ตอนที่ 65 หญิงชราผู้นี้ดีมีอะไรกัน

“ไม่จำเป็นต้องมาเตือนสติผม!” จิ่งเป่ยเฉินกัดฟันแน่น ก่อนจะเผยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนที่ดวงตาสีดำของเขานั้นลึกล้ำ

คำพูดของอันอีหานทำให้เขาผิดหวัง

ในทางกลับกันผู้หญิงที่ดูใจร้ายเช่นนี้ กลับไม่แสดงท่าทีที่อะไรออกมา

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโกรธอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไร

โอวหยางลี่เมื่อเต้นรำเสร็จ นับตั้งแต่ที่จิ่งเป่ยเฉินเต้นรำกับอันอีหาน เขาก็รู้สึกแปลกๆ ส่งสายตาจับจ้องไปที่อันอีหาน แทบไม่ลดละสายตาแต่อย่างใด

อารมณ์ของเธอที่แสดงออก พร้อมกับท่วงท่าที่เข้าใจถึงบทเพลงของแทงโก้ ก็ทำให้เขานั้นไม่เข้าใจอย่างหนัก

ความคุ้นเคยที่ยากจะลืมเลือนมันถูกฝึกลังไปถึงกระดูก เมื่อมองไปที่เธอแล้ว ก็แทบจะบ้าคลั่งโดยทันที

แต่ทว่า……

เธอคงเป็นโหรวโหรวจริงๆสินะ?

เหอเหมียวหันหน้า ก่อนจะจ้องมองไปที่สายตาของโอวหยางลี่ ช่วงเวลาเหล่านี้มันทำให้เธอนั้นรู้สึกรำคาญใจ

คืนนี้โอวหยางลี่สูญเสียตัวตนไปเพราะอันอีหานอยู่หลายครั้ง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่า เธอเหมือนกับจับจุดที่เขาจะไม่เอาเธอเอาไว้ได้

เพียงแต่หญิงชราคนนี้มันทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด นี่มีข้อดีตรงไหนไม่ทราบที่เขาจะสนใจ

ไม่ได้การ ดูท่าเธอต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อสั่งสอนให้อันอีหานหลาบจำบ้างแล้ว เพื่อระบายความแค้นที่มีอยู่ในใจ

เหอเหมียวตัดสินใจไปแล้ว ดวงตาของเธอนั้นจะเฉือนด้วยมีดที่อาบยาพิษ และเธอไม่รู้เลยว่า เล็บของตัวเธอนั้นกำลังจิกและจมเข้าไปตรงเนื้อในมือ เนื่องจากเธอตัวสั่นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

  ……

จิ่งเป่ยเฉินเดินไปข้างหน้า เดินไปด้วยท่าทางที่ยากลำบาก และเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

อันโหรวไม่สามารถเดินต่อไปได้ทัน เนื่องจากการแต่งตัวของเธอนั้นไม่สะดวกที่จะเดินเท่าไหร่นัก เธอแค่ยกระโปรงยาวๆ และเดินตามด้านหลังของเขาไป

ในที่สุดเมื่อเธอไปถึงตรงประตูรถ เธอก็เหลือบเห็นรถเบนท์ลีย์ที่แล่นมาด้วยความรวดเร็ว

นี่เขาจงใจยังงั้นสินะ!

“จิ่งเป่ยเฉิน!” อันโหรวโกรธและรู้สึกรำคาญ ก่อนจะกระทืบเท้าไปอย่างขมขื่น

นับตั้งแต่ที่โอวหยางลี่ได้ออกจากสถานที่จัดงาน เมื่อได้เห็นว่าอันโหรวนั้นกำลังยืนอยู่คนเดียว สายลมที่พัดผ่านไปตามเส้นผมของเธอ มันช่างดูให้เหมือนตอนเที่เธอเต้นรำไม่ผิด เขายิ้มออกมา ก่อนจะก้าวเดินออกไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว ไม่ช้าก็อยู่ใกล้ๆตัวเธอ

“คุณหนูอัน ที่นี่น่าจะเรียกรถแท็กซี่ไม่ได้ ทำไมประธานจิ่งถึงได้ปล่อยคุณไว้อยู่คนเดียวเช่นนี้ล่ะ?” โอวหยางลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

อันโหรวเหลือบมองตัวเขา ก่อนจะเหลือบมองไปที่เหอเหมียวที่เรียกได้ว่าเธอนั้นปฏิบัติตนเป็นศัตรูอย่างชัดเจน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะโกรธและเอ่ยออกไป “ทำไมคุณชายโอวหยางถึงไม่ได้ดูแลคนรักลับๆของคนให้ดีๆล่ะ ส่วนเรื่องของฉันไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ”

“ใครบอกเธอกันว่าคนรักลับๆ? พี่ชายโอวชอบฉันจะตาย เขาเองก็วางแผนจะแต่งงานกับฉันด้วย!” เหอเหมียวมุ่ยปากก่อนจะกระทืบเท้าและมองไปที่โอวหยางลี่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งและเอาแต่ใจ “พี่โอวหยาง พี่บอกยัยแก่นี่ไปทีสิ ว่าฉันพูดถูกรึไม่ถูก!”

“เหอเหมียว เธออย่าสร้างปัญหา ฉันบอกอะไรเธอไปลืมหมดแล้วเหรอ?” โอวหยางลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง พร้อมกับความหงุดหงิดที่ยากจะมองเห็น

ยามแรกเขาคิดว่าเหอเหมียวนั้นเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ทำตัวดี แต่ตอนนี้กลับพบว่า แม้แต่สัตว์เลี้ยงที่เชื่อฟังก็ยังโกรธและชอบสร้างปัญหาได้

ซึ่งนั้นเอง ทำให้เขาไม่ชอบ

เหอเหมียวสะดุ้งไปหนึ่งที ก่อนจะหยุดคำพูดลง คืนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองทรมานมากมายนัก เลยไม่กล้าพูดอะไรให้มากความ

อันโหรวมองไปที่ภาพตรงหน้า ก็รู้สึกอยากจะหัวเราะ สุดท้ายก็ทนไม่ได้หัวเราะออกไป

“คุณหนูอัน พวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดก่อนหน้านั้นรึเปล่า?” โอวหยางลี่ได้ยินเสียงหัวเราะของอันโหรว ที่ตอนนี้กำลังหัวเราะหนักมาก จนทนไม่ได้ที่จะถามออกไป “ถ้าหากมี ผมเองก็ต้องขอโทษคุณด้วย หวังว่าหลังจากนี้พวกเราจะเป็นเพื่อนกันได้”

คำพูดเช่นนี้ แน่นอนเรียกได้ว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบ

“ไม่ต้องหรอก ไหนเลยจะกล้าเทียบเคียงคุณชายโอวหยางได้” อันโหรวพูดอย่างปรานีและเดินไปรอบๆตัวเขา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อหวังจะโทรหาหลินจื่อเซี๋ยว ไม่นานโทรศัพท์ก็ถูกแย่งไป

เธอหันหลังกลับไปดู สีหน้าก็พลันจมดิ่งเล็กน้อย มือถือของเธอในยามนี้ตกไปอยู่ในมือของโอวหยางลี่

“พี่โอวหยาง….” เหอเหมียวเห็นสถานการณ์นี้ก็เริ่มคิดว่าชักไม่ถูกต้องแล้ว ก่อนจะรีบทำตัวออดอ้อนและพูดขึ้น “ยัยแก่นี่มีดีอะไร เหอเหมียวปฏิบัติกับคุณทุกวันก็ยังไม่พอเหรอ? คุณถึงได้ไม่บอกชอบฉันมากที่สุดกัน?”

……

ตอนที่ 66 คุณอยากจะไปกับเขายังงั้นเหรอ?

“เธอกลับไปก่อนเลย” โอวหยางลี่สลัดเอามือที่เกาะแกะของเหอเหมียวออกไป และเมื่อเห็นคนขับรถกำลังมา เขาจึงผลักไล่ ให้เหอเหมียวเข้าไปข้างใน และเอ่ยออกไปว่า “ส่งเธอกลับไปซะ”

เขาแทบไม่ได้ให้โอกาสเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ช้าเสียงปิดประตูดัง ‘ปัง’ ก็ดังขึ้น

เหอเหมียวไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ใบหน้าที่สวยงามของเธอนั้นกลับแฝงไปด้วยความเกลียดชังที่ดูน่ากลัว ทำได้แค่ตอนนี้ต้องกลับบ้านไป และคิดวางแผนระยะยาวแทน

  ……

โอวหยางลี่กำโทรศัพท์เอาไว้ในแน่น ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “คุณเกลียดผม ผมรู้สึกได้”

อันโหรวทำได้เพียงหายใจเข้าลึกๆ และพยายามระงับความโกรธเกรี้ยวที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ ก่อนจะรักษาความสงบด้วยรอยยิ้ม “คุณชายโอวหยางเข้าใจผิดไปหน่อยรึเปล่า? ฉันขอบอกเลยว่า พวกเราเจอกันเป็นครั้งสองแล้ว พูดคุยไม่กี่คำก็บทสรุปเป็นเกลียดหรือชอบซะแล้วเหรอ”

เมื่อพูดจบ เธอก็ยกมือขึ้นมาตรงหน้าเขา “มีข่าวลือว่าคุณชายโอวหยางเป็นคุณชายที่อ่อนโยนไม่ใช่เหรอค่ะ อ่อนโยนทำไมอ่อนโยนที่ว่าตอนนี้เหมือนกับคนพาลเลยละคะ?”

โอวหยางลี่รู้สึกหมดคำพูด เขาไม่รู้จะพูดอะไร คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะมีไหวพริบและคำพูดที่เฉียบแหลมขนาดนี้ได้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางโทรศัพท์ไปไว้ในมือของเธอ ช่วงเวลานั้นก็รู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เขารู้สึกมันอธิบายไม่ได้

มันเหมือนกับพฤติกรรมที่เป็นคนอันธพาล ซึ่งเขานั้นไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลย

อันโหรวหยิบโทรศัพท์ และกดหมายเลขเบอร์โทรของหลินจื่อเซี๋ยว แต่ก็ไม่มีใครรับสาย

เธอจะรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้หลินจื่อเซี๋ยวกำลังเอาเด็กน้อยทั้งสองคนไปอาบน้ำ และยุ่งมากเสียจนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ใดๆทั้งสิ้น

“ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลยเหรอ?” โอวหยางลี่ยืนอยู่ข้างๆ คอยเฝ้าดูปฏิกิริยาของเธออย่างเงียบๆ

อันโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าไป และไม่คิดจะพูดคุยกับโอวหยางลี่ ก่อนจะเตรียมตัวเดินผ่าน

“ให้ผมไปส่งคุณกลับเถอะ” โอวหยางลี่ลังเลก่อนจะเดินไปข้างหน้า และคว้าข้อมือของเธอ “รอผมหน่อยนะ ผมจะไปเอารถ”

อันโหรวต้องการจะปฏิเสธ แต่โอวหยางลี่ก็ไม่มีท่าทีที่จะปล่อยมือเธอแม้แต่น้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณค่อนข้างฉลาดนะ รู้วิธีหลีกเลี่ยง แต่ที่นี่ยังไงก็ไม่มีรถแท็กซี่ คุณน่าจะรู้ว่าตอนนี้คุณควรเลือกอะไร นี่นับว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณที่สุดแล้วนะ”

น้ำเสียงของเขานั้นค่อนข้างจริงจัง ก่อนที่มุมปากจะเผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งทำให้อันโหรวรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยกับสายตาที่มุ่งมั่นแบบอธิบายไม่ถูก

เพียงแต่ว่า ที่เขาพูดก็ถูก ไม่มีรถ แล้วเธอจะกลับบ้านยังไง ต่อให้เดินไปก็คงถึงพรุ่งนี้เช้าพอดี ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาหยิ่งผยองเสียด้วย

“คุณไปเอารถเถอะ ฉันจะรอตรงนี้” สุดท้าย อันโหรวก็เอ่ยปากไปอย่างจำใจ

“ไม่ต้องรอนานหรอก เดี๋ยวจะรีบมาเลย” พูดจบ โอวหยางลี่ก็ถอดเสื้อสูทของเขาไว้และสวมมันให้กับอันโหรว เมื่อเห็นเธอกำลังจะถอดออกเขาก็รีบเอื้อมมือไปจับมือของอันโหรวเพื่อห้ามเอาไว้และพูดขึ้น “ร่างกายต้องอบอุ่นเข้าไว้ คืนนี้ลมแรง ระวังป่วยได้”

พูดจบ ก็ไม่ต้องรอให้อันโหรวเอ่ยตอบ เขาก็รีบตรงไปยังโรงจอดรถของสถานที่จัดงาน

อันโหรวเหลือบมองไปยังชุดสูทที่อยู่บนไหล่ของเธอ ไม่นานเธอก็ดึงมันออกโดยทันที

ตราบใดที่เป็นสิ่งของของโอวหยางลี่ เธอเองก็ไม่อยากจะได้มันอีกต่อไป

ก่อนหน้านี้เขาเคยห่วงใยเธอมากมาย จนทำให้เธอหลงมัวเมาในกับดักของความอ่อนโยน แต่ทว่าตอนนี้เขานั้น กลับทำให้เธอแค่รู้สึกรำคาญใจก็เท่านั้นเอง

ถูกหลอกครั้งเดียว ก็เพียงพอไม่จำเป็นต้องมีครั้งที่สอง

โอวหยางลี่รีบขับรถออกมาอย่างรวดเร็ว รถแฮมเมอร์ค่อยๆขับมาจอดใกล้หยุดอยู่ข้างๆเธอ

“ขึ้นรถสิ” โอวหยางลี่เปิดประตูออกให้

อันโหรวกำลังลังเลเล็กน้อย กัดริมฝีปากล่างไปมา ก่อนที่เธอจะเอื้อมขาเข้าไปในรถ จู่ๆก็มีแสงเจิดจ้ากะพริบไปมาก่อนที่รถที่เร่งมาด้วยเร็วและเหยียบเบรกเอี๊ยดต่อหน้าด้วยความรุนแรง

“อันอีหาน คุณกำลังทำอะไรน่ะ?” จิ่งเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยว่า เขาที่จะโหดร้ายขนาดนี้ กลับเตรียมตัวกระแทกคันเร่งด้วยความรวดเร็วและกลับมารับเธอ ก่อนที่จะได้เห็นฉากอย่างว่า

ใบหน้าของเขานั้นขาวซีด ก่อนจะรีบปลดเข็มขัดนิรภัยและลงจากรถก่อนจะก้าวขายาวๆไปหาอันอีหาน

ชายที่มีเปลวไฟในดวงตา เขาจับมือไปที่อันโหรวด้วยความโกรธที่ถูกระงับจนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เกลียดชัง “ถ้าหากผมไม่กลับมารับ คุณคงอยากจะไปกับเขาแล้วใช่ไหม?”