เมื่อลู่ฝานเดินออกไปไกลแล้ว ลู่เฮ่าหรานพูดว่า “ใช่แน่ๆ เขาต้องรู้จักแน่นอน”

ลู่หาวพูดว่า “ไอ้เด็กคนนี้ รู้จักผู้ฝึกชี่ ไม่รู้จักเปิดเผยอะไรสักหน่อย ปิดซะมิดเชียว”

ลู่เฮ่าหรานพูดว่า “ไม่แน่ พรสวรรค์การฝึกฝนของเขา อาจถูกค้นพบโดยชายเถ่เมี่ยนคนนั้น ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ คุณผู้ชายเถ่เมี่ยน เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลลู่ของเรา”

ลู่หาวหัวเราะ แล้วพูดว่า “พ่อว่า เขาฝากตัวเป็นศิษย์กับคุณผู้ชายเถ่เมี่ยนหรือยัง”

ลู่เฮ่าหรานส่ายหน้า “พูดยาก ไม่ชัวร์ พูดไปอาจไม่ดี”

ท่านสวินฟังทั้งสองคนคุยกัน สุดท้ายพูดสรุปว่า “นายสองคนควรทำอะไร ก็ไปทำซะ ลู่ฝานมีบุญวาสนาของตัวเอง ปล่อยเขาไป กลับลานประลองบู๊อะไรนั่น ไม่รู้ว่าพูดถึงอะไรมั่วซั่ว”

พูดจบ ท่านสวินปิดประตูเรือนเก็บหนังสือ ลู่หาวยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นจึงเดินออกไปกับลู่เฮ่าหราน

……

ลู่ฝานออกมาจากตระกูลลู่ มุ่งหน้าไปยังร้านของหวูเฉิน

ถือผงทะลวงกาย ลู่ฝานยิ้มแหยๆ ช่างเถอะ ตัวเองกลั่นเอง ก็กินเองเถอะ

เงยหน้ากินยาทั้งสามขวด รู้สึกคันยุบยิบบนตัว เห็นได้ชัดว่า ยาที่ตัวเองกลั่นกับยาที่อาจารย์กลั่น ยังห่างชั้นกันมาก กินลงท้องไปสามขวด ประสิทธิภาพที่ได้มีน้อยมาก แน่นอนว่าแค่สำหรับเขาเท่านั้น เพราะหนึ่งเดือนมานี้ เขาใกล้จะเกิดอาการต่อต้าน ผงทะลวงกายแล้ว

มาถึงหน้าประตูร้าน ทันใดนั้น ลู่ฝานเห็นว่า วันนี้ร้านของอาจารย์มีลูกค้า

นั่งอยู่ในร้าน จักษุยาวดังนกการเวก ขนคิ้วยาว ปากแดงระเรื่อ งดงามไม่มีใครเทียบ ชุดคลุมสีเขียวเข้ม ยาวถึงพื้น รูปร่างงดงามมีเสน่ห์ อ่อนช้อยจนทำให้หวั่นไหว มีขลุ่ยไม้ไผ่วางอยู่ข้างมือซ้าย

หวูเฉินดื่มเหล้า หันมามองลู่ฝานแวบหนึ่ง จากนั้นละสายตา ไปพูดกับผู้หญิงว่า “ซู่มั่น เธอกลับไปเถอะ ฉันละทางโลกแล้ว แล้วไฉนพานต้องฝุ่นผงคลี”

ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าซู่มั่น ขมวดคิ้วเบาๆ แล้วพูดว่า “ละทางโลกก็เพื่อจะกลับมาอีกครั้งไม่ใช่เหรอ โรคของนาย ฉันรักษาได้”

หวูเฉินพูดช้าๆ ว่า “ร่างกายเป็นเพียงเปลือกนอก เปลือกนอกกู้กลับมาได้ แต่อาการป่วยทางใจ ใครจะรักษาได้”

ซู่มั่นถอนหายใจเบาๆ ลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ถือว่าฉันไม่เคยมาละกัน”

หวูเฉินพูดว่า “เดิมเธอก็ไม่เคยมา”

ซู่มั่นเดินออกไปข้างนอกช้าๆ แต่เมื่อเธอเดินมาหน้าลู่ฝาน กลับชะงักฝีเท้าลง มองลู่ฝานอย่างประเมิน ซู่มั่นหันไปมองหวูเฉิน แล้วพูดว่า “นี่เป็นศิษย์ของนายเหรอ”

หวูเฉินพยักหน้าเบาๆ ถือเป็นการตอบกลับ

ซู่มั่นยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ฉันนึกว่านายจะเอาความสามารถของนาย ลงไปในหลุมศพด้วย นายไม่ออกมา ไม่เป็นไร ลูกศิษย์นายต้องออกมา ไม่ช้าก็เร็ว”

พูดพลาง ซู่มั่นเอาแผ่นหยกวางไว้ในมือลู่ฝาน แล้วพูดว่า “เก็บมันไว้ซะ ศิษย์ของเพื่อนเก่า”

พูดจบ ซู่มั่นหันหลังเดินออกไป ฝีเท้าเบาจนไม่ได้ยินเสียง หายไปตรงสุดถนนอย่างรวดเร็ว

ลู่ฝานมองแผ่นหยกในมือ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

บนแผ่นหยกมีแค่ตัวอักษรตัวใหญ่ คำว่า เต๋า ลมไม่ธรรมดา พัดเข้ามาปะทะหน้า

หวูเฉินมองแผ่นหยกในมือลู่ฝาน แววตาเหมือนเข้าใจ แต่จู่ๆ หวูเฉินพูดว่า “ลู่ฝาน เก็บไว้สิ ต่อไปนายใช้มันได้”

ลู่ฝานได้ยิน จึงเก็บแผ่นหยกเอาไว้ หวูเฉินวางไหเหล้า มองร้านเก่าๆ แล้วพูดว่า “น่าเสียดาย ที่นี่โดนหาเจอแล้ว อยู่นานไม่ได้อีกละ”

ลู่ฝานอึ้งไป แล้วพูดว่า “อาจารย์ หมายความว่ายังไง อาจารย์จะไปแล้วเหรอ”

หวูเฉินพูดว่า “แค่ย้ายบ้าน เปิดร้านไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงเข้าป่า ลู่ฝาน นายช่วยฉันเก็บของทั้งหมดให้เรียบร้อย เราไปเขาซีซานกัน การฝึกขั้นสองของนาย ต้องใช้สถานที่เงียบสงบพอดี”

ลู่ฝานพูดว่า “การฝึกขั้นสอง อาจารย์จะสอนอะไรผมครับ กลั่นยาชนิดอื่นเหรอ”

หวูเฉินส่ายหน้า “ไม่เพียงแต่กลั่นยา ฉันอยากถ่ายทอดวิธีป้องกันตัวของผู้ฝึกชี่ให้นายด้วย ตั้งแต่นี้ไป นายตามฉันไปเรียนบนเขา อาจลงเขามาไม่ได้สักสองสามเดือน นายช่วยฉันย้ายของเสร็จ กลับไปบอกที่บ้าน จากนั้นไปซื้อสมุนไพรกับของกิน แล้วค่อยขึ้นไปบนเขา”

ลู่ฝานพยักหน้า แล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ”

หวูเฉินมองลู่ฝาน แล้วพูดว่า “ก่อนอื่นฉันจะบอกนายว่า การฝึกครั้งนี้ อาจถึงแก่ชีวิต นายเตรียมตัวเอาไว้แล้วใช่ไหม”

แววตาลู่ฝานลุกโชน แล้วพูดว่า “ถ้าผมไม่ตาย ผมจะพัฒนาถึงขั้นไหน”

หวูเฉินพูดว่า “นายจะฝึกพลังปราณและพลังชี่ออกมาได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นเหรอครับ งั้นผมเตรียมตัวมาสิบกว่าปีแล้ว”