ตอนที่ 113 ปรักปรำ
รวมกันแล้วไม่น่าเกินสองตำลึง
เมิ่งหนานชี้หีบเงิน พลางถามว่า “เดิมทีเงินสามสิบตำลึงที่เจ้าทำหาย ล้วนใส่ไว้ในนี้หรือ”
หญิงชราพยักหน้า “เจ้าค่ะ ข้าใส่ไว้ในนี้ ล้วนใส่ไว้ด้านในทั้งหมด ตอนนี้ถูกนางเด็กไป๋จื่อ…ใจดำขโมยไปแล้ว”
เขารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว พลันสะบัดมือโยนกล่องนั้นลงบนพื้น พวงทองแดงด้านในหล่นออกมา “ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังไม่ยอมพูดความจริงอีก ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ”
อีกฝ่ายตกใจจนขาอ่อน คุกเข่าลงบนพื้นดังปัก ทว่ากลับยังคงปากแข็ง “ใต้เท้า ยายแก่อย่างข้าจะกล้าปิดบังใต้เท้าได้อย่างไร สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงทุกคำ ขอใต้เท้าตัดสินอย่างชัดเจนด้วย”
เมิ่งหนานพยักหน้า “ได้ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะให้โอกาสตัดสินอย่างชัดเจนกับเจ้า”
เขาหันไปพูดกับองครักษ์จินว่า “เจ้าไปนำเงินในรถม้ามา”
องครักษ์จินรีบไป ครั้นกลับมา ในมือถือถือถาดรองใบหนึ่ง บนนั้นปิดผ้าสีแดงเอาไว้ด้วย
เมิ่งหนานดึงผ้าสีแดงออก เผยให้เป็นเงินตำลึงยี่สิบก้อนบนถาดรองวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ก้อนหนึ่งห้าตำลึง ส่วนร้อยตำลึงทั้งหมดยี่สิบก้อน
“นำสามสิบตำลึงใส่หีบ” เมิ่งหนานกล่าวกับองครักษ์จิน
เมื่อหญิงชราได้ยินดังนั้นก็พลันเบิกบานใจ ไฟโทสะมลายสิ้น ใต้เท้าเมิ่งหนานไขคดีนี้ไม่ได้ จึงคิดจะใช้เงินของฝ่ายราชการมาชดเชยให้พวกนางหรือ
องครักษ์จินส่งถาดรองถึงมือเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นก็ก้มลงหยิบหีบขึ้นจากบนพื้น แล้วหยิบเงินหกก้อนวางไว้ด้านในทีละก้อน
กล่องนี้เล็กเกินไป วางเงินลงไปสี่ก้อนก็เต็มแล้ว ใส่ลงไปไม่ได้อีก
“ใต้เท้า ใส่ได้เพียงยี่สิบตำลึงเท่านั้น ใส่ไม่ลงแล้วขอรับ” องครักษ์จินกล่าว
คราวนี้หญิงชราถึงได้เข้าใจ ใต้เท้าเมิ่งให้คนใส่เงินลงไปด้านใน ไม่ใช่เพราะต้องการให้เงินนาง…
เมิ่งหนานหัวเราะเสียงเย็น “หีบเงินใบนี้ ใส่เงินได้มากที่สุดยี่สิบตำลึง แล้วเจ้าจะทำเงินสามสิบตำลึงหายได้อย่างไร”
“ข้า เอ่อ อาจจะเป็นข้าที่จำผิด ดูเหมือนจะหายไปยี่สิบตำลึง” หญิงชราหวาดกลัวนัก วาจาที่แต่ไหนแต่ไรคล่องปรื๋อ บัดนี้กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว
“หลักฐานวางอยู่ตรงหน้าแล้ว เจ้ากลับไม่ยอมพูดความจริง ดูท่าทางจะไต่สวนอะไรที่นี่ไม่ได้แล้ว เด็กๆ นำพวกคนสกุลไป๋กลับไปที่ศาลาว่าการทั้งหมด ข้าต้องการไต่สวนอย่างละเอียด ข้าอยากดูนักว่าแท้จริงแล้วเงินหายไปเท่าไรกันแน่”
เมื่อหลิวซื่อได้ยินดังนั้น นางก็ร้อนใจจนหน้าซีด รีบดึงแม่สามไว้ พลางกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าไม่อยากเข้าคุก ข้าไม่อยากไป เสี่ยวเฟิงยิ่งไปไม่ได้ ต่อไปเขาต้องทำงานราชการนะเจ้าคะ!”
หญิงชราจะไม่รู้ได้อย่างไร นางร้อนใจเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน ครั้นเห็นเจ้าหน้าที่ผู้นั้นหยิบกุญแจมือออกมา เตรียมจะจับคนแล้ว นางก็รีบคุกเข่าพลางเดินไปข้างหน้าหลายก้าว กระแทกหัวกับพื้นต่อหน้าเมิ่งหนาน “ใต้เท้า ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้ว”
เมิ่งหนานยกมือขึ้น เป็นการบอกให้เจ้าหน้าที่หยุด “เจ้าสำนึกผิด สำนึกผิดอะไร”
“เรียนใต้เท้า บ้านข้าไม่ได้ทำเงินหาย เป็นข้าล้อจ้าวหลานและไป๋จื่อเล่น ไม่มีเงินหายไปแม้สักแดง ไม่ต้องไปไต่สวนที่ศาลาว่าการจริงๆ เจ้าค่ะ” หญิงชรากล่าวอย่างรีบร้อน
“พูดเช่นนี้หมายความว่าเจ้าใส้ร้ายจ้าวหลานและไป๋จื่อหรือ” เมิ่งหนานถาม
หญิงชราส่ายหน้าพลางโบกมือ “ไม่ๆๆ ไม่ได้ใส่ร้าย เพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น ล้อเล่นเฉยๆ ข้าไม่คิดเลยว่านางจะเชิญใต้เท้ามา ข้าหวาดกลัวยิ่งนัก เมื่อครู่จึงไม่กล้าพูดความจริงออกมา”
องครักษ์จินที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นมา “ข้าว่านี่ไม่ใช่การล้อเล่น แต่เป็นการขู่กรรโชก ปรักปรำ ทำผิดกฎหมาย”
……….
ตอนที่ 114 ลงโทษยี่สิบไม้
หญิงชราหวาดกลัวไม่น้อย “ตะ ใต้เท้า พวกข้าเพียงแค่อยากล้อจ้าวหลานและไป๋จื่อเล่นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายอย่างอื่น ขอใต้เท้าอภัยให้กับความไม่รู้ของข้าด้วย”
“แค่คำพูดเดียวจะทำให้ความผิดที่กระทำลงไปหายไปได้หรือ เช่นนั้นบนโลกนี้จะยังต้องมีศาลาว่าการไว้ทำอะไร หากตอนนี้ข้าสังหารเจ้าในดาบเดียว จากนั้นขอโทษครอบครัวเจ้าแค่คำเดียว พลาดพลั้งฆ่าคนผิดไป ครอบครัวของเจ้าจะอภัยให้กับข้าอย่างใจเย็น คิดเสียว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นรึ”
เมิ่งหนานแค่นหัวเราะ ก่อนจะกล่าวกับเจ้าหน้าที่สองคนข้างๆ “ตัวการคือหญิงชราสกุลไป๋ ลงโทษยี่สิบไม้ ผู้สมรู้ร่วมคิดที่เหลือ ลงโทษสิบไม้ ดำเนินการได้ทันที”
เจ้าหน้าที่ก้าวมาข้างหน้าในทันที สั่งให้หญิงชรานอนคว่ำลงบนพื้น ฝ่ายหญิงชราขอร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย “ใต้เท้า ข้าอายุมากแล้ว หากตียี่สิบไม้นี้ เกรงว่าจะรักษาชีวิตไม่ได้ ใต้เท้าโปรดเมตตาด้วย!”
เมิ่งหนานกวาดสายตามองคนสกุลไป๋ที่กำลังมีสีหน้าหวาดกลัว เขาเลิกคิ้วสูง “จะว่าไปแล้วก็ใช่ อายุของเจ้านี้ กระดูกกระเดี้ยวคงจะรับยี่สิบไม้นี้ไม่ไหว ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง ขอเพียงพวกเจ้าสกุลไป๋มีใครสักคนยอมรับแทนเจ้าสักสิบไม้ เจ้าก็จะได้ลดโทษลงสิบไม้ เป็นอย่างไร”
หญิงชรารีบพยักหน้า ลดลงได้สิบไม้ก็ดีแล้ว
นางหันไปมองบุตรชายทั้งสองคน เจ้าใหญ่หันหน้าไปมองทางอื่นในทันที ทำเป็นว่าไม่เห็นสายตาของมารดา
เจ้ารองเห็นดังนั้น พลันกล่าวในใจว่า ‘ประโยชน์ใดในบ้านล้วนตกมาไม่ถึงข้า ตอนนี้ต้องการคนรับโบยแทนถึงจะคิดถึงข้าหรือ’
เขาก็หันหน้าไปมองทางอื่นเช่นกัน ไป๋ต้าเป่าหลบไปอยู่ด้านหลังของหลิวซื่อทันที แม้ไป๋เสี่ยวเฟิงจะไม่ได้ขยับตัว แต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยปาก ส่วนไป๋ฟู่กุ้ยกลับรู้สึกอดทนรนไม่ไหว ครั้นคิดจะเอ่ยปาก บิดาของเขากลับถลึงตาใส่ ไม่อนุญาตให้พูดจา
หญิงชรารู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง สายตาตกไปอยู่ที่ตัวของหลิวซื่อ “กว้าหัว เจ้าช่วยแม่สักสิบไม้นะ เจ้ายังสาว ต้องรับได้แน่”
หลิวซื่อคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแม่สามีจะเอ่ยปาก เป็นสตรีด้วยกัน นางก็อยากจะพูดนัก บุตรชายของตนเป็นแก้วตาดวงใจ แต่บุตรสาวของคนอื่นเป็นชิ้นเนื้อที่เน่าเปื่อยหรือ
นางกล่าวพร้อมใบหน้าซีดขาว “ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยท่าน แต่ท่านก็รู้จักร่างกายของข้า สิบไม้ยังรับไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ ท่านให้เจ้ารองรับแทนเถิด เขายังหนุ่ม ทั้งยังเป็นผู้ชาย ร่างกายแข็งแรง เขาต้องทนไหวแน่ๆ”
หญิงชราไม่ได้ส่งเสียง ส่วนเจ้ารองโมโหขึ้นมา “พี่สะใภ้ ท่านพูดจาอะไรต้องมีเมตตา ตอนที่มีประโยชน์ พวกท่านล้วนครองไปหมดเสียส่วนใหญ่ ตอนนี้ต้องรับโบยแทนท่านแม่ ท่านถึงคิดถึงบ้านรองอย่างพวกข้าหรือ เหตุใดท่านไม่ให้พี่ใหญ่รับโบยสิบไม้แทนท่านแม่เล่า”
“พี่ใหญ่ของเจ้าบาดเจ็บ สองมือยังไม่หายดี จะรับยี่สิบไม้ได้อย่างไร” หลิวซื่อรีบกล่าว
สายตาของเจ้ารองตกลงบนร่างของไป๋ต้าเป่า แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ต้องเรียกต้าเป่าแล้ว เขาต่างหากที่เป็นคนหนุ่มแข็งแรงอย่างแม้จริง ถึงแม้ถูกตีจนกระดูกหัก อย่างไรกระดูกก็ต่อกันเร็วกว่าพวกข้านัก”
หลิวซื่อรีบโบกมือ “ไม่ได้ๆ ต้าเป่าไม่ได้ ให้ฟู่กุ้ยรับไปแล้วกัน”
ขณะทั้งสองคนกำลังถกเถียง เจ้าหน้าที่ที่เตรียมลงโทษเรียบร้อยแล้วกลับไม่ทนรอ “ขืนปรึกษากันไม่ได้อีก ก็ให้พวกเจ้ารับไปคนละยี่สิบไม้”
ไป๋เสี่ยวเฟิงที่เงียบเชียบไม่พูดจามาโดยตลอด เดิมทีก็โมแทบตายเพราะเรื่องโบยอยู่แล้ว ตอนนี้ยังได้ยินว่าจะได้เพิ่มอีกสิบไม้อีก เขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจ จึงตะโกนขึ้นมาว่า “ท่านพ่อ ท่านกับอารองก็รับแทนท่านย่าคนละห้าไม้เสียเลย เช่นนี้ไม่ยุติธรรมกว่าหรือ”
หลิวซื่อเชื่อฟังไป๋เสี่ยวเฟิงแต่เพียงผู้เดียวมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางพลันปรบมือ “ใช่ๆ ทำเช่นนี้แหละ เช่นนี้ยุติธรรมนัก”