บทที่ 49 อ่างมายาจิ่งเทียน

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

บนถนนใหญ่ทุกสายของเมืองลั่วเซียน มีผู้บำเพ็ญเซียนเบียดเสียดอยู่เต็มไปหมด สองฟากข้างมีแผงขายของแบกะดินนานาชนิดตั้งอยู่เต็มไปหมดอย่างควบคุมไม่ได้ เสียงต่อรองราคาและโต้เถียงกันดังไม่หยุด คนที่ตั้งแผงขายของมีทุกประเภท ผู้บำเพ็ญเซียนและคนธรรมดาทั้งหมดเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน นักต้มตุ๋นก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย

“พวกเจ้ารู้จักสินค้าหรือไม่ ถึงกับพูดว่าสิ่งของของข้าเป็นของปลอม เจ้าพวกไม่รู้จักโลกกว้างของโลกระดับดิน” มีเสียงโต้เถียงดังมาจากในกลุ่มคนที่อยู่ไกลๆ

จินเฟยเหยาส่ายศีรษะ เจอคนขายของปลอมอีกแล้วสินะ คนที่ซื้อสิ่งของมีมากมาย คิดจะหาของจริงยิ่งยากมากขึ้น ฝีมือการทำของปลอมยิ่งสูงส่งขึ้นทุกที แม้แต่ยอดฝีมือเองก็ยังไม่แน่ว่าจะดูออกว่าเป็นของปลอม โดยพื้น ฐานแล้วการโต้เถียงมีอยู่ทุกวัน ขนาดต่อสู้กันขึ้นมาตำหนักลั่วเซียนก็มาไม่ทัน วันหนึ่งมีเหตุการณ์ต่อสู้กันเกินร้อยคดี คนเหล่านี้จึงยุ่งวุ่นวายอย่างยิ่ง

“ตาเฒ่า เจ้าพูดโกหกสินะ อ่างผุๆ ใบหนึ่ง เจ้าถึงกับกล้าบอกว่าเป็นของวิเศษพื้นที่มิติ ไม่มีพลังวิญญาณสักนิด คิดจะหลอกใคร พื้นที่มิติเป็นของล้ำค่าอันแปลกประหลาด คนอย่างเจ้าจะนำออกมาขายตามใจชอบได้อย่างไร ถ้าเป็นความจริง เกรงว่าเจ้าคงซ่อนไว้นานแล้ว”

พื้นที่มิติ? จินเฟยเหยาชะงักฝีเท้า นี่เป็นของดี โลกหนานซานมีแค่ในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ไม่กี่ชิ้น ของสิ่งนี้จะปรากฏขึ้นบนแผงแบกะดิน ทว่าเนื่องจากสงสัย นางจึงเบียดเข้าไปในฝูงชน

ในกลุ่มคนมีชายชราผู้หนึ่ง ทั่วร่างสกปรก บนพื้นไม่มีแม้แต่ผ้าปูรองนั่ง นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นแบบนี้ ในมือของเขาโอบอ่างเก่าๆ ใบหนึ่งแน่น พอมองดูอย่างละเอียด เหมือนจะเป็นอ่างบางๆ รูปไข่ที่ใช้ปลูกบอนไซ มีขนาดยาวสองฝ่ามือสูงหนึ่งนิ้วมือ ต่อให้นำมาทำกระถางบอนไซ ก็เป็นแค่ของชิ้นเล็กๆ ที่นำไปตกแต่งห้องให้สง่างามไม่ได้

ชายชราเบ้ปาก เอ่ยอย่างดูแคลน “เจ้าพวกไม่รู้จักโลกกว้าง ในโลกระดับเทพพื้นที่มิติขนาดเล็กกับกระเป๋าเก็บของนั้นเหมือนกัน ล้วนสามารถวางขายในร้านได้ ไหนเลยจะเหมือนสถานที่อันยากจนของพวกเจ้า พื้นที่มิติที่เคลื่อนที่ไม่ได้อันหนึ่ง ก็หลอกว่าเป็นสมบัติล้ำค่า”

ทุกคนฟังออกว่าเขาเสียดสีดินแดนลึกลับเมืองลั่วเซียน ก็มีคนเอ่ยถามอย่างไม่ยอมแพ้ “ตาเฒ่า ในเมื่อเจ้ามีประสบการณ์กว้างขวางขนาดนี้ ทั้งยังมีของวิเศษที่แปลกประหลาดเช่นนี้ เหตุใดจึงเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณช่วงกลางเล่า อีกทั้งยังยากจนจนต้องขายสมบัติชิ้นนี้ เจ้าเสแสร้งเกินไปแล้ว เป็นนักต้มตุ๋นไหนเลยมีคนไร้เหตุผลเช่นเจ้า”

“เจ้าจะเข้าใจอะไร นี่คือสิ่งของที่บรรพชนของข้านำออกมาจากโลกระดับเทพ ข้าขายสิ่งนี้ก็เพื่อหาเงินเป็นค่าเดินทางกลับไป โลกระดับต่ำเช่นนี้ข้าไม่อยากอยู่หรอก อยากไปตั้งนานแล้ว” ชายชราส่งเสียงขึ้นจมูก โอบกอดอ่างแน่น ไม่สนใจทุกคนอีก

จินเฟยเหยารู้สึกสงสัยในของสิ่งนี้ คิดว่าถ้าไม่แพงก็จะซื้อไปเล่น นางเบียดเข้าไปในกลุ่มคน เอ่ยถามชายชราว่า “สหายเซียนท่านนี้ คิดจะขายของสิ่งนี้ด้วยราคากี่ศิลาวิญญาณ?”

“สองหมื่นศิลาวิญญาณ”

“เจ้าจะปล้นกันหรือ สองหมื่นศิลาวิญญาณ ชั่วร้ายกว่าข้าเสียอีก” พอชายชราเอ่ยปาก ก็ทำให้จินเฟยเหยาตกใจ

“เจ้าหมอนี่ นั่นเป็นเพราะเจ้าดูของไม่เป็น”

“เอาละ เจ้าบอกข้ามา ของสิ่งนี้มีอะไรพิเศษ” จินเฟยเหยาถูกชายชราทำให้ของขึ้น ลงนั่งยองๆ ชี้อ่างแล้วเอ่ยถาม

เห็นมีคน ‘ขอคำชี้แนะอย่างถ่อมตัว’ ชายชราก็ยินดี ชี้อ่างเก่าๆ ในมืออย่างกระตือรือร้นแล้วเอ่ยว่า “นี่เป็นของดี สามารถไปถึงพื้นที่มิติแห่งหนึ่งผ่านอ่างมายาจิ่งเทียนใบนี้ได้ ด้านในก่อสร้างถ้ำ ทั้งสะดวกทั้งปลอดภัย คิดจะพกพาไปสถานที่ใดก็ทำได้ อีกทั้งยังไม่ต้องให้เจ้าลำบากลงมือเอง บรรพชนของข้าสร้างถ้ำอันใหญ่โตโอ่อ่าหลังหนึ่งไว้ด้านในนานแล้ว เจ้าแค่อาศัยอยู่ก็พอ ด้านในยังมีน้ำพุวิญญาณชั้นยอด และหญ้าวิญญาณที่บรรพชนปลูกไว้หลายร้อยหลายพันปีโดยไม่ได้เก็บเกี่ยว นี่เป็นสมบัติก้อนมหาศาลทีเดียว”

จินเฟยเหยาฟังถึงตรงนี้ ก็เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “มีหญ้าวิญญาณมากมายขนาดนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่นำออกมาขายสักต้น ถ้าด้านในมีหญ้าวิญญาณมากมายเหมือนที่เจ้าบอกจริง เช่นนั้นก็มิอาจใช้ศิลาวิญญาณมาคำนวณราคาได้ เหตุใดเจ้าจึงต้องนำคลังสมบัติทั้งหมดมาขายแลกศิลาวิญญาณเพียงสองหมื่นก้อน”

ชายชราสีหน้าแข็งทื่อ เอ่ยอย่างขัดเขินเล็กน้อย “ก็เข้าไม่ได้นี่นา”

“เข้าไม่ได้?” จินเฟยเหยาตกตะลึง ผู้บำเพ็ญเซียนรอบด้านที่รอฟังอยู่หัวเราะกันครืน

“ตาเฒ่าผู้นี้คงจะเป็นบ้าไปแล้วเสียแปดส่วน นักต้มตุ๋นไม่ใช่แบบนี้”

“พื้นที่มิติที่เข้าไม่ได้ ข้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงป่านนี้ นี่เป็นเรื่องที่น่าขำที่สุดที่เคยได้ยินมา”

ผู้บำเพ็ญเซียนรอบด้านหัวเราะเยาะเย้ย เดินจากไปทีละสองสามคน คำพูดเหลวไหลไร้สาระของคนบ้าไม่ควรค่าแก่การเสียเวลา

ทว่าจินเฟยเหยากลับไม่ได้จากไป ตรงกันข้ามนางถามชายชราอย่างจริงจัง “เพราะเหตุใดเจ้าจึงเข้าไปไม่ได้ น่าจะมีเหตุผลนะ พื้นที่มิติที่เข้าไปไม่ได้ นั่นคือเปิดไม่ออกโดยสิ้นเชิง ถ้าทุกคนสามารถหาทางเข้าพื้นที่มิติได้อย่างง่ายดาย ของวิเศษพื้นที่มิติคงไม่กลายเป็นของวิเศษระดับเทพที่มีค่าควรเมือง”

เห็นทุกคนพากันแยกย้าย ชายชรารู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง เขาเอ่ยกับจินเฟยเหยาอย่างมีโทสะ “มีค่าควรเมืองอะไร ในโลกระดับเทพศิลาวิญญาณชั้นยอดสองร้อยก้อนก็สามารถซื้อพื้นที่มิติที่มีขนาดใกล้เคียงกับสิ่งนี้ได้แล้ว ผู้ใดจะไม่มี ในตลาดมืดของโลกระดับสวรรค์ที่สูงกว่าพวกเจ้าหนึ่งขั้นก็มีพื้นที่มิติที่รั่วไหลออกมาจากโลกระดับเทพ เพียงแต่ราคาสูงกว่าโลกระดับเทพหน่อยเท่านั้น มีเพียงพวกไม่รู้จักโลกกว้าง จึงรู้สึกว่าของสิ่งนี้มีค่าควรเมือง”

“หา? เจ้าหมายความว่า ของสิ่งนี้ในโลกระดับสูง เป็นเพียงกระเป๋าเก็บของขนาดใหญ่ใบหนึ่งที่สามารถใส่คนพกพาไปด้วยได้?” จินเฟยเหยามองอ่างในมือชายชราอย่างตกตะลึง คำอธิบายของเขาเกินความรอบรู้ของนาง พื้นที่มิติที่สูงส่งในสายตาของทุกคน ในโลกอื่นก็แค่กระเป๋าเก็บของที่ขายในร้านข้างถนน คิดไม่ถึงว่ายังสามารถบรรจุคนได้ด้วย

นางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ในเมื่อของสิ่งนี้มีอยู่ทั่วไป เพราะเหตุใดจึงไม่มีผู้บำเพ็ญเซียนนำจากโลกระดับเทพมาขายที่โลกระดับดิน? ที่นี่หลอมสร้างของสิ่งนี้ไม่ได้ การค้าขายจะต้องดีมากแน่”

“เรื่องนี้ข้าจะรู้ได้อย่างไร แม้แต่โลกระดับสวรรค์ก็ต้องไปตลาดมืดจึงซื้อได้ สถานที่อันห่างไกลความเจริญเช่นโลกระดับดิน ผู้ใดจะรู้ว่าเหตุใดจึงไม่มีขาย อาจเป็นเพราะผู้คนที่นี่ยากจนเกินไป ถึงเอามาก็ขายได้ไม่กี่ชิ้น จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก” ชายชรามองค้อนนาง เอ่ยอย่างเหยียดหยาม

“ถึงแม้ราคาสองร้อยศิลาวิญญาณชั้นยอดจะสามารถขู่ขวัญผู้บำเพ็ญเซียนส่วนมากของโลกหนานซานให้ล่าถอยได้ ทว่าสิ่งของเช่นพื้นที่มิติที่มีการคงอยู่ประดุจเทพในสายตาของผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานยังราคาถูกแทบตาย ถึงกับเป็นสินค้าโหล…และอื่นๆ ในใจจินเฟยเหยาพลันยิ้มชั่วร้ายขึ้นมากะทันหัน

นางมีสีหน้าจริงใจ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทอดถอน “สหายเซียน เหตุใดจึงเข้าไปในอ่างมายาจิ่งเทียนอะไรนี่ไม่ได้ ถ้ามีวิธีแก้ไข ข้าก็คิดจะซื้อ”

“เสียแล้ว” ริมฝีปากชายชราขยับ เค้นออกมาสองคำ

“เสียแล้ว? เช่นนั้นซ่อมได้หรือไม่?” ขอเพียงซ่อมได้ จินเฟยเหยาก็คิดว่าไม่เป็นไร นี่เป็นแป้งทอดสอดไส้เนื้อที่ร่วงลงมาจากฟ้าเชียวนะ

ชายชราถอนใจเบาๆ ลูบอ่างผุๆ อย่างเสียดาย “ถ้าไม่ได้เสีย ก็เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะขายแค่สองหมื่นศิลาวิญญาณ ถ้าสามารถเข้าไปได้ สมบัติด้านในมีมากพอให้ข้าฝึกบำเพ็ญจนถึงขั้นกำเนิดใหม่เลย”

“อย่าพูดถึงสิ่งที่มีแต่ไม่ได้มาเหล่านี้ เจ้าบอกมาว่าซ่อมได้หรือไม่?” จินเฟยเหยาร้อนใจ นี่มันเวลาไหนแล้ว มีอะไรต้องทอดถอนใจกัน ถ้าถูกคนอื่นพบเห็นและเกิดความสนใจมันขึ้นมาจะทำอย่างไร

“ซ่อมได้ ขอเพียงหาวัสดุแบบนี้ได้ จากนั้นใช้เพลิงแท้หลอมสร้างเข้าไปก็ซ่อมเสร็จแล้ว” ชายชราล้วงกระดาษที่เก่าจนเหลืองใบหนึ่งออกมาจากในอก สั่นกระดาษในมือเอ่ยว่า “วัสดุและวิธีหลอมสร้างจดไว้ด้านบน”

“เอามาให้ดูก่อน ถ้าวัสดุหาไม่ยาก ข้าจะซื้อ” จินเฟยเหยาจ้องมองกระดาษใบนั้น ถึงจะเก่าทว่ากลับไม่ใช่กระดาษธรรมดา สีเหลืองหม่นมองไม่ออกว่าเป็นวัสดุอะไร

ชายชราก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นให้อย่างไม่ยินยอม สองตาจับจ้องนางแน่วนิ่ง กลัวว่านางจะถือกระดาษวิ่งหนีไป “เจ้าวางใจเถอะ ข้าวิ่งไม่ไหวหรอก ต่อให้ข้าวิ่งหนี สัตว์ภูติอันล้ำค่าของข้าก็ยังอยู่ที่นี่ ด้วยรูปร่างของมัน เจ้าต้องจับมันได้แน่” จินเฟยเหยาดึงกระดาษมาจากในมือเขาอย่างแรง ถือไว้ในมือแล้วอ่านดู

หินอุจจาระของสัตว์กลืนฟ้า หลอมสร้างร่วมกับเพลิงแท้ของขั้นกำเนิดใหม่ นางรู้ว่าเพลิงแท้ของขั้นกำเนิดใหม่คืออะไร เพียงแต่หินอุจจาระของสัตว์กลืนฟ้าคือสิ่งใด

“สหายเซียน หินอุจจาระของสัตว์กลืนฟ้าเป็นสิ่งของใด?” จินเฟยเหยาไม่เคยได้ยินชื่อสัตว์กลืนฟ้ามาก่อน จึงได้แต่สอบถามชายชรา

ขอเพียงจินเฟยเหยาถามคำถามเขา เขาก็จะแสดงสีหน้าสบายใจขึ้นมา ราวกับตนเองเป็นปรมาจารย์อันลึกล้ำ รออธิบายความจริงแท้ของสวรรค์และพิภพให้เจ้าโง่เหล่านี้ฟัง

ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เขาไม่สนใจว่าสิ่งของของตนเองจะขายได้หรือไม่ โคลงศีรษะบรรยายว่า “สัตว์กลืนฟ้า เป็นสัตว์ปิศาจขั้นหกชนิดหนึ่งซึ่งเติบโตที่ดินแดนระดับเทพ สามารถอ้าปากกลืนฟ้ากินตะวันได้ เรือนร่างมีขนาดมหึมา ลักษณะคล้ายกบตัวใหญ่ที่ข้างกายเจ้านิดหน่อย หินอุจจาระก็คือหินที่สัตว์กลืนฟ้าถ่ายออกมา”

“โลกระดับเทพ? สหายเซียน เจ้ายังอยากขายสิ่งของนี้หรือไม่” จินเฟยเหยามองเขาอย่างอับอายจนเหงื่อแตก รู้สึกว่าชายชราผู้นี้บัดเดี๋ยวฉลาดเฉลียวบัดเดี๋ยวโง่งม

ชายชราหัวเราะหึๆ “สหายเซียน เจ้าสามารถหาสิ่งของทดแทนได้ ไม่มีสัตว์กลืนฟ้า เจ้าหากบที่ถ่ายออกมาเป็นหินก็ได้ ตัวที่อยู่ข้างกายเจ้าถ่ายออกมาเป็นหินใช่หรือไม่? ถ้าใช่ก็ใช้สิ่งนี้แทนได้”

“ถ้าสิ่งที่มันถ่ายออกมาไม่ใช่หิน แต่เป็นทรายล่ะ ก็ใช้ได้เหมือนกันหรือ?”

จินเฟยเหยาไม่รู้ว่าพั่งจื่อเป็นอย่างไร ตอนเพิ่งเลี้ยง มันยังถ่ายเหมือนกบผานอวิ๋นธรรมดา หลังจากแช่น้ำแกงยาวิญญาณไปไม่กี่เดือน ก็เริ่มถ่ายเป็นทราย ในมุมเรือนมีกองสุมเป็นภูเขานานแล้ว โชคดีที่ไม่เหม็น ไม่เช่นนั้นนางต้องตายแน่

ชายชราพอฟัง ดวงตาก็มีประกายวาบผ่าน รีบเอ่ยว่า “ทรายก็ดี ใช้สิ่งนี้ก็ได้ เจ้าลองคิดดูสิ เป็นกบเหมือนกัน ถ่ายเป็นหินเป็นทรายเหมือนกัน ก็เป็นชนิดเดียวกันมิใช่หรือ” เห็นจินเฟยเหยายังลังเล เขาก็ตบอกรับรอง “เจ้าวางใจ ต้องใช้ได้แน่นอน พลังการบำเพ็ญเพียรของเจ้าสูงกว่าข้าหนึ่งขั้น ด้วยท่าทางดุร้ายของเจ้า ข้าไม่กล้าหลอกเจ้าหรอก”

“เช่นนั้นคำถามสุดท้าย เหตุใดเจ้าจึงไม่ขายของสิ่งนี้ให้ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมหรือขั้นกำเนิดใหม่ ตามที่เจ้าว่ามา ถ้าเป็นพื้นที่มิติจริง เกรงว่าพวกเขาคงจะแย่งชิงกัน”

สายตาของชายชราเป็นประกาย จากนั้นก็คอตกเอ่ยอย่างโกรธแค้น “ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดแบบนี้ ทว่าคนเฝ้าประตูเหล่านั้นขนาดประตูใหญ่ยังไม่ให้ข้าเข้าไป ได้ยินว่าข้าจะขายพื้นที่มิติ ยังคิดทุบตีข้า บอกว่าข้าเป็นตาเฒ่านักต้มตุ๋น สหายเซียนท่านนี้ เจ้าดูสิข้าเหมือนนักต้มตุ๋นหรือ?”

จินเฟยเหยาพยักหน้า “เหมือน มองอย่างไรก็เหมือน แต่เจ้าเหมือนหรือไม่เหมือนเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย เอาอ่างมายาจิ่งเทียนของเจ้าให้ข้า ข้าตัดสินใจซื้อ”

จากนั้นนางนำถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาโยนไปให้โดยไม่พูดอะไรสักคำ