เล่ม 1 ตอนที่ 47 เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อเปิดขึ้นอีกครั้ง

ราชินีพลิกสวรรค์

“พวกเจ้าออกไปให้หมด”

 

 

ลู่เจี้ยมิได้ตอบเจียงหลี เพียงแต่กล่าวกับผู้อื่นที่อยู่ในห้อง

 

 

เหล่าผู้อารักขาคนสนิทมองหน้ากัน แม้กระทั่งท่านหมอเทวดายังรู้สึกเป็นกังวลไม่ขยับไปไหน นี่เป็นครั้งแรกที่คำพูดของลู่เจี้ยไม่เป็นผลต่อพวกเขา

 

 

ไร้ซึ่งหนทาง พวกเขามิอาจวางใจให้เจียงหลีอยู่เพียงลำพังกับนายน้อยที่อาการกำเริบสาหัสจริงๆ

 

 

“นายน้อยขอรับ นี่…”

 

 

ลู่หวาเป็นหัวหน้าผู้อารักขาส่วนตัว เวลานี้จึงทำได้เพียงสกัดกลั้นเท่านั้น

 

 

“ออกไป”

 

 

แต่ทว่าลู่เจี้ยกลับไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้พูดสิ่งใด สองคำที่กล่าวมานี้ผู้ใดก็มิสามารถขัดขวางได้

 

 

เหล่าผู้อารักขาคนสนิทจึงทำได้เพียงโค้งคำนับและค่อยๆ ถอยหลังออกไป

 

 

เจียงหลียืนอยู่ตรงกลางด้วยความมึนงง

 

 

นางไม่เข้าใจว่าลู่เจี้ยเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก จู่ๆ ก็ให้นางมาหาเช่นนี้ รีบร้อนพานางมาเพื่ออุ่นเตียงให้เขาเนี่ยนะ มารดา…สิ! สาวใช้สวยๆ ที่อยู่ข้างเขายังมีไม่มากพออีกหรือ เหตุใดถึงต้องการเด็กน้อยผอมกะหร่องเช่นนางไปอุ่นเตียงให้เขาด้วย

 

 

บ้ากาม!

 

 

เจียงหลีตำหนิในใจ แต่ยังคงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้

 

 

แม้นางจะรู้สึกรังเกียจพฤติกรรมโรคจิตของลู่เจี้ย แต่นางก็รู้สึกแปลกๆ ลู่เจี้ยดูไม่เหมือนคนที่มักมากในกามเช่นนั้น

 

 

หรือว่าจะมีเหตุผลอื่น เจียงหลีคาดเดาในใจ ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายตนรวมถึงคำเตือนในสายตาของผู้อารักขาคนสนิท

 

 

ทันใดนั้นหมอเทวดารวบรวมความกล้ากล่าวขึ้นหนึ่งประโยค “นายน้อย ขออภัยหากข้าเสียมารยาท ดูจากอาการของนายน้อยตอนนี้ไม่ใกล้ชิดสตรีจะดีกว่า”

 

 

ขณะพูดอยู่ เขาเหลือบมองเจียงหลีและก้มศีรษะเช่นเดิม จากนั้นจึงกัดฟันพูดต่อ “ทางที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการเสพสังวาส”

 

 

เพล้ง!

 

 

เจียงหลีรู้สึกว่าร่างกายตนเองมีรอยแตกเกิดขึ้น

 

 

พวกผู้อารักขาคนสนิทต่างหยุดนิ่ง มองผู้ที่อยู่หลังม่านหนาด้วยความจงรักภักดี

 

 

บรรยากาศภายในห้องพลันเงียบสงบพิลึก

 

 

เจียงหลีกำหมัดแน่นพยายามข่มความรู้สึกโมโห นางไม่ตำหนิคำพูดของหมอเทวดา ดวงตาคมดั่งมีดมองไปที่ลู่เจี้ย

 

 

หากลู่เจี้ยมีความคิดเยี่ยงนี้จริง นางไม่มีทางช่วยให้เขาได้สืบสกุลแน่

 

 

นางคือราชินีผู้สง่างาม บัดนี้ตกมาเป็นนางทาสก็ช่างมัน แล้วยังต้องมาอุ่นเตียงกลายเป็นนางบำเรอของลู่เจี้ยอีกหรือ

 

 

“ไปให้พ้น!” ลู่เจี้ยตอบกลับ

 

 

กลับมีเพียงคำผรุสวาทน่าตกใจคำเดียวเท่านั้น

 

 

เมื่อพูดคำนี้ออกมาราวกับว่าภูเขาหิมะได้พังทลายลงมา ไอเยือกเย็นแผ่ขยายช้าๆ พวกอารักขาคนสนิทรวมทั้งหมอเทวดาในห้องต่างไม่กล้าขัดใจอีกและค่อยๆ พากันถอยกลับไป

 

 

พายในพริบตาเดียวทั้งห้องจึงเหลือแค่ลู่เจี้ยและเจียงหลี

 

 

ระหว่างคนสองคนยังถูกผ้าม่านหนาขวางกั้นเอาไว้

 

 

เจียงหลีสงบสติอารมณ์และสำรวจทั่วห้อง

 

 

นี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่นางเข้ามาในห้องของลู่เจี้ย การตกแต่งภายในเรียบง่ายแต่กลับไม่บกพร่องเรื่องความหรูหรา ขาดกลิ่นอายโลกมนุษย์แต่มากด้วยบรรยากาศของวิมานสวรรค์ลวงตา

 

 

“เข้ามา” ลู่เจี้ยออกคำสั่ง

 

 

เจียงหลีถอนสายตา แววตาดำดิ่งแปรผันก่อนจะก้าวขาช้าๆ เข้าใกล้ผ้าม่าน

 

 

เดินเขาไปใกล้ยืนอยู่ด้านนอกของผ้าม่าน สะสมพลังวิญญาณม้วนเกลียวไร้สีที่มือขวา มือซ้ายเลิกผ้าม่านออกย่องเข้าไปใกล้ช้าๆ

 

 

หากเขากล้าเข้ามาล่ะก็ ข้าจะบีบมันให้ระเบิดเลย เจียงหลีแอบคิดในใจ

 

 

ลู่เจี้ยรูปงามสง่าสมกับความสวยของนาง แต่ว่าทำเรื่องเช่นนั้นจะต้องได้รับการยินยอมความรู้สึกทั้งสองฝ่าย มิใช่หน้าไหนก็ได้ที่จะปีนขึ้นมาร่วมเตียงกับเจียงหลี

 

 

อย่างไรเสีย นางในสภาพเช่นนี้ยังสมเพชตัวเองเลยแล้วจะให้อีกฝ่ายมาเห็นได้เยี่ยงไร

 

 

ผ้าม่านหนาอยู่มากโขอีกชั้นซ้อนอีกชั้น

 

 

หลังจากดึงไปสามชั้นเจียงหลีเริ่มจะหมดความอดทน

 

 

ผู้ชายอกสามศอกเวลานอนทำไมถึงยุ่งยากซับซ้อนเพียงนี้ กลัวคนเข้ามาแอบดูตอนนอนรึไงฮะ!

 

 

ยังดีที่นางยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นภาพชัดเจน

 

 

เจียงหลีมองเห็นเงาเลือนรางของร่างที่นอนอยู่บนเตียงแล้ว แม้จะเป็นเพียงรูปร่างภายนอกก็ทำให้คนหลงใหลได้

 

 

ในที่สุดผ้าม่านชั้นสุดท้ายถูกนางเปิดออก ระหว่างนางกับลู่เจี้ยไม่มีสิ่งใดขวางกั้น

 

 

ราวกับม้วนกระดาษภาพวาดสวยงามไม่มีสิ่งใดเปรียบคลี่เปิดออกอยู่ตรงหน้านาง!

 

 

ช่างรูปงามยิ่งนัก เจียงหลีชื่นชมในใจ

 

 

ลู่เจี้ยนอนแผ่บนเตียงใหญ่สวยหรู เส้นผมสลวยของเขายุ่งเหยิงเล็กน้อยกระจัดกระจายบนผ้าปูที่นอน เสื้อชั้นในแยกออกจากกันเผยให้เห็นถึงแผงอกผิวขาวเนียนไร้รอยตำหนิ อีกทั้งกระดูกไหปลาร้างดงามน่าดึงดูด

 

 

ไหล่กว้างเอวคอดขายาวเรียว!

 

 

แม้กระทั่งภายใต้เสื้อสีขาววับๆ แวมๆ ยังปรากฏให้เห็นเม็ดทับทิมสีแดงทั้งสองข้าง

 

 

เจียงหลีอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจอยากได้ไอร้อนที่ไหลผ่านจมูกถูกนางสูดกลับคืนลึกๆ

 

 

สมควรตาย หล่อเกินไปแล้ว! เพียงแค่เห็นคนรูปงามเช่นนี้เจียงหลีก็รู้สึกผิวของตัวเองเริ่มร้อนผ่าว โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าผิวของลู่เจี้ยขาวซีดกว่าแต่ก่อนมาก

 

 

“ขึ้นมาสิ” เสียงของลู่เจี้ยน่าหลงใหล

 

 

ณ ขณะนั้นพลังปราณที่รวบรวมไว้ในมือเจียงหลีพลันสลายหายไป แล้วเชื่อฟังคำสั่งของลู่เจี้ยแต่โดยดี จากนั้นถอดรองเท้าขึ้นเตียงของเขา

 

 

เมื่อนางขยับเข้าใกล้ ลู่เจี้ยรีบยื่นแขนโอบนางเข้ามาในอ้อมกอด

 

 

ทันใดนั้นเจียงหลีก็ได้สติกลับคืนมา นางถูกโอบกอดแน่นเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่ามือสองข้างของลู่เจี้ยมีพลังมาก และในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกว่าร่างของลู่เจี้ยพยายามข่มความสั่นไหวอยู่ตลอดเวลา

 

 

“ไม่ต้องถามอะไรไม่ต้องพูดอะไร อยู่เป็นเพื่อนข้า” หนึ่งประโยคของลู่เจี้ยทำให้เจียงหลีกลืนความสงสัยกลับไป

 

 

นางฟังความออก ประโยคที่ลู่เจี้ยเอ่ยมามิได้เป็นคำสั่งแต่เป็นเพียงคำขอร้องมาโดยตลอด

 

 

ขอร้องอย่างนั้นหรือ

 

 

ลู่เจี้ยที่นางเคยรู้จัก ทำไมอ่อนแอถึงเพียงนี้

 

 

เจียงหลีรู้สึกประหลาดใจและคาดการณ์ไม่ได้

 

 

จากนั้นพลังมหาศาลมาจากร่างของลู่เจี้ยทำให้นางสั่นสะเทือนไปทั้งร่าง ดวงตาเบิกกว้างในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก พลังเช่นนี้!

 

 

วันนี้นางรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่มาจากตัวลู่เจี้ย แต่ว่าพลังชนิดนี้กลับมีมากกว่าตอนที่นางเจอเขาครั้งก่อนและรับรู้ถึงแรงจากร่างของเขาสิบเท่าร้อยเท่า

 

 

เจียงหลีประหลาดใจยิ่งนัก

 

 

ร่างกายของนางดูดซับพลังจากข้างนอกโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าไม่ว่าลู่เจี้ยจะปล่อยรั่วไหลมาเท่าไหร่นางก็สามารถดูดกลืนได้อย่างสะอาดหมดจด

 

 

สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของลู่เจี้ยกันแน่ ร่างกายของเจียงหลีรับพลังจากลู่เจี้ยอย่างบ้าคลั่ง นางเองก็ได้แต่คาดเดาในใจ

 

 

และอาการกำเริบรุนแรงของลู่เจี้ยต้องการที่ระเบิดพลังในร่างกายเขา หลังจากถูกเจียงหลีซึมซับแล้ว ความผ่อนคลายที่ไม่เคยมีมาก่อนเป็นความเจ็บปวดเหลือทนกลับได้รับการบรรเทา

 

 

เจียงหลีมีประโยชน์มากกว่ายาวิเศษใดๆ

 

 

อย่างน้อยก็สำหรับเขาเยี่ยงนี้

 

 

เหตุใดนางถึงสามารถดูดซับพลังเหล่านี้ได้ ลู่เจี้ยครุ่นคิด ลืมตามองหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างใคร่ครวญ

 

 

เอาอีก เจียงหลีจมอยู่กับการซึมซับ ดูเหมือนร่างกายกำลังแช่น้ำอุ่นอย่างสบาย

 

 

ทันใดนั้นแสงสีขาวพุ่งออกมาจากสติของนาง ดึงสติของนางออกจากร่างและดูดกลืนเข้าไปอีกห้วงหนึ่ง

 

 

ความรู้สึกเหยียบลงสู่พื้นดินมาจากส่วนลึกของหัวใจ เจียงหลียืนอยู่บนลานประลองต่อสู้ ทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา “ข้ากลับมาแล้ว!”

 

 

เป็นเวลาเกือบสองเดือน ในที่สุดเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อก็ได้เปิดขึ้นอีกครั้ง

 

 

—–