บทที่ 55 อีกครา

“ศิษย์น้องเฉินเฉียง ในคราวก่อนศิษย์พี่คนนี้พ่ายแพ้จนต้องมอบแหวนของปู่ข้าให้กับเจ้า”

“ในครั้งนี้เจ้าคิดว่าจะใช้สิ่งนี้เป็นสิ่งพนันได้หรือไม่”

“ข้าคิดว่าการพนันของเราควรจะเป็นเหมือนคราวก่อน หากว่าข้าชนะเจ้าในครั้งนี้ เจ้าเพียงส่งแหวนวงนั้นคืนให้ข้าก็พอ เจ้าคิดว่ายังไง”

ด้วยการที่จ้าวฮั่นก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับนายพลวิญญาณแล้วทำให้เขานั้นมีความมั่นใจมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เขาเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องชนะกับอีแค่ระดับทหารอย่างเฉินเฉียงแน่นอน

และนี่เองทำให้จ้าวฮั่นอดไม่ได้ที่จะใช้สิ่งนี้เป็นการเดิมพัน หากว่าเขานั้นนำแหวนกลับมาได้ก็จะถือว่าเขานั้นกู้หน้าของตนเองได้อย่างสมบูรณ์

“โอ้ ท่านอยากจะได้แหวนคืนเหรอ”

เฉินเฉียงได้จับแหวนในมือหมุนเล่นไปมาก่อนที่จะยิ้มกว้าง “ต้องขอโทษจริงๆกับเรื่องนี้นะศิษย์พี่ แต่ข้าสวมใส่มันมานานเกินไปจนในตอนนี้ชอบมันเกินกว่าที่จะนำมันมาวางเดิมพันด้วยได้”

“ส่วนเรื่องการพนันนั้นเอาเป็นใช้แต้มคะแนนคนละหนึ่งหมื่นไม่ดีกว่าหรือ”

จ้าวฮั่นนั้นไม่คิดว่าเฉินเฉียงจะกล้าหักหน้าเขาเรื่องการลงเดิมพันขนาดนี้ นี่ทำให้เขาโกรธถึงขีดสุดจนต้องชี้นิ้วใส่เฉินเฉียงที่ตอนนี้ถูจมูกไปมาโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

“ศิษย์พี่ร่วมสำนักจ้าว ไม่ใช่ว่าท่านในตอนนี้ก็ก้าวขึ้นสู่ระดับนายพลวิญญาณแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าท่านกลัวข้าจนไม่มั่นใจว่าจะชนะพนันได้ในครั้งนี้”

“….อย่าบอกนะว่าท่านไม่มีปัญญาจ่ายอ่ะ”

ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงจะไม่มั่นใจว่าจะชนะจ้าวฮั่นได้ก็ตาม

แต่เมื่อเขาคิดถึงสิ่งที่ชายตรงหน้าสร้างปัญหากับเขามาโดยตลอดก็อดที่จะโกรธและพูดยั่วโมโหออกมาไม่ได้

“ฮั่น เดิมพันไปซะ”

ผู้อาวุโสจ้าวพูดออกมาอย่างเย็นชา “ฮั่น มันก็แค่แหวนเก็บของ ปู่จะหาวงที่ดีกว่านี้ให้เจ้าแน่นอน”

จ้าวฮั่นรู้สึกใจเย็นลงเมื่อได้ยิน รอยยิ้มเยาะได้กลับมาปรากฏบนหน้าเขาอีกครั้ง “ศิษย์น้องเฉิน เอาตามที่เจ้าว่ามาก็แล้วกัน ลงเดิมพันหนึ่งหมื่นแต้มคะแนน”

หลังจากพูดจบ จ้าวฮั่นก็ได้สะบัดตัวและเข้าไปหลังเวที

หลังจากทุกคนได้เห็นเฉินเฉียงก้าวขึ้นเวทีไป นักเรียนทุกคนก็ได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที

“พี่น้องทั้งหลาย หากว่าพวกเจ้าอยากจะลงพนันกันล่ะก็รีบมาลงพนันกันที่ข้าได้เลย อย่าได้พลาดโอกาสเป็นอันขาด”

“ศิษย์พี่จาง กับการต่อสู้ที่เห็นผลการต่อสู้ได้ชัดแจ้งขนาดนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้เลยว่าใครจะแพ้ สองพันแต้มคะแนนทั้งหมดที่ข้ามีนี้นั้นย่อมต้องลงว่าจ้าวฮั่นต้องชนะ”

“จริง ข้าเองก็จะลงข้างจ้าวฮั่น เทหมดหน้าตักเลยสามพันแต้ม”

“ข้าก็ด้วย ข้าลงแปดพันแต้มฝั่งจ้าวฮั่น” เมื่อได้เห็นผู้คนนั้นหลั่งไหลมาลงพนันฝั่งจ้าวฮั่นแล้ว กัวเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะถูฝ่ามือไปมาและเข้าร่วมการพนันครั้งนี้อย่างอดไม่ได้

“ฮึ่ม”

“กัวเหลียง ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะพนันงั้นเหรอ เอามานี่สิ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนรับพนันเอง”

ฮู่ต้าไฮ่ได้จ้องมองไปยังกัวเหลียงและศิษย์คนอื่นๆของแผนกวิชายุทธพิเศษที่อยู่บริเวณนั้น “มีใครอยากจะลงพนันอีกรึเปล่า หากว่ามีก็ส่งมาที่ข้า แล้วข้าจะลงพนันให้กับพวกเจ้า”

ใบหน้าที่แสดงความโกรธของฮู่ต้าไฮ่ได้พลันหายไปในทันที คนจากแผนกวิชายุทธพิเศษเองก็บังเกิดความรู้สึกสำนึกผิด ในขณะเดียวกันทุกคนก็มองกัวเหลียงด้วยความรู้สึกอนาถใจ

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคิดจะลงอีก ฮู่ต้าไฮ่ก็ยึดแต้มคะแนนทั้งหมดที่ได้มาจากกัวเหลียงที่ชนะมาอย่างไม่ยากเย็นก่อนหน้านี้ในทันที

“ลงทั้งหมดไปที่เฉินเฉียงชนะซะ”

“ท่านอาจ้านนนน ข้าจะลงฝั่งจ้าวฮั่นต่างหาก” กัวเหลียงร้อนรนในทันทีที่เห็นฉากนี้ “อาจารย์ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าศิษย์น้องนั้นไม่มีโอกาสชนะน่ะ”

“ข้ารู้”

ฮู่ต้าไฮ่มองไปที่กัวเหลียงอีกครั้ง

“กัวเหลียง ฟังข้านะ ไม่สิ พวกเจ้าทุกคนก็ด้วย”

“ต่อให้พวกเจ้ารู้ว่าเฉินเฉียงนั้นไม่มีโอกาสจะชนะ แต่เมื่อใดก็ตามที่ศิษย์ร่วมแผนกลงต่อสู้ในสนามประลอง พวกเจ้าทุกคนต้องลงพนันฝั่งของพวกเราเท่านั้น”

“ข้าเองก็บอกพวกเจ้ามามากมายหลายครั้งแล้วนะว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของแผนกเรานั้นก็คือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”

“ต่อให้คนที่ประลองจะแพ้ แต่พวกเราก็จะต้องยอมรับความพ่ายแพ้นั่นร่วมกัน”

หลู่ฟางและศิษย์ในแผนกวิชายุทธพิเศษคนอื่นๆเองเมื่อได้ยินมาแล้วก็อดที่จะรู้สึกสำนึกไม่ได้ พวกเขาพยักหน้ารับและพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง “ท่านอาจารย์ พวกเราเข้าใจแล้ว”

เมื่อคนที่รับพนันเห็นว่าฮู่ต้าไฮ่ลงว่าเฉินเฉียงชนะ เขากลัวฮู่ต้าไฮ่จะเปลี่ยนใจก็รีบรับค่าคะแนนมาในทันที

“เอาคะแนนข้าไปด้วย ข้าลงห้าร้อยแต้มคะแนนลงว่าเฉินเฉียงจะชนะ” หลิวซวนเอ๋อเองในตอนนี้ได้ลงคะแนนไปยังฝั่งเฉินเฉียงตามไปติดๆ

“นั่นมันศิษย์พี่หลิวไม่ใช่เหรอ เธอเป็นหลานของผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเรานี่นา ไม่คิดเลยว่าเธอเองจะมีความสัมพันธ์กับเฉินเฉียงด้วย”

เมื่อเห็นว่าหลิวซวนเอ๋อนั้นไม่อิดออดที่จะลงพนันฝั่งเฉินเฉียงเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้ศิษย์ที่อยู่โดยรอบอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ในทันที

แต่การพูดคุยนี้ก็เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ เพราะทุกคนต่างก็กลับไปรีบลงพนันกันก่อนที่จะเสียโอกาสดีๆในชีวิตไป

“เหล่าศิษย์พี่และศิษย์น้องทั้งหลาย ในการประลองครั้งนี้นั้น หากใครต้องการที่จะลงฝั่งศิษย์พี่จ้าวว่าเป็นฝ่ายชนะ ทุกคนสามารถลงได้เพียง 50 แต้มคะแนนเท่านั้น แต่หากใครก็ตามที่ต้องการลงฝั่งเฉินเฉียง พวกเจ้าลงได้ไม่อั้น”

“ศิษย์พี่จาง นี่มันไม่ดีนา ทำไมต้องจำกัดกันด้วยล่ะ ข้าเองก็อยากจะได้แต้มคะแนนมากๆสักครั้งในชีวิตเหมือนกัน”

“แล้วยังไง คิดว่าเจ้าฉลาดเลือกได้คนเดียวรึไงกัน”

“การที่นักรบสายเลือดระดับทหารไปท้าประลองกับระดับนายพลวิญญาณแบบนี้ไม่ว่าใครดูก็รู้ว่าชนะ ที่พวกเรายังรับพนันนั้นเป็นเพราะต้องการสร้างสีสันในการประลองเฉยๆเท่านั้น ในเมื่อรู้ผลอยู่แล้วจะยอมเข้าเนื้อไปทำไม”

“นั่นไง เจ้าก็เห็นแล้วว่าตอนนี้ในสนามเริ่มมืดดำแล้ว ข้าไม่รับพนันแล้ว รอดูผลลัพธ์ไปอย่างเดียวก็แล้วกัน”

ในสนามตอนนี้นั้น เฉินเฉียงและจ้าวฮั่นได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งที่สอง และเช่นเดียวกับครั้งก่อน ทั้งสองต่อสู้ในสนามกลางคืน แต่ความคิดของทั้งสองนั้นแตกต่างไปจากเดิม

ในครั้งก่อนนั้น จ้าวฮั่นขึ้นเวทีไปด้วยความรู้สึกที่มั่นอกมั่นใจว่าจะสามารถป้องกันการสังหารถึงตายของเฉินเฉียงได้อย่างแน่นอน ในครานั้น ตั้งแต่ต้นเขาวาดดาบของตนไปรอบๆพร้อมกับความรู้สึกที่กลัวเสียหน้าเท่านั้น

เขานั้นไม่มีความคิดว่าที่ตัวเองต้องแพ้พ่ายโดยเฉินเฉียงเลยแม้แต่น้อย

แต่ในครั้งนี้ จ้าวฮั่นที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาไม่ได้รีบโจมตีอย่างลนลานเหมือนครั้งก่อนแต่อย่างใด เขายืนอยู่เฉยๆและพูดออกมาท่ามกลางบรรยากาศรอบตัวที่มืดมิดและไม่เห็นแม้แต่นิ้วมือของตน

“เฉินเฉียง ไอ้เศษขยะ”

“ครั้งก่อน ข้าแค่เผลอจึงได้แพ้ไปเท่านั้น ตอนนั้นแกทำให้ข้าเสียหน้าอย่างมากเลยจริงๆ แต่ในครั้งนี้แกคิดว่าจะยังมีโอกาสชนะข้าได้อยู่อีกเหรอ”

“ไอ้ขยะ ในครั้งนี้ไม่เพียงข้าจะชนะแก ข้าจะต้องทำให้แกได้ลิ้มล้มประสบการณ์อันน่าอัปยศแบบเดียวที่แกมอบให้ข้าเมื่อคราก่อน”

“แต่ไม่ต้องห่วงนะ หากว่าขยะอย่างแกจะฆ่าตัวตายไปล่ะก็ แน่นอนว่าข้านั้นจะไม่ยอมให้เจ้าต้องตกตายในสนามประลองนี้ไปโดยง่าย”

ทางฝั่งเฉินเฉียงนั้น เมื่อเขาเข้ามาถึงในสนาม เขาก็ได้เปิดใช้ไร้ตัวตนและตรวจจับด้วยเสียงในทันที เขาไม่ได้มีท่าทีต่อคำพูดยั่วโมโหของจ้าวฮั่นเลยแม้แต่น้อย

เอาจริงๆเขาเองก็ไม่คิดว่าจ้าวฮั่นนั้นจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้เหมือนกัน

นี่มันก็เป็นเพียงการประลองธรรมดาระหว่างศิษย์ในสำนัก แต่กลายเป็นว่าเมื่อจ้าวฮั่นพ่ายแพ้ไป กลับทำตัวเป็นเกมจบคนไม่จบซะอย่างนั้น

จากที่ได้ยินมาแล้ว ดูเหมือนว่าจ้าวฮั่นเองก็ต้องการให้เขารับความอัปยศอย่างมากก่อนที่จะสังหารเขาในสนามประลอง

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงเองก็อดที่จะสบถออกมาในใจไม่ได้

เหตุผลที่เขาท้าประลองกับจ้าวฮั่นในครั้งนี้เป็นเพราะว่าเขานั้นหัวร้อนไปหน่อย

แต่เมื่อได้ฟังคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะห่างความแข็งแกร่งของทั้งสองระดับขั้นแล้วทำให้เฉินเฉียงเองกลับยิ่งมั่นใจที่จะชนะมากกว่าเดิม

นั่นก็เพราะในครั้งก่อนนั้น เฉินเฉียงได้เข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับร่างกายของจ้าวฮั่น ประดุจดั่งที่ตัวเขานั้นได้เข้าใจในร่างกายตัวเอง

และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าจ้าวฮั่นย่อมไม่มีทางชนะไปได้

เกี่ยวกับการแพ้ชนะนี้ก็ยังไม่แน่ว่าใครกันที่จะชนะหรอกนะ