บทที่ 55 การช่วยเหลือจากองค์ชาย

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 55

การช่วยเหลือจากองค์ชาย

“นังนี่ ที่เจ้าบอกว่าจะรักษาให้พวกข้านั้นเจ้าแค่หลอกพวกเราหรอกเรอะ?” มีสีหน้าโกรธขึ้นมาบนใบหน้าของชายชุดดำราวกับว่าถูกทำร้ายจนสาหัส

หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมา “อย่ามามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น เดิมที่ข้าก็คิดที่จะหนีไปด้วยวิธีที่ละมุนละม่อมกว่านี้ แต่พวกเจ้าบังคับข้าเอง”

หลินซีเหยียนก็ได้ขยับออกจากวงล้อมมาทีละก้าวๆ ในขณะที่นางกำลังจะหนีออกจากวงล้อมได้แล้วนั้น นางก็พบว่ามีลูกศรมาจากไหนไม่รู้กำลังพุ่งเข้าหาหัวหน้าของชายชุดดำ หลินซีเหยียนนั้นยังไม่ทันได้หลบหนี หัวหน้าของชายชุดดำก็ได้สิ้นลม

“ฆ่านาง” เมื่อชายชุดดำเห็นว่าหัวหน้าของพวกเขาตายแล้ว ก็ได้สั่งให้ชายสามคนจัดการกับหลินซีเหยียน ในขณะที่คนอื่นๆก็ได้แยกย้ายออกไปหาคนที่สังหารหัวหน้า

“ข้ามีอะไรบางอย่างจะพูด” หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในเวลานี้ไม่มีใครที่คิดจะฟังนางอีกต่อไปแล้ว กลับกันพวกเขาได้กวัดแกว่งอาวุธของพวกเขาและพยายามที่จะฆ่า หลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนอาศัยแค่วรยุทธ์ของนางเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จัดการกับทั้งสามคนได้ แต่มันไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาในระยะยาว แล้วนางก็ได้หยิบเข็มเงินออกมาจำนวนหนึ่งมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาจากมือของนาง

นางได้มองดูการเปลี่ยนแปลงของทั้งสามคนรอบๆนางอย่างตั้งใจ หากว่าพวกเขาเผยท่าทีจุดบอดออกมาเมื่อไร นางก็จะจัดการกับชีวิตของพวกเขาทันที

แต่ทั้งสามคนนี้ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับเข็มเงินของนางและการโจมตีของพวกเขาก็รวดเร็วและลื่นไหลมาก ไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย

ถ้าเกิดว่าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป คงได้เป็นตัวนางเองที่เพลี่ยงพล้ำเป็นแน่ หลินซีเหยียนจึงตัดสินใจที่จะเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ผลที่ดีที่สุด นางจึงแกล้งทำเป็นไร้เรี่ยวแรงเพื่อให้เกิดช่องว่าง

อย่างที่นางคาด ทั้งสามคนก็ได้พากันรุมล้อมนาง แล้วหลินซีเหยียนก็ได้หลับตาของนางแล้วขว้างเข็มเงินในมือของนางออกไป

จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนสามเสียงต่างกันดังขึ้นมา นางทำสำเร็จงั้นเหรอ?

เมื่อหลินซีเหยียนลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ นางก็พบว่าตัวนางนั้นไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว แต่อยู่ในอ้อมแขนของคนคนหนึ่งซึ่งพอเงยหน้าขึ้นมาดู ก็พบว่าชายคนนี้ห่อตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนา และแม้แต่หัวของเขาก็ยังโพกผ้าสีดำ เหลือเอาไว้แค่เพียงดวงตาสองดวงที่ดำราวกับหินออบซีเดียนโผล่ออกมา

มองแค่ปราดเดียวหลินซีเหยียนก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร นางก็ได้ยิ้มแล้วกล่าว “องค์ชายไม่รู้สึกร้อนบ้างเหรอเจ้าคะ?”

เจียงหวายเย่นั้นไม่ได้ลดการป้องกันลงเหมือนกับนาง ทันทีเขาได้รับทราบข่าวมาจากหอพันกลว่านางจะมาที่เมืองชิงโจว มีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่าเขากลัวมากขนาดไหนหากนางต้องติดโรคระบาดหรือว่าพบเรื่องที่อันตรายอย่างเมื่อสักครู่ ถ้าเขามาช้าไปกว่านี้ เขาไม่อยากที่จะคิดถึงเรื่องที่จะตามมาเลย

เจียงหวายเย่มองไปที่คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “เจ้ามาที่นี่ทำไม?”

“แน่นอนว่ามาเพื่อรักษาโรคระบาดน่ะสิ!” หลินซีเหยียนยิ้มอย่างกรุ้มกริ่ม

เจียงหวายเย่อยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ได้ไออย่างรุนแรง แล้วหลินซีเหยียนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ นางจึงอยากที่จะดึงผ้าสีดำที่โพกหัวของเขาออก แต่เขาก็ได้ห้ามนางเอาไว้ “เจ้าอย่าได้มาที่เมืองชิงโจวอีก กลับไปเสีย”

“ทำไม?” หลินซีเหยียนคิ้วขมวด “ข้าคือหมอผี ถ้าท่านไม่บอกเหตุผลกับข้ามาดีๆ ข้าจะไม่กลับไปเด็ดขาด”

เสียงของเจียงหวายเย่ก็แหบแห้ง “สถานการณ์ข้างในยากที่จะควบคุมได้ ห้ามเข้าไปเด็ดขาด”

หลินซีเหยียนที่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก? นางก็ได้ถามด้วยเสียงเบา “เจียงหวายเย่ ท่าน….”

“ข้าจะส่งคนไปหาองค์ชายสิบสี่ ส่งเจ้าออกไปจากที่นี่เสีย” เจียงหวายเย่ไม่ตอบคำถามของหลินซีเหยียนแต่ปล่อยนางเอาไว้ยังที่ที่ปลอดภัยและเตรียมที่จะจากไป

หลินซีเหยียนก็ได้เดินตามเจียงหวายเย่อย่างดื้อด้าน เจียงหวายเย่ก็ได้หันกลับมา หลินซีเหยียนก็ได้ตกสู่ในอ้อมแขนของเจียงหวายเย่อย่างไม่ทันระวัง นางจึงรีบลุกและผละตัวออกจากเขาแต่เจียงหวายเย่ก็กอดนางไว้ในอ้อมแขนแน่น

ในขณะที่นางกำลังดิ้นรนอยู่นั้น เสียงที่แหบแห้งของ เจียงหวายเย่ก็ได้เข้าหูของนาง “อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็จบลงแล้ว”

หลินซีเหยียนก็ได้หยุดดิ้นแล้วปล่อยให้เจียงหวายเย่กอดนาง ราวกับว่านางอยากที่จะอยู่แบบนี้

แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้ปล่อยหลินซีเหยียน “เหยียนเอ๋อฟังเปิ่นหวางนะ เมืองชิงโจวเวลานี้เลวร้ายมาก เจ้าสัญญากับเปิ่นหวางอย่าไปที่นั่น”

หลินซีเหยียนก็เหมือนกับจะสัญญาและผงกหัวอย่างเชื่อฟัง เมื่อเห็นว่านางเชื่อฟังเขา เจียงหวายเย่ก็รู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา

แต่น่าเสียดายที่ช้าเกินไปเสียแล้ว หลินซีเหยียนที่ถือเข็มเงินอยู่ในมือก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ที่ทรุดลงไปคาอ้อมแขนของนาง และเผยรอยยิ้มที่มุมปากของนาง

“ถ้าหมอผีคนนี้ไม่สามารถรักษาได้แม้แต่โรคระบาดจิ๊บจ๊อยแค่นี้ จะมีหน้าไปพบกับท่านยมบาลได้เยี่ยงไร?” หลินซีเหยียนกล่าวขณะที่ยิ้มให้กับเจียงหวายเย่

เจียงหวายเย่อยากที่จะพูดบางอย่างแต่เขาก็อ่อนแอเกินกว่าจะเปิดปากพูดออกมาได้

หลินซีเหยียนก็ได้วางเจียงหวายเย่นอนลงกับพื้น แล้วแกะเอาผ้าสีดำที่ห่อทั้งตัวของเจียงหวายเย่ยกเว้นดวงตาของเขาออก แล้วหลินซีเหยียนก็ถึงกับยิ้มไม่ออก เพราะทั้งมือ, คอและใบหน้าของเจียงหวายเย่นั้นมีแผลพุพองเต็มไปหมด

“หรือว่าท่านก็ติดเชื้อไปแล้ว?” หลินซีเหยียนคิ้วขมวด และยื่นมือของนางไปจับชีพจรของเจียงหวายเย่

“ไม่….” เจียงหวายเย่พูดด้วยเสียงที่แหบแห้งมาก

“แต่หลินซีเหยียนก็ไม่ฟังเสียงของเขา เจียงหวายเย่จึงได้แต่มองดูหลินซีเหยียนจับข้อมือของเขา

จากนั้นดวงตาของหลินซีเหยียนก็แววตาตกใจออกมา “องค์ชาย แผลพุพองของตามตัวของท่านแพร่ไปช้ากว่าคนอื่นใช่หรือไม่?”

แต่ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับมา หลินซีเหยียนก็ได้หันไปมองแล้วพบว่าเทพสงครามในเวลานี้อ่อนแรงมากทำให้นางแอบขำขึ้นมา แล้วนางก็ได้ฝังเข็มลงไปที่คอของเจียงหวายเย่แล้ว เจียงหวายเย่ก็พบว่าตัวเองสามารถพูดได้แล้ว

“อาการเปิ่นหวางลุกลามช้ากว่าคนอื่น” เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่หญิงสาวที่ยังยิ้มอยู่ตรงหน้าเขา ในเวลานี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องร่วมมือกับนางอย่างเชื่อฟัง

“องค์ชาย ไม่เพียงแต่ท่านจะมีแผลพุพองช้ากว่าคนอื่นแล้ว แต่ท่านก็ยังไม่เป็นไข้ด้วยใช่ไหม?” หลินซีเหยียนยักคิ้วถามเขา

เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัวตอบ “องค์ชายนั้นค้นพบภายหลังว่าโรคระบาดนี้เหมือนจะสามารถกดดันพิษขององค์ชายได้”

หลินซีเหยียนก็เหมือนจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้ นางจึงมอบยาให้กับเจียงหวายเย่เม็ดหนึ่ง หลังจากที่เจียงหวายเย่หายสนิทแล้ว นางก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “โรคระบาดนี้ไม่ใช่โรค แต่เป็นพิษต่างหาก”

“พิษ?” เจียงหวายเย่มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสีหน้าสงสัย “แล้วมันแพร่ระบาดไปได้อย่างไรถ้ามันเป็นพิษน่ะ”

“เพราะมันมีพิษผสมอยู่ในเลือดของท่าน ดังนั้นหนอนพิษพวกนี้จึงไม่สามารถทำอันตรายอะไรท่านได้ นอกจากพิษขององค์ชายเอง บาดแผลที่ตัวของท่านจึงไม่น่าใช่โรคระบาด มันจะต้องเป็นพิษเพียงอย่างเดียวเท่านั้น” หลินซีเหยียนวิเคราะห์ “ถ้ามันสามารถแพร่ระบาดได้ ก็แสดงว่าท่านจะต้องไปแตะต้องสิ่งที่เหมือนกัน”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นหมอผีที่มีชื่อเสียงนั้นจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้สินะ” เจียงหวายเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง บางทีอาจเพราะไข้ที่ขึ้นสูง ทำให้คอของเขารู้สึกราวกับไหม้ไฟ

“องค์ชาย ข้าว่าได้เวลาที่ท่านจะต้องกลับหลังจากที่ออกมานานเกินไปแล้ว” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่แล้วกล่าว

เจียงหวายเย่ก็ผงกหัวแล้วพาหลินซีเหยียนกลับไปที่ ชิงโจว และประกาศให้คนอื่นได้ทราบว่าองค์ชายสี่ป่วยหนักและพระชายาก็ได้มาเยี่ยม แล้วก็ส่งอันหวู่นำคนออกไปพบกับองค์ชายสิบสี่

ในบ้านผนังสีเขียวที่ดูไม่สะดุดตาหลังหนึ่งในเมืองชิงโจว ชายที่ห่อทั้งตัวด้วยผ้าสีดำกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ และมีชายคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา ชายคนนี้มีหัวและหูที่ใหญ่ และเขาก็ยังติดโรคระบาดด้วย ซึ่งชายผู้นี้คือหลี่เจิ้นฮุยผู้ปกครองเมืองชิงโจว

“นายท่านฉินไม่ต้องกังวล ข้าจะทำงานที่ท่านสั่งให้เรียบร้อยแน่นอน” หลี่เจิ้นฮุยพูดประจบและมองไปที่ชายที่คลุมผ้าสีดำ

ผู้ที่ถูกเรียกว่านายท่านฉินก็ได้ผงกหัวแล้วโยนยาเม็ดสีดำให้กับหลี่เจิ้นฮุย หลี่เจิ้นฮุยก็ได้รับยามมาแล้วรีบกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว