“น้องชายของเจ้า? เพราะแบบนี้จึงซุกซนเหมือนลิงเช่นเจ้าสินะ เหยียดวงซวยจริงเชียวที่ได้มาเจอพวกเจ้าสองพี่น้องเช่นนี้”
ชิงหูกลับไม่ได้แสดงท่าทีว่าตัวเองเป็นคนนอก เขานั่งลงบนเก้าอี้ หัวเราะคิกคักมองหน้าหลินเมิ้งหยา
“พูดมาสิ เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน? คงไม่ได้มาสะสางแค้นเก่ากับข้าใช่หรือไม่?”
ได้พูดคุยกับชิงหูหลายครั้ง นางเพิ่งพบว่าเขามิได้เย็นชาเสมือนหน้าตาเลยแม้แต่น้อย
อีกทั้ง ใช่ว่าทุกคนจะสามารถคงความเป็นตัวของตัวเองเอาไว้ได้หลังจากถูกทรมานอย่างแสนสาหัสเช่นนั้น
เชื่อว่าหากนางรักษาชิงหูจนหายดีแล้ว แม้เขาจะไม่ใช่คนดี แต่เขาก็ถือเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้มากพอสมควร
“ข้ามาก็เพราะมีคนทุ่มเงินมหาศาลเพื่อขโมยของจากบ้านเจ้า”
หลินเมิ้งหยากลอกตา จ้องมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขา
“เจ้าเปลี่ยนไปเป็นหัวขโมยตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
ถูกหลินเมิ้งหยาใช้สายตาดูถูกจ้องมอง แม้ชิงหูจะหน้าหนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่สีหน้าก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไป
“สายตาอะไรของเจ้า! ที่เหยียปล่อยเจ้ามาคราวก่อนก็เพื่อเจ้ามิใช่หรือ ฉะนั้นฝ่ายตรงข้ามจึงเปลี่ยนความสนใจ เจ้ามันไร้หัวใจ เป็นเพราะเจ้าเหยียเลยต้องทนทุกข์ทรมาน!”
ขณะเดียวกัน ขนบนร่างของหลินเมิ้งหยาลุกฮือ เหตุใดเจ้าเด็กหนุ่มนี่ถึงพูดจาไร้ซึ่งความตรงไปตรงมาเช่นนี้นะ?
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็อดที่จะไม่เชื่อไม่ได้
ต่างพูดกันว่าเถาฮวาอู๋มีระเบียบวินัยเคร่งครัด ดังนั้นการเป็นนายน้อยจึงไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำได้ง่ายๆ เลย
“จริงสิ เจ้ามาขโมยอะไรที่นี่?”
ปลอบโยนร่างกายแข็งทื่อของหลินจงอวี้ให้ผ่อนคลายลง หลินเมิ้งหยารู้ว่าชิงหูไม่มีทางทำร้ายตนเอง
“เหยียมาขโมยพระราชโองการฉบับหนึ่ง”
พระราชโองการ? หลินเมิ้งหยาเลิกคิ้วขึ้น ของชิ้นนี้ดูไม่มีประโยชน์อะไรเลยมิใช่หรือ?
“อันที่จริงไม่ใช่เพียงบ้านของพวกเจ้า แต่บ้านเล็กบ้านน้อยที่เคยได้รับพระราชโองการเหยียล้วนไปมาหมดแล้ว แต่กลับหาอะไรไม่เจอเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้นเหยียประหลาดใจเหลือเกิน พวกเจ้าเอาพระราชโองการไปเก็บซ่อนไว้ที่ใดกัน? ไม่ว่าเหยียจะหาอย่างไรก็หาไม่เจอ”
เอ่ยถามลอยๆ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับแสยะยิ้มเย็นชาให้กับเขา
“คิดจะหลอกเอาข้อมูลจากข้าหรือ ไม่มีวัน!”
หลินเมิ้งหยาไม่ให้เขาแม้แต่โอกาส นางรีบร้องปฏิเสธทันที
ชิงหูเหลือบมอง เขาไม่มีแม้แต่โอกาส เบะปาก ก่อนจะหายตัวไปจากห้องของหลินเมิ้งหยา
เจ้าเด็กนี่ ทั้งที่ตั้งใจมาส่งข่าวให้นางแท้ๆ ทั้งที่อุตส่าห์ไว้หน้าตัวเองแล้ว แต่เหตุใดจึงทำเสมือนพูดลอยๆ ออกมาเช่นนั้น
“พี่สาว พี่คิดว่าพวกเขามาขโมยพระราชโองการไปทำไม?”
คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากัน พระราชโองการ…จะว่ามีประโยชน์ก็ใช่ จะว่าไม่มีประโยชน์ก็ไม่ใช่
เพียงแค่…หลายปีมานี้ร่างกายของฮ่องเต้ไม่เหมือนก่อน ส่วนใหญ่ฮองเฮาจะเป็นผู้ประทับตราเฟิ่งยิ่น1
ไม่สิ!
ตอนที่แต่งตั้งนางขึ้นเป็นพระชายาอวี้ ตราประทับที่อยู่บนพระราชโองการคือตราพระราชลัญจกรของฮ่องเต้ หรือว่า…
“เสี่ยวอวี้ เจ้าไปเล่นกับพวกป๋ายจื่อก่อนเถิด พี่สาวจะออกไปข้างนอกหน่อย”
หลินเมิ้งหยารีบออกวิ่งไปทางห้องอ่านหนังสือของหลงเทียนอวี้ องครักษ์หน้าประตูล้วนรู้จักหลินเมิ้งหยา ดังนั้นจึงไม่มีใครห้าม
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลงเทียนอวี้จะไม่อยู่ภายใน
“ท่านอ๋องไปไหน?” หลินเมิ้งหยามองพ่อบ้านเติ้งด้วยแววตาร้อนใจ
“ท่านอ๋องมีเรื่องต้องออกไปจัดการด้านนอก โดยมีหลินขุยติดตามไปเพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านเติ้งมองพระชายาที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย ตกลงเกิดเรื่องอะไรกันแน่ เหตุใดพระชายาจึงกระวนกระวายเช่นนี้
“พอท่านอ๋องกลับมาให้รีบบอกให้ไปหาข้าที่สวนหลิวซิน จำเอาไว้ว่าต้องไปทันที!”
หากเรื่องนี้เป็นไปตามการคาดเดาของนาง เรื่องทั้งหมดก็จะกระจ่างทันที
พระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นมิได้ส่งมาเพื่อกำจัดนาง แต่มันคือข้ออ้างเพื่อกักขังทุกคนในจวนแห่งนี้
การที่พระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมถูกทำลาย จะบอกว่าเป็นเรื่องเล็กก็ไม่เล็ก จะบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่
ขอเพียงทำให้พวกนางถูกกักขัง สารภาพ จากนั้นกำจัดให้พ้นทาง
ทว่าระหว่างนั้นอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย!
หากมิใช่เพราะชิงหูมาเปิดเผยข้อมูลให้นางได้รับรู้แล้วละก็ นางคงเดาเรื่องนี้ไม่ออก
“น้าจิ่นเยว่ หมู่เฟยประทับอยู่ที่ใด?”
จิ่นเยว่มองดูพระชายาที่กำลังร้อนอกร้อนใจ ก่อนจะรีบร้อนตอบคำถาม
“พระสนมเต๋อเฟยกำลังพักผ่อนเพคะ พระชายามีเรื่องอันใดหรือ?”
หลินเมิ้งหยาเพิ่งจะพบว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดาของนางเท่านั้น นางไม่มีแม้แต่หลักฐาน
“ข้า…ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงแค่มาถวายคำนับหมู่เฟยเท่านั้น ในเมื่อหมู่เฟยยังบรรทมอยู่ ถ้าเช่นนั้นข้ากลับก่อนล่ะ”
เพิ่งจะพูดจบ จิ้งเยว่กลับเดินออกมาจากตำหนักหยาเสวียน
“พระชายา พระสนมเต๋อเฟยเชิญเสด็จเพคะ…”
แย่แล้ว ทำให้พระสนมเต๋อเฟยตื่นแล้วหรือนี่!
“อืม”
หลินเมิ้งหยากลับมาสงบนิ่งดังเดิม จากนั้นเดินตามหลังจิ้งเยว่เข้าไปยังที่ประทับของพระสนมเต๋อเฟย
“มีเรื่องอันใด? เหตุใดจึงมาที่ตำหนักหยาเสวียนด้วยท่าทางร้อนใจเช่นนี้”
พระสนมเต๋อเฟยเพิ่งตื่นจากการงีบหลับ ทรงผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย ท่าทางเกียจคร้าน อีกทั้งยังมีใบหน้าอิดโรย
หัวใจของหลินเมิ้งหยากระตุก ทว่าใบหน้ากลับกระตุกยิ้มอ่อนโยน
“หยาเอ๋อร์ขออภัยที่มารบกวนหมู่เฟย เรื่องแรกคือหม่อมฉันมาถวายคำนับหมู่เฟย สองคือต้องการปรึกษาเรื่องงานวันเกิดของหมู่เฟย นี่เป็นครั้งแรกที่หย๋าเอ๋อร์ได้จัดงานให้แก่ผู้เป็นแม่ ดังนั้นจึงกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีพอและหมู่เฟยจะทรงกริ้วเพคะ”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงอ่อนโยน คำพูดคำจาทำให้ผู้คนหลงรัก
พระสนมเต๋อเฟยมองเด็กน้อยตรงหน้า คิ้วที่เคยขมวดเข้าหากันจึงคลายออก
“อืม ในเมื่อเจ้าใส่ใจขนาดนี้ หากมีเรื่องอันใดให้เจ้าปรึกษากับจิ่นเยว่ได้เลย หลายวันมานี้ร่างกายของเปิ่นกงรู้สึกปวดเมื่อย คงไม่อาจดูแลพวกเจ้าคนหนุ่มสาวได้”
พระสนมเต๋อเฟยนวดหว่างคิ้ว หลินเมิ้งหยากลับดูออกว่านี่ไม่ใช่เพียงการเจ็บป่วยแค่วันสองวัน
“หมู่เฟย ตอนที่หยาเอ๋อร์ยังอยู่ที่บ้าน หม่อมฉันมักจะนวดบ่าให้กับท่านพ่อ บางทีอาจจะบรรเทาอาการปวดของหมู่เฟยได้นะเพคะ”
พระสนมเต๋อเฟยกลับโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ
“อาการป่วยของเปิ่นกงมีหมอหลวงมากมายคอยดูแล แต่มิมีผู้ใดรักษาให้หายได้ เจ้าเป็นเพียงเด็กจะรู้เรื่องได้อย่างไร กลับไปก่อนเถอะ”
“เพคะ”
หลินเมิ้งหยากลับออกมาอย่างเชื่อฟัง เหตุใดนางจึงรู้สึกแปลกกับอาการป่วยของพระสนมเต๋อเฟยกันนะ?
สิบวันผ่านไป หลงเทียนอวี้มิได้กลับมายังจวน
หลินเมิ้งหยาร้อนใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจเพิกเฉยต่องานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพระสนมเต๋อเฟยได้
“พระชายา นี่คือจิ่นซือหลัวที่ใช้ในวันงานเลี้ยงฉลองเพคะ ได้โปรดพิจารณา”
“พระชายา นี่คือรายการอาหารที่จะใช้ในวันงานเลี้ยงฉลองเพคะ ได้โปรดพิจารณา”
“พระชายา นี่คือรายชื่อแขกเพคะ ได้โปรดพิจารณา”
หลินเมิ้งหยาถูกสิ่งเหล่านี้รบเร้าจนมิอาจทำสิ่งอื่นใดได้
ปกติการจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับพระสนมเป็นเรื่องของฝ่ายใน
แต่เพราะฮองเฮารับสั่งว่าในเมื่อพระสนมเต๋อเฟยเข้ามาอยู่ในจวนอวี้แล้ว เรื่องเหล่านั้นจึงยกให้เป็นเรื่องของคนในจวนเป็นผู้จัดการ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องยุ่งยากมากมายให้จัดการเช่นนี้
จะต้องไม่ทำให้จวนอวี้ต้องขายหน้า ดังนั้นจะต้องจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้ครอบคลุม ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงยุ่งมากจนถอนตัวไม่ขึ้น
นางครุ่นคิด ไม่ควรเสียเวลาอันมีค่าไปกับเรื่องพวกนี้
“ที่ข้าเรียกทุกคนมาในวันนี้ก็เพื่อจะแบ่งงานให้ละเอียด”
ตลอดทั้งเช้า หลินเมิ้งหยาเรียกเหล่าบ่าวและสาวใช้ที่อยู่ในเรือนทั้งหมดมาฟังคำสั่งที่สวนหลิวซิน
“จากนี้ไป ปัญหาเรื่องการตกแต่งให้ไปถามที่หลิวผอจื่อ จากนั้นค่อยให้ป๋ายจีพิจารณา หากป๋ายจีไม่อาจตัดสินใจได้จึงส่งเรื่องมาให้ข้า”
“รายชื่อแขกและของที่ระลึกให้ปรึกษากับพ่อบ้านเติ้ง หากพ่อบ้านเติ้งไม่อาจจัดการได้ค่อยเอาเรื่องมาให้ข้าตัดสินใจ ส่วนเรื่องอื่นๆ หากจัดการเสร็จแล้วให้ส่งเรื่องให้ป๋ายซ่าว”
ทุกคนก้มหน้าฟัง
ตอนแรกคิดว่าพระชายาพระองค์นี้อายุยังน้อย บางทีอาจเป็นการตกปลาในน้ำขุ่น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางกลับไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกจนทำผิดพลาด อีกทั้งยังทำงานเป็นขั้นเป็นตอน
“เพคะ น้อมรับคำสั่งพระชายา”
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่หลินเมิ้งหยายังไม่รู้สึกเบาใจเลยสักนิด
ผู้ดูแลในวันนั้นถูกนางจับตัวได้แล้ว ยังไม่ทันที่นางจะนำมาทรมาน เขาก็คายความลับออกมาจนหมดเปลือก
ที่แท้ องครักษ์ที่เขาไม่รู้จักติดสินบนกับเขา โดยบอกกับเขาว่าตนเองได้แต่งงานกับสาวใช้คนหนึ่งในจวน
แต่สาวใช้คนนั้นกลับทำสัญญารับรองความตายเอาไว้
ดังนั้นจึงสร้างเรื่องเหล่านั้นขึ้นมา หากพบเบาะแสอะไรบ้างละก็ จะได้รีบพาสาวใช้คนนั้นออกมา
เมื่อรู้ว่าผอจื่อคนนั้นกล้าเข้าไปตรวจสอบห้องของพระชายา ผู้ดูแลตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ตอนที่คิดจะหนี เขากลับถูกพ่อบ้านเติ้งตามล่าจนเจอตัวแล้ว
“แล้วผอจื่อคนนั้นล่ะ?”
อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็นึกขึ้นมาได้ เหตุใดผอจื่อคนนั้นจึงกล้าบุกรุกเข้ามา แม้จะเป็นตำหนักของพระชายาก็ตาม
“ทูลพระชายา ผอจื่อคนนั้นฆ่าตัวตายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าไงนะ?”
หลินเมิ้งหยาคิดไม่ถึงเลยว่าผอจื่อคนนั้นจะตายไปแล้ว
“ไปเอาศพของผอจื่อมา ข้าจะตรวจสอบให้แน่ใจ”
พ่อบ้านเติ้งตกใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าพระชายาจะต้องการชันสูตรศพด้วยตนเอง
“แต่..เกรงว่าจะไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ ศพคนตายเป็นสิ่งอัปมงคล ยิ่งใกล้วันคล้ายวันประสูติของพระสนมเต๋อเฟยด้วยแล้วยิ่งไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”
หลินเมิ้งหยามองพ่อบ้านเติ้ง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเคร่งครัดเช่นนี้
“เช่นนั้นก็ดี เจ้าจงไปตามหาโรงน้ำแข็งที่ไม่ใช้แล้ว จากนั้นนำศพของผอจื่อไปเก็บรักษาไว้ ข้าจะทำการตรวจสอบร่างของนางทีหลัง”
พ่อบ้านเติ้งพยักหน้าลง จากนั้นออกไปจัดการตามคำสั่ง
“คุณหนู ท่านดูพวกนางสิเจ้าคะ พวกนางมีงานให้ทำหมดแล้ว แล้วหนู่ปี้ล่ะเจ้าคะ?”
แตกต่างจากป๋ายจีและป๋ายซ่าว ป๋ายจื่อในเวลานี้เหมือนคนไม่มีงานทำ
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะหาทางออกเจอ
“ภารกิจของเจ้าสำคัญที่สุด อาหารยังไม่มีผู้ใดไปลองชิม ข้ามอบหน้าที่นี้ให้กับเจ้าดีมั้ยนะ?”
ป๋ายจื่อที่รู้สึกหดหู่ในตอนแรกดีใจกระโดดโลดเต้นขึ้นมาทันที
“คุณหนูเข้าใจหนู่ปี้ดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ คุณหนูใจดีที่สุดเลย”
หลินเมิ้งหยารั้งป๋ายจื่อเอาไว้เพราะกลัวนางจะลืมตัว
“จริงสิ หากเจ้าเข้าไปในโรงครัว ข้ามีอีกเรื่องให้เจ้าไปทำ เจ้าช่วยข้าตรวจสอบทีว่าปกติแล้วพระสนมเต๋อเฟยเสวยสิ่งใดบ้าง มีข้อกำหนดหรือไม่? อย่าให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”
ป๋ายจื่อพยักหน้าลง นางจะพยายามทำตามคำสั่งของคุณหนูอย่างสุดความสามารถ
อีกอย่าง เรื่องกินกินนอนนอน นางเก่งที่สุด!
“รีบไปเถอะ แล้วค่อยมารายงานข้าพร้อมกับพวกป๋ายซ่าว”
ป๋ายจื่อกระโดดโลดเต้นออกวิ่งไปทางโรงครัว หลินเมิ้งหยาจึงเริ่มครุ่นคิดเพียงคนเดียว
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้วมันเกี่ยวข้องกันอย่างไรนะ?
***************************
1 เฟิ่งยิ่น คือตราประทับหงส์ประจำตัวฮองเฮา ใช้สำหรับประทับตราว่าออกราชโองการแทนฮ่องเต้ได้