บทที่ 54 นางคือพี่สะใภ้สี่ขององค์ชาย

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 54

นางคือพี่สะใภ้สี่ขององค์ชาย

“เจ้ากล้าลองดีกับความอดทนของข้าอย่างนั้นเหรอ?” เจียงซิงชูที่ปกติเป็นคนแจ่มใส่ก็ได้ปล่อยรังสีที่สมกับเป็นองค์ชายออกมา

“องค์ชาย ท่าน….ท่านจะฆ่าข้าไม่ได้นะ” หมอเหอที่ขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงก็ได้พูดขอความเมตตาออกมา

หลินซีเหยียนที่ได้ยินที่พวกเขาพูดกันมาโดยตลอดนั้น ก็ไม่คิดว่าองค์ชายสิบสี่ที่แจ่มใสเหมือนแสงแดดอยู่ตลอดนั้นจะมีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย เพื่อที่จะรักษาจำนวนหมอไปจนถึงเมืองชิงโจว หลินซีเหยียนก็ได้รีบไปห้ามเขา

“องค์ชายสิบสี่ ได้โปรดยกโทษให้เขาด้วย” หลินซีเหยียนที่เปิดม่านออกและลงมาจากรถม้า จากนั้นก็ได้ยิ้มและมองไปที่หมอเหอที่กำลังตัวชากองอยู่ที่พื้น “ท่านหมอเหอ”

“เจ้าต้องการอะไร?” หมอเหอยังมีความเข้มแข็งมากพอที่จะไม่เผยความกลัวของเขาให้เห็น

หลินซีเหยียนก็ได้เดินไปหาเขา แล้วจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ทุกคนได้ยิน “ข้าไม่สนหรอกนะว่าพวกท่านจะพูดเช่นไรกับข้า แต่ลูกชายของข้าไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะเอามาพูดเล่นได้ตามใจชอบ”

หลังจากที่หลินซีเหยียนพูดจบ หมอเหอก็พลันได้กลิ่นบางอย่าง แล้วจากนั้นลิ้นของเขาก็รู้สึกชาทันที เขานั้นอยากที่จะพูดออกมาแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ เขามองไปที่ หลินซีเหยียนด้วยความหวาดกลัว ราวกับให้เขาพูดด่านางเงียบๆคือสิ่งที่นางต้องการ

“ข้าหลินซีเหยียนขอยอมรับว่าข้านั้นไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่ถ้าท่านทำคุณไถ่โทษแล้ว ข้าก็จะมอบยาถอนพิษให้” หลินซีเหยียนยิ้มมากขึ้นและน่าจับใจมากขึ้นไปอีก

เหล่าหมอที่เหลือที่อยู่บนรถม้าก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนแล้วก่นด่าออกมา “แกนังผู้หญิงชั่วช้า จิตใจช่างเหมือนกับงูพิษนัก”

หลินซีเหยียนก็ได้ยักไหล่ด้วยสีหน้านิ่งๆ แล้วจากนั้นก็ได้หันไปมององค์ชายสิบสี่แล้วกล่าว “องค์ชายสิบสี่ขอม้าให้ข้าสักตัว ส่วนรถม้าคันนั้นให้พวกหมอนั่งไป”

ถึงแม้ว่าพวกหมอนั้นจะได้รถม้าสองคันและมีพื้นที่กว้างขวางมากพอ แต่ก็ไม่มีใครที่รู้สึกยินดีเลย พวกเขาต่างก็พากันจับชีพจรของหมอเหอไปตลอดการเดินทาง และพวกเขาต่างก็ไม่สามารถหาได้ว่าเขาโดนยาพิษชนิดไหนไป

“หรือว่าบุตรีคนที่สองของบ้านมหาเสนาบดีหลินนั้นจะจริงๆแล้วเก่งในด้านการรักษามาก?” หมอคนหนึ่งได้พูดเดาขึ้นมา

“พวกเจ้าอย่าไปเชื่อเรื่องเหลวไหล และสูญเสียความเชื่อมั่นของตัวเองไป ข้าเชื่อว่านางก็แค่ไปซื้อยาจำนวนมากมาจากหมอผีเท่านั้น” มีบางคนที่ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กสาวคนหนึ่งจะมีความสามารถมากกว่าพวกเขาไปได้”

“เป็นไปได้” ด้วยข้อสันนิษฐานนี้ได้ทำให้คนจำนวนมากเห็นด้วย แต่ก็พากันสงสารที่หมอเหอที่ต่อจากนี้คงต้องเป็นใบ้ไปตลอดแล้ว

เพราะความกลัวต่อหลินซีเหยียน หมอเหล่านี้จึงไม่กล้าที่จะบ่นอะไรออกมาอีก และไม่แม้แต่จะเรียกหาโรงเตี๊ยมระหว่างการเดินทาง เพราะพวกเขาต่างก็พากันหลับตลอดทาง

“พี่สะใภ้สี่ ยาที่ท่านใช้กับหมอเหอนั้นเป็นยาแบบไหนงั้นเหรอ? ข้าคิดว่ามันน่าสนใจมาก” เจียงซิงชูได้ส่งเนื้อกระต่ายย่างให้กับหลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนก็รับมา และยักคิ้วขึ้นมาแล้วถามกลับ “เจ้าจะเอาไว้ทำอาวุธลับงั้นเหรอ?”

แววตาเจียงซิงชูก็ฉายแสงออก และผงกหัวอย่างแข็งขัน

“ก็ได้, นี่สำหรับเจ้า นี่ยาที่ทำให้เป็นใบ้, ส่วนนี่ทำให้ท้องเสีย, ส่วนอันนี้ทำให้….” หลินซีเหยียนอธิบายยาแต่ละขวดแล้วส่งให้กับองค์ชายสิบสี่

ตรงหน้าเจียงซิงชูนั้นราวกับมีประตูโลกใหม่ได้เปิดออก “ข้ารู้สึกทึ่งมาก มียาเช่นนี้อยู่มากมายหลายชนิดเลย!”

“แน่นอน เจ้าสามารถใช้ได้ตามต้องการเลย ถ้าเกิดว่าหมดแล้วก็มาขอข้าอีกก็ได้” หลินซีเหยียนกล่าวแล้วกัดเนื้อกระต่ายพูดอย่างไม่ค่อยชัด

หลังจากที่เดินทางกันทั้งกลางวันและกลางคืน พวกเขาก็ได้เดินทางจนใกล้ถึงชิงโจว แต่ในขณะที่กำลังผ่านหุบเขา หลินซีเหยียนก็รู้สึกแปลกๆ

“มันเงียบเกินไป” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยเสียงที่เบาๆ

เจียงซิงชูผงกหัว “ข้าเกรงว่ามันจะต้องมีการดักซุ่มอยู่แน่”

แต่ถึงแม้จะรู้ว่ามีกับดักอยู่ก็ตามที แต่พวกเขาก็ต้องฝืนก้าวผ่านไป เพราะถนนเส้นนี้เป็นถนนที่ใช้ผ่านเข้าไปใน เมื่องชิงโจว หลินซีเหยียนกับเจียงซิงชูจึงมองดูรอบๆอย่างระแวดระวังแล้วในที่สุดก็ตัดสินใจพักอยู่ที่นี่คืนหนึ่ง

“พี่สะใภ้ ลำพังจำนวนคนที่เรามีคงไม่อาจปกป้องเสบียงนี้ฝ่าไปได้แน่ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะส่งใครสักคนออกไปหาพี่สี่แล้วบอกให้เขาส่งคนมาช่วยเหลือ” เจียงซิงชูกระซิบกับ หลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว “แล้วเจ้าคิดที่จะส่งใครไป?”

“คนที่จะถูกส่งไปนั้นจะต้องถูกไล่ล่าอย่างแน่นอน ดังนั้นจำต้องเก่งเรื่องวรยุทธ์ ในบรรดาคนทั้งหมดนี้ก็มีแค่ข้าที่มีวรยุทธ์แก่กล้าที่สุด” เจียงซิงชูกล่าว “ดังนั้นหลังจากที่ข้าไปแล้ว คนเหล่านี้ข้าขอฝากให้พี่สะใภ้สี่คอยดูแลด้วย” เจียงซิงชูกล่าวอย่างจริงจัง

แต่ข้อเสนอของเขานั้นก็ได้ถูกปัดตกโดยหลินซีเหยียน “องค์ชายสิบสี่เจ้าจะเป็นคนไปไม่ได้นะ เจ้ายังมีหน้าที่ต้องเป็นผู้นำฝ่าวิกฤติการณ์นี้ ถ้าเกิดว่าเจ้าไปแล้วและมีอะไรเกิดขึ้นมา พวกเขาจะยอมฟังข้างั้นเหรอ?”

คำถามที่เฉียบแหลมของหลินซีเหยียนทำให้เจียงซิงชูถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ในท้ายที่สุดเจียงซิงชูจึงได้กล่าวโดยไม่ลังเลใจ “แต่พวกเราจะมามัวนั่งอยู่เฉยๆรอความตายที่นี่ไม่ได้ พวกเราจำเป็นต้องเลือกทางเสี่ยง!”

หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวของเขาแล้วจากนั้นก็ได้ให้ขอเสนอเขาที่ทำให้หัวของเขารู้สึกพังทลาย “เจ้าเด็กตัวแสบ เจ้าลืมข้าไปแล้วหรือไง

“ไม่ได้นะพี่สะใภ้สี่ ข้าจะปล่อยให้พี่สะใภ้ไปเสี่ยงไม่ได้” ถึงแม้ว่าเจียงซิงชูจะพยายามโน้มน้าวนางแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขาไม่สามารถพูดสู้หลินซีเหยียนได้เลย

ท้ายที่สุดภายใต้การช่วยเหลือของเจียงซิงชู หลินซีเหยียนก็ได้เล็ดลอดออกไปอย่างเงียบๆ ถึงแม้หลินซีเหยียนจะพยายามอย่างเต็มที่ในการผ่านไปอย่างหลบๆซ่อน แต่นางก็ถูกพบตัวจนได้

แม้จะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจสู้กับจำนวนที่มากกว่าได้ หลินซีเหยียนถูกไล่ตามเข้าไปในป่าโดยชายชุดดำ 7 คน แล้วถูกล้อม

“ลูกพี่ พวกเราพอที่จะต่อรองกันได้ไหม?” หลินซีเหยียนก็ได้หันหลังให้กับต้นไม้ เมื่อพบว่านางไม่สามารถหนีไปไหนได้แล้ว

ชายชุดดำทั้ง 7 นั้นไม่เข้าใจว่าหลินซีเหยียนพูดถึงอะไรอยู่ หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางเมื่อเห็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเราอาจจะใช้งานพวกนักฆ่าพวกนี้ได้ “ข้าจะบอกความจริงให้ก็ได้พี่ชาย ข้ารู้ว่ามีโรคร้ายบางอย่างในตัวของท่าน แต่ข้าสามารถรักษาได้นะ”

การเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดจะเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะได้ทันที ซึ่งโรคร้ายของเหล่านักฆ่านี้ก็เหมือนกับระเบิดเวลา แม้จะอันตรายมากแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

“อย่าไปคุยกับนาง ฆ่านางเสีย” หัวหน้ากล่าว

ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มลงมือ เขาก็ถูกหยุดโดยลูกน้องคนหนึ่งของเขา “ลูกพี่ ถ้าเกิดว่านางสามารถรักษาโรคร้ายของพวกเราได้จริงๆล่ะ?”

มีใครบ้างที่ไม่อยากมีชีวิตรอด? เหล่านักฆ่าพวกนี้เองก็ยังอยากมีชีวิตต่อไป และหลายคนก็เริ่มลังเล หัวหน้าก็ได้กล่าวอย่างหนักแน่นมาก “หมอของพวกเรายังรักษาโรคของพวกเราไม่ได้เลย ลำพังเด็กสาวคนเดียวจะทำอะไรได้?”

เมื่อหลินซีเหยียนได้ยินที่พูด นางก็ได้รีบพูดออกไป “เลือดและพลังปราณของพวกท่านไหลเวียนไม่สะดวก อาจมีอาการบาดเจ็บภายใน และแขนขวาที่ถือมืดอยู่นั้นก็สั่นไหวแสดงให้เห็นว่ามีอาการบาดเจ็บที่มือขวา”

หลินซีเหยียนได้ชี้ตำแหน่งอาการของทั้งสองคนในอึดใจเดียว ซึ่งทำให้เหล่าชายชุดดำทั้งเจ็ดคนเริ่มเชื่อใจหลินซีเหยียนขึ้นมาบ้าง

“ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” สุดท้ายตัวหัวหน้าก็ไม่อาจหนีรอดจากข้อเสนอที่ยั่วยวนนี้ได้ แต่เขาเองก็ยังมีความคิดที่รอบคอบอยู่ “แต่พวกเราจะต้องหักขาของเจ้า เพื่อว่าเจ้าจะคิดไม่ซื่อ”

“ถ้าจะหักขาข้าก็ฆ่าข้าให้ตายเสียดีกว่า?” หลินซีเหยียนก็ได้เม้มริมฝีปากของนาง และแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา

แต่ชายชุดดำก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะหักขานางเพียงเพราะนางไม่ยินดี

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ตัวหัวหน้าที่กำลังเดินเข้ามาหานาง แล้วฉายแววตาที่คำนวณไว้แล้วออกมา จากนั้นนางก็ได้เข้าควบคุมตัวของชายชุดดำเอาไว้อย่างรวดเร็ว หลินซีเหยียนก็ได้ทำการหยุดชายชุดดำเอาไว้ด้วยเข็มเงินในมือของนาง

“หลีกไปเดี๋ยวนี้” หลินซีเหยียนแสยะยิ้มออกมาที่มุมปากของนาง “ถ้าพวกเจ้าไม่อยากให้ลูกพี่ของพวกเจ้าตายก็ตั้งใจฟังข้าดีๆ”