าเห็นว่าหล่อนอยากฝากซื้อก็ซื้อกลับมาพร้อมกัน ถ้าคุณป้าหยางมาอยู่ที่นี่แล้วคุณจะสบายใจขึ้นไหมคะ? มันแค่วันเดียวเท่านั้นเอง ไปซื้อแล้วกลับมาในวันเดียวกันก็ได้แล้ว” ซูตานหงเอ่ย

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไปหาคุณป้าหยาง ซึ่งคุณป้าหยางก็เห็นด้วยโดยไม่ต้องเอ่ยสักคำ นางไม่มีของอะไรต้องซื้อจริง ๆ แล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ตั้งใจไปซื้อผ้าอ้อมสำเร็จรูปกับนมผง แล้วนางจะสั่งอะไรเพิ่มให้เป็นภาระทำไมล่ะ?

“เจี้ยนอวิ๋น เธอไปที่นั่นเถอะ ไม่ต้องห่วงทางบ้านนี้ มีป้าหยางอยู่ด้วยทั้งคนแล้วจ้ะ” คุณป้าหยางบอกด้วยรอยยิ้ม

จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ฟังก็โล่งใจ

เมื่อเขากลับมาที่บ้านหลังไปหาคุณป้าหยางมาแล้ว ซูตานหงได้เตรียมตะกร้าบรรจุของกินไว้เรียบร้อย จากนั้นเธอก็กล่าวว่า “เจี้ยนอวิ๋น ท้องของฉันใหญ่จนเดินไม่สะดวก คุณเอาของตะกร้านี้ไปส่งให้แม่ของฉันให้แม่ทำอาหารอร่อย ๆ ให้สะใภ้รองทานนะคะ”

“ตกลงครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบและนำตะกร้าใส่ของมาที่บ้านตระกูลซู

คุณแม่ซูยังคงต้อนรับลูกเขยคนนี้ที่มาหาถึงบ้านอยู่เสมอ แม้เขาเพิ่งจะออกจากกรมทหารมา แต่ลูกเขยคนนี้ก็มีรูปร่างสูงใหญ่อกผายไหล่ผึ่ง ซึ่งเหมาะสมกับลูกสาวของนางแล้ว แถมเขายังกตัญญูรู้คุณอีกด้วย แล้วทำไมคุณแม่ซูจึงจะไม่ชอบเขาล่ะ?

“คุณแม่ครับ ตานหงขอให้ผมเอาของมาแสดงความกตัญญู ในนี้มีเนื้ออยู่ 2 ชั่ง หล่อนบอกว่าเอาไว้ให้หลานตัวน้อย ๆ กินน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยื่นตะกร้าให้นางด้วยรอยยิ้ม

“ตานหงเอาของมาให้หลายอย่างทีเดียว หล่อนคงจะเอามาให้พี่สะใภ้รองที่บ้านนี้กินบ้างน่ะสิท่า” คุณแม่ซูยิ้มขณะมองของในตะกร้า เห็นว่าเป็นเนื้อสามชั้น 2 ชั่งและน้ำตาลทรายขาวจำนวนหนึ่ง ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นของดี จากนั้นนางก็กล่าวต่อ “เอาน้ำตาลทรายขาวนี่กลับไปเถอะจ้ะ อีกไม่นานตานหงก็จะคลอดลูกแล้ว เอากลับไปให้หล่อนกินซะ”

“บ้านเรามีทั้งน้ำตาลทรายแดงกับน้ำตาลทรายขาวอยู่แล้วครับ คุณแม่เก็บไว้เถอะ แล้วนี่พี่รองไปไหนแล้วครับ? เขาออกไปทำงานอีกแล้วเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม

ซึ่งพี่รองที่เขาหมายถึงก็คือพี่ชายรองของซูตานหง

……………………………………………