สายลมยามเช้าปะทะใบหน้า อารมณ์เบิกบาน

ลู่ฝานเดินออกมาจากห้องตัวเอง มองลานบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้า ยิ้มบางๆ เป็นอีกหนึ่งวันที่บรรยากาศดี

เดิมทีลู่ฝานคิดว่าตัวเองจะไม่ชินกับลานบ้านหลังจากที่ปรับปรุงใหม่ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ ตัวเองคิดมากไป ต้องบอกเลยว่า หลังจากขยายและปรับปรุงซ่อมสร้างลานบ้านแล้ว ดูงดงามขึ้นมากจริงๆ วางเฟอร์นิเจอร์เรียบร้อย ทำให้เขารู้สึกสบายแม้ยามหลับ

ยังไงมนุษย์ก็เป็นสัตว์ที่ต้องเพลิดเพลิน แต่อย่าให้ความเพลิดเพลิน มาทำลายความฮึกเหิม

เดินไปยังเรือนเก็บหนังสือ ก่อนออกจากประตู ลู่ฝานต้องทดสอบสักหน่อย ว่าตัวเองเข้าสู่ระดับแดนฝึกร่างชั้นเจ็ดแล้วจริงๆ

เพราะหินศิลาดำ เป็นสิ่งวัดระดับของนักบู๊ที่ต่ำกว่าแดนปราณในได้แม่นยำที่สุด

ระหว่างทาง ลูกศิษย์ตระกูลลู่เจอลู่ฝาน ล้วนเอ่ยทักทายเบาๆ การปฏิบัติเช่นนี้ เดิมทีลู่ฝานไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่ตอนนี้เขาชินแล้ว

มาถึงด้านนอกเรือนเก็บหนังสือ ตอนนี้รอบๆ ไม่มีใคร เป็นโอกาสให้เขาทดสอบพอดี

ย่อตัวลงอย่างมั่นคง ลู่ฝานสูดหายใจ ปล่อยหมัดไปยังหินศิลาดำอย่างแรง

หมัดถล่มเขา

ทันใดนั้น บนหินศิลาดำมีรอยแตก ตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่ ปรากฏขึ้นมา

แดนแดนฝึกร่างชั้นเจ็ด ระดับสูง

ลู่ฝานยิ้มออกมา ถ้าฝึกในความเร็วแบบนี้ต่อไป การทดสอบของสถาบันสอนวิชาบู๊ในปีหน้า เขาต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

ขณะที่ลู่ฝานกำลังดีใจ มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง

“ลู่ฝาน มาหาท่านสวินที่เรือนเก็บหนังสือเช้าขนาดนี้ ขยันจริงๆ”

เสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลู่ฝานหันไปมอง เห็นพ่อและปู่ของตัวเอง กำลังเดินเข้ามาช้าๆ

ใบหน้าทั้งสองมีรอยยิ้ม ลู่ฝานพูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณปู่ คุณพ่อ”

ลู่เฮ่าหรานยิ้มแล้วพูดว่า “เราปู่หลานไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอก เป็นไง การฝึกฝนช่วงนี้……”

ลู่เฮ่าหรานไม่ได้พูดต่อ เพราะเขากับลู่หาวเห็นหินศิลาดำข้างหลังลู่ฝานแล้ว

ตัวอักษรขนาดใหญ่กระแทกตาพวกเขา ลู่หาวพูดโพล่งออกมาว่า “นายแดนฝึกร่างชั้นเจ็ดแล้วเหรอ”

ลู่เฮ่าหรานหัวเราะร่า ดูเหมือนว่าเขาถามเกินความจำเป็นแล้ว ความเร็วในการฝึกของลู่ฝานไม่มีใครต้องสงสัยเลย

ลู่ฝานจะพูดอะไรได้อีก ทำได้เพียงตอบเบาๆ ว่า “โชคดีที่ก้าวหน้าได้ครับ”

ลู่หาวหัวเราะแล้วพูดว่า “การฝึกไม่มีคำว่าโชคดี หนึ่งเดือนยกระดับขึ้นหนึ่งขั้น ความเร็วในการฝึกของนาย เหนือธรรมชาติจริงๆ คิดถึงตอนที่ฉันอายุเท่านาย ยกระดับหนึ่งขั้น ต้องใช้เวลา……เฮ้อ ไม่ต้องพูดดีกว่า”

ขณะกำลังพูด ประตูเรือนเก็บหนังสือถูกผลักออก ท่านสวินยืนยิ้มหน้าประตู มองมายังลู่ฝาน

“ลู่หาว เอาของให้เขาสิ”

เดินเข้าไปยื่นให้ลู่ฝาน แล้วพูดว่า “นี่คือผงทะลวงกาย เป็นของดีที่ช่วยให้การฝึกแข็งแกร่งขึ้น เดิมทีเมื่อวานพ่อจะซื้อผลเพลิงมาด้วย ถ้ามีมัน อย่างน้อยความเร็วในการฝึกของนาย จะเพิ่มขึ้นเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มันมา คงต้องเป็นครั้งหน้า ลู่ฝาน

ลู่ฝานมองผงทะลวงกาย แล้วอ้าปากค้าง เดิมทีพ่อซื้อสิ่งเหล่านี้เพื่อมอบให้เขา ด้วยเหตุนี้จึงไม่คำนึงว่าจะล่วงเกิน “ผู้ฝึกชี่”คนหนึ่ง

ลู่ฝานไม่รู้ควรทำอย่างไร ถือผงทะลวงกาย ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ของเหล่านี้ เขาเป็นคนเอาออกไปขาย ตอนนี้กลับมาอยู่ในมือเขาอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน

แต่ความคิดพวกนี้ในใจเขา ไม่สามารถพูดออกมาได้ ทำได้เพียงโค้งคำนับ แล้วพูดว่า “ขอบคุณครับพ่อ”

ลู่หาวเห็นสีหน้าของลู่ฝาน รู้สึกมีอะไรผิดปกติเล็กน้อย

ลู่หาวหันกลับมา สบตากับลู่เฮ่าหราน เหมือนทั้งสองแน่ใจอะไรบางอย่าง

ลู่หาวพูดอย่างจริงจัง “ลู่ฝาน เมื่อวานฉันเจอชายหน้ากากเงินคนหนึ่ง นายรู้จักหรือเปล่า”

ลู่ฝานตกใจ รีบพูดว่า “ไม่รู้จักครับ”

ลู่หาวหัวเราะเบาๆ ออกมา “ไม่รู้จักเหรอ งั้นช่างเถอะ ถ้านายรู้จักคงดี เพราะคุณผู้ชายเถ่เมี่ยน อาจจะเป็นผู้ฝึกชี่ ถ้าได้เป็นเพื่อนกับผู้ฝึกชี่ คงเป็นเกียรติของตระกูลลู่ของเราจริงๆ เอาล่ะ ลู่ฝาน นายฝึกต่อเถอะ อย่าเอาแต่ออกไปข้างนอก ถ้ามีเวลาก็ไปลานประลองบู๊หน่อย ให้เด็กขี้เกียจพวกนั้นได้เห็นว่าการฝึกควรเป็นอย่างไร!”

ลู่ฝานพยักหน้า และรีบเดินออกไป