บทที่ 60 ขวางทาง
จางซิ่วเอ๋อหันไปก็เห็นคนใบหน้ายาวคนหนึ่ง คนผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีน้ำเงินลายเหรียญ ท่าทางร่ำรวย
หืม คุ้นๆ แฮะ?
จางซิ่วเอ๋อกระพริบตา และนึกออกในบัดดล นี่มันเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวีนี่
จางซิ่วเอ๋อใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม คิดหนีทันที
เวลานั้น เสี่ยวเอ้อก็มาดักขวางทางของจางซิ่วเอ๋อไว้
จางซิ่วเอ๋อมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น “พวกท่านต้องการอะไร?”
เถ้าแก่เงยหน้ามองแดดบนฟ้า ปาดเหงื่อพลางเอ่ย “แม่นางเถาฮวา ทำไมเจ้าเห็นข้าแล้วอย่างกับเห็นโจรล่ะ? ข้าก็เป็นคนมีหน้ามีตาในแคว้นนะ คิดว่าข้าจะทำเรื่องลักพาตัวหญิงชาวบ้านรึอย่างไร?”
พูดมาถึงตรงนี้ เถ้าแก่ก็มองจางซิ่วเอ๋อด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ความหมายของเขาชัดเจนมาก ต่อให้จะลักพาตัวหญิงชาวบ้าน ก็ไม่ลักพาคนแบบจางซิ่วเอ๋อหรอก
จางซิ่วเอ๋อเข้าใจความหมายของเถ้าแก่ สีหน้าของนางถึงกับมืดครึ้ม! นางผิดเหรอที่ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน? ตัวไม่ค่อยโต ทรวดทรงราบเรียบเล็กลีบเหมือนถั่วงอกมันผิดด้วยเหรอ?
นี่มันดูถูกกันชัด ๆ!
กลับไปเมื่อไหร่จะหั่นเนื้อกินสัก 2 ชั่ง อย่างไรซะก็ต้องบำรุงให้ตัวเองมีสภาพเหมือนคนขึ้นมาให้ได้!
จางซิ่วเอ๋อมองด้วยสายตาเย็นเยียบ นางไม่เชื่อหรอกว่ากลางวันแสก ๆ บนถนนแบบนี้ เถ้าแก่อิ๋งเค่อจวีจะไม่ทำอะไรกับนาง!
“แม่นางเถาฮวา เจ้าอย่าเพิ่งโมโหสิ ข้าไม่ล้อเจ้าเล่นแล้ว วันนี้บังเอิญได้มาเจอเจ้า ที่มาหาเจ้าก็มีธุระจริง ๆ” เถ้าแก่บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดูอย่างไรก็ท่าทางเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก
“ท่านมีอะไรก็รีบพูด! ถ้า…..” ถ้าจะตดก็รีบตด คำพูดติดอยู่ที่ปากของจางซิ่วเอ๋อ สุดท้ายนางก็กลืนครึ่งประโยคหลังกลับไป
นางพึมพำในใจ ต้องนิ่งไว้ รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ตัวเองเหมือนแขนที่งัดกับขาไม่ได้ จะมีเรื่องกับเถ้าแก่คนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
เถ้าแก่กล่าวยิ้ม ๆ “คืออย่างนี้ คราวก่อนคุณชายฉินได้กินปลาที่ซื้อมาจากเจ้าแล้วชมไม่หยุดปาก ข้าจึงอยากซื้อปลากับเจ้าอีก”
พูดมาถึงตรงนี้เถ้าแก่ก็หยิบเงินออกมา 2 ตำลึงเงินและยื่นให้จางซิ่วเอ๋อ “นี่ถือเป็นค่ามัดจำให้เจ้า ถ้าคราวหน้าเจ้าจับปลาได้อีกต้องเอามาขายร้านเรานะ!”
จางซิ่วเอ๋อตาโต “ค่ามัดจำ 2 ตำลึงเงิน?” เถ้าแก่นี่ไม่ได้เป็นไข้จนประสาทเสียไปแล้วใช่ไหม?
ปลาคราวก่อนก็ให้มา 5 ตำลึงเงินง่าย ๆ คราวนี้ยังไม่ทันเห็นปลาก็ให้นางมา 2 ตำลึงเงิน!
ถ้านางไม่ได้สร้างเรื่องสร้างราวที่อิ๋งเค่อจวีไว้มากมาย เครื่องเทศของตัวเองคงขายเอากำไรที่อิ๋งเค่อจวีได้มหาศาลแน่ ๆ!
เถ้าแก่มองตำลึงนั่นอย่างนึกเสียดายอยู่เหมือนกัน
2 ตำลึงเงินนี่สำหรับเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร จ่ายได้ง่าย ๆ แต่เขาก็นึกเสียดายอยู่ดี
โบราณว่าไว้ว่า ยิ่งรวยยิ่งงก
เถ้าแก่นี่ก็เป็นแบบนี้
ครั้งก่อนอยู่ต่อหน้าคุณชายฉิน เขาได้แต่แสร้งทำเป็นใจใหญ่ ส่วนครั้งนี้เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้
จริง ๆ แล้วเป็นเพราะคุณชายฉินสั่งไว้ว่าให้ดูแลแม่นางคนนี้ดี ๆ!
เถ้าแก่ไม่เข้าใจเลยสักนิด ตามหลักแล้วแม่นางผู้นี้ต้องโดนคุณชายฉินจัดการไปแล้วสิ แต่นอกจากตอนนี้แม่นางคนนี้ยังอยู่อย่างสุขสบายแล้ว คุณชายฉินยังถึงขั้นสั่งว่าถ้าครั้งหน้าเจอแม่นางผู้นี้อีกต้องดูแลดี ๆ!
แถมยังต้องซื้อปลาจากแม่นางผู้นี้อีก ทำเช่นนี้แล้วหลังจากนี้เขาจะมากินข้าวบ่อย ๆ
คุณชายฉินเป็นคนประเภทใช้เงินง่าย ๆ ไม่คิดอะไร แล้วเขาจะกล้าไม่ทำตามสิ่งที่คุณชายสั่งได้อย่างไร?
ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าเขาต้องพลาดเงินไปตั้งเท่าไหร่
พลาดเงินยังถือว่าดี หากทำให้คุณชายฉินไม่พอใจเพราะไม่ยอมทำตามที่คุณชายฉินสั่ง งั้นหลังจากนี้เขาได้เจอดีแน่
จางซิ่วเอ๋อกลับไม่ยอมยื่นมือไปรับตำลึงมา ไม่ได้ทำอะไรย่อมไม่รับเงินไว้ ใครจะรู้ว่า 2 ตำลึงเงินนี้เป็นหลุมพรางอะไรหรือเปล่า?
“แม่นาง เรื่องคราวก่อนคุณชายฉินไม่ถือสาอะไรแล้ว แล้วยังชมว่าปลาของเจ้าอร่อยด้วย พวกเราก็เป็นคนที่ซื่อตรงในการค้าขาย ไม่ทราบว่าครั้งนี้เจ้าเอาปลามาขายหรือไม่?” เถ้าแก่ชะโงกมองตะกร้าสานของจางซิ่วเอ๋อ
แต่ตะกร้าสานของจางซิ่วเอ๋อมีฝาครอบไว้ เขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
จางซิ่วเอ๋อมองคนที่สัญจรไปมาบนถนน นึกอยู่ว่าเถ้าแก่น่าจะไม่ทำอะไร จึงเกิดความคิดอย่างอื่น
นางเอ่ยขึ้น “ปลาน่ะ วันนี้ข้าไม่มีหรอก แต่ข้ายังมีของหายากอย่างอื่น ไม่รู้ว่าท่านอยากได้หรือไม่?”
เถ้าแก่รีบถาม “ไม่ทราบว่าเป็นอาหารป่าแบบไหนหรือ?”
เขาเองก็ดูออกว่าคุณชายฉินไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ปลาเลย ปลาอยู่ในน้ำทั้งนั้น จะไปมีรสชาติแตกต่างกันได้อย่างไร
เขาพุ่งเป้าไปที่แม่นางเถาฮวาชัด ๆ
ถ้ามีอาหารป่าอย่างอื่น ก็เชิญคุณชายฉินมาทานข้าวที่โรงเตี๊ยมได้เหมือนกัน ขอแค่คุณชายฉินมา เขาก็จะมีตำลึงเงินมากมาย!
เวลานี้จะไม่ให้เขาผูกมิตรกับจางซิ่วเอ๋อได้อย่างไร ตอนนี้เขามองจางซิ่วเอ๋อเป็นตำลึงเงินสีขาว ๆ ไปแล้ว
เถ้าแก่ของอิ๋งเค่อจวีจะผูกใจเจ็บกับใครก็ได้ มีเพียงตำลึงเงินที่เขาจะไม่ผูกใจเจ็บ
เพราะฉะนั้นต่อให้เมื่อก่อนจางซิ่วเอ๋อเคยล่วงเกินเขา แต่พอนึกถึงตำลึงที่จางซิ่วเอ๋อจะนำพามาให้ เถ้าแก่จะคิดมากเรื่องเมื่อก่อนไปทำไมกัน
จางซิ่วเอ๋อไม่ค่อยชินนักกับท่าทีเอาอกเอาใจจนเกินไปของเถ้าแก่ นางรู้สึกว่าเถ้าแก่นี่ต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ
นางไม่มีทางรับค่ามัดจำไว้แน่นอน เพราะนางไม่อยากมาขายปลาที่นี่เลยสักนิด ใครจะรู้ว่าถึงตอนนั้นตัวเองเป็นแกะที่วิ่งเข้าปากเสือหรือไม่
ก็ได้ นางยอมรับว่าตอนนี้ตัวเองเริ่มเป็นโรคระแวงว่าจะโดนทำร้าย แต่การระวังตัวนั้นจะขาดไม่ได้!
แต่….
มีประกายวิบวับอยู่ในสายตาจางซิ่วเอ๋อ ถ้าได้ทำการซื้อขายแบบครั้งเดียวจบนางก็พร้อมอยู่
ถ้าโขกสับเงินจากเจ้าโง่นี่ก้อนใหญ่ได้ยิ่งดี!
พอคิดแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ปลดตะกร้าสานตัวเองลงมา
“แม่นางเถาฮวา เราไปคุยกันที่โรงเตี๊ยมดีไหม?” เถ้าแก่คิดว่าคุยกันที่ถนนดูไม่ค่อยให้เกียรติแม่นางเถาฮวาเท่าไหร่
ไม่ว่าคุณชายฉินอยากจะทำอะไรกับแม่นางเถาฮวาคนนี้ เขาก็ต้องทำตามคำสั่งของคุณชายฉิน
ต่อให้คุณชายฉินเข้าใกล้เถาฮวาเพื่อแก้แค้น เวลานี้เขาก็ได้แต่ทำตามสิ่งที่เขาสั่งเท่านั้น
ถ้าคุณชายฉินรู้เข้าว่าตัวเขาไม่ยอมทำตามที่สั่ง คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ยิ่งเถ้าแก่เอาอกเอาใจ จางซิ่วเอ๋อก็ยิ่งนึกระแวง จะยอมเข้าไปข้างในกับเถ้าแก่ได้อย่างไรกัน?
จางซิ่วเอ๋อจึงชี้ดวงอาทิตย์บนฟ้าและกุเหตุผลขึ้นมามั่ว ๆ “ร้านท่านมืดเกินไป ข้าอยากตากแดดหน่อย!”
“ข้าว่าที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว! ถ้าท่านไม่อยากตากแดดที่นี่ งั้นข้าไม่ขายแล้ว!” จางซิ่วเอ๋อเบ้ปาก
เจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสือ นางไม่อยากทำให้ตัวเองต้องไปอยู่ในถ้ำเสือหรอก
เถ้าแก่กลัวจางซิ่วเอ๋อเปลี่ยนใจ รีบเอ่ย “ได้ แม่นางว่าอย่างไรข้าก็ว่าตาม ไม่ทราบว่าคราวนี้เป็นอาหารป่าแบบไหนหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อหยิบห่อกระดาษออกมาหนึ่งห่อ และเอ่ยยิ้ม ๆ “ครั้งนี้ไม่ใช่อาหารป่าอะไรหรอก แต่เป็นผงเครื่องเทศผสมสูตรลับเฉพาะ”
เถ้าแก่ได้กลิ่นประหลาดโชยออกมาทั้งที่มีกระดาษปิดไว้
………………………………………………