ตอนที่ 28 เป็นความบังเอิญหรือแค่เรื่องบังเอิญ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ในไม่ช้า ผู้บำเพ็ญภูตขั้นเก้าของบ้านประมูลอันดับหนึ่งก็ถูกเชิญให้เดินเข้ามา

“กินสิ่งนี้เข้าไป!”  หมออวิ๋นกล่าว  เขามีตำแหน่งสถานะสูงในโรงประมูลแห่งนี้  องครักษ์ไม่พูดอะไร กลืนเม็ดยาลงคอไปทันที

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าจงใช้พลังวิญญาณในการบ่มเพาะ”

ทันทีที่องครักษ์เริ่มใช้พลังวิญญาณในการบ่มเพาะ ตัวเขาพลันตกใจ “เป็นไปได้อย่างไร ? ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถดูดซับพลังวิญญาณได้เร็วกว่าเดิมสามสี่เท่า หรือข้าฝึกจนธาตุไฟแตกซ่านไปแล้ว”

“สวรรค์!  คอขวดที่ติดมาห้าปีตอนนี้กำลังจะพุ่งทะลวง  ข้าจะเลื่อนขั้นเป็นจอมภูตแล้ว  อ้า… ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เลื่อนขั้นเป็นจอมภูต” องครักษ์แทบร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น

หมออวิ๋นและหมอไป๋มองมู่เฉียนซีด้วยสายตาตกตะลึง  หมออวิ๋นสะบัดมือ “เจ้าออกไปได้แล้ว  ค่อย ๆ เพิ่มระดับและขยันฝึกฝน”

หมอไป๋ “เด็กน้อย… ยาขวดนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทำธุรกิจกัน  ข้าให้ราคาเจ้าสามแสนเหรียญทองคำ”

มู่เฉียนซีโบกมือ “ยานี้ถือเป็นยาทดสอบของข้าที่ได้ทำการค้ากับพวกท่านครั้งแรก  สละแค่ยาขวดเดียวจะเป็นไรไป ? ข้ายังมียาเร่งความเร็วนี้อีกสิบขวด  เอาไว้ให้บ้านประมูลอันดับหนึ่งนำออกประมูลอย่างไรล่ะ”

หมอไป๋สูดลมหายใจ  ยังมีอีกสิบขวด!

มู่เฉียนซีเอ่ยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ข้ายังมียาวิญญาณโลหิตอีกนะ  ไม่ว่าจะบาดเจ็บมาแบบไหนมันก็สามารถช่วยห้ามเลือดได้ทันที และจะกลับมาเป็นปกติภายในครึ่งชั่วโมง”

“แล้วยังมียาทลายวิญญาณ  ช่วยให้สามารถบรรลุขั้นจอมภูตได้”

เมื่อมองดูยาทั้งสามชนิดที่วางตรงหน้าพวกเขาทั้งหมดสามสิบขวด  หมอไป๋และหมออวิ๋นชาไปทั้งตัว  นี่มัน…

หมอไป๋กล่าวด้วยเสียงสั่น ๆ “เจ้าเด็กน้อย  แน่ใจนะว่าจะนำยาสำคัญเหล่านี้ทั้งหมดมาให้พวกข้าประมูลขายออกไป ?”

“ใช่” มู่เฉียนซีพยักหน้า

“ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการอะไรอีกหรือไม่ ?” หมอไป๋กล่าวถาม  เขารู้ว่าเมื่อยานี้ขายออกไป จะต้องทำให้โลกปรุงยาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และคุณชายผู้นี้จะกลายเป็นบุคคลสำคัญ

“ข้าต้องการให้ออกประมูลพรุ่งนี้ หากหมอปรุงยาของพวกท่านมียาอายุวัฒนะพวกนี้  ช่วยข้าหาที ขายตามราคาท้องตลาดให้ข้าก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีนำใบที่จดรายชื่อยาออกมา

หมอไป๋กวาดตามองดูรายการยา  ยาอายุวัฒนะบางตัวราคาสูงลิ่ว มีตัวยาบางตัวที่ดูแล้วแม้แต่ชื่อยังไม่เคยได้ยิน

“นอกจากนี้ จำนวนของตัวยาในแคว้นจื่อเยี่ยมีไม่มาก จะต้องมีคนสงสัยแน่  ท่านผู้เฒ่า ท่านต้องเตรียมคนไว้”

หมอไป๋พยักหน้า “ได้ ข้ารับทราบ”

หมอไป๋นำป้ายหยกสีม่วงขึ้นมา “เด็กน้อย  สิ่งนี้คือป้ายสัญลักษณ์แขกพิเศษของบ้านประมูลของพวกเรา พรุ่งนี้เชิญเจ้ามาร่วมงานประมูลได้ เพียงใช้ป้ายนี้ก็จะได้รับการบริการห้องพิเศษจากพวกเรา”

“เช่นนั้นข้าจะรับไว้”

เมื่อมู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้าพึงพอใจแล้ว นางก็ออกจากสนามประมูล  ทิ้งไว้แต่เพียงสองผู้เฒ่าที่ตกตะลึงไม่สร่างซา

นางเพิ่งออกจากประตูก็สัมผัสได้ถึงอันตราย มีร่างของคนผู้หนึ่งเข้ามาอยู่ในสายตานาง

บุรุษเย็นชาราวเทพอสูร แม้เป็นตอนกลางวัน กลิ่นอายมืดมนของเขาก็สามารถปกปิดแสงสว่างทั้งหมดได้

มู่เฉียนซีเม้มริมฝีปากแน่น  บ่นในใจ ‘เจ้าคนผู้นี้ยังจะสวมหน้ากากในยามกลางวันอีก คิดว่าไม่มีใครจำเขาได้หรืออย่างไร ?’

ในเวลานั้น สายตาเยือกเย็นภายใต้หน้ากากจ้องมองมาราวกับจะมองทะลุตัวนางได้

พ่อบ้านไป๋ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กล่าวถาม “นายท่าน มีอะไรหรือ ?”

“อ๊ะ!”

ฉับพลันทันใดพ่อบ้านไป๋ตกตะลึง  ด้วยความสามารถของเขา เขามองเห็นใบหน้าของมู่เฉียนซีที่อยู่ใต้ผ้าแพรได้อย่างชัดเจน  แต่เดิมคิดว่านายของเขางดงามแล้ว ไม่คิดว่าบนโลกใบนี้จะมีคุณชายที่รูปงามไม่แพ้กับนายท่านอยู่  อีกทั้งคุณชายน้อยผู้นี้ยังมีดวงตาเป็นประกายคล้ายผู้เป็นนายของเขาที่มีดวงตาสีฟ้าใสทว่าเยือกเย็นราวก้อนน้ำแข็ง

มู่เฉียนซีเดินผ่านไปราวกับพบเจอคนแปลกหน้า  นางรู้สึกได้ว่าสายตาจ้องมองมาที่แผ่นหลังของนางยังไม่เลือนหาย

เขา… ไม่น่าจะจำนางได้  ใช่ไหม ?…

สภาพของนางในตอนนี้ แม้แต่ท่านอาเล็กยังจำนางไม่ได้เลย  และเขาจะจำนางได้หรือ ?

พ่อบ้านไป๋รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ส่อเค้าอันตรายของนายท่าน  เขาไม่กล้าเอื้อนเอ่ยสิ่งใดอีก ดูเหมือนนายท่านจะโกรธชายหนุ่มผู้นั้นมาก

ชายผู้นั้นรูปงาม น่าแปลกเหลือเกินที่เขาเห็นนายท่านแล้วไม่มีอาการหวาดกลัวเหมือนคนทั่วไป  แต่แค่นี้ก็ไม่น่าทำให้นายท่านโกรธ  อีกทั้งถ้ามีคนทำให้นายท่านโกรธ คนผู้นั้นคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว

“ไป” ซวนหยวนจิ่วเยี่ยกล่าวเพียงหนึ่งคำ  เดินนำขึ้นชั้นบนไป

ในเวลานี้หมออวิ๋นเพิ่งรู้สึกตัว  เขามองไปที่เม็ดยา หยิกตัวเองจนรู้สึกเจ็บ …เขาไม่ได้ฝันไป

“ท่านหมอไป๋ การประมูลไม่ได้เริ่มในอีกเจ็ดวันอย่างนั้นหรือ  จะเริ่มพรุ่งนี้จริง ๆ ใช่ไหม ?” หมออวิ๋นถาม

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” หมอไป๋ตอบขรึม ๆ

“ยังมีของที่อยู่ระหว่างขนส่ง ของยังไม่ครบจะประมูลกันอย่างไร ?”

หมอไป๋หันไปมองเม็ดยา “มียาพวกนี้อยู่ ถึงจะมีสมบัติอยู่ระหว่างเดินทางมา  แต่แค่นี้ก็สามารถเปิดการประมูลได้แล้ว! …อย่างไรข้าขอไปปรึกษานายน้อยก่อน”

แม้จะแจ้งไปเช่นนั้น แต่ได้ยินมาว่านายน้อยพบแขกคนสำคัญ หมอไป๋ก็ได้แต่อดทนรอ

เมื่อรอจนแขกออกไปแล้ว นายน้อยก็เรียกตัวหมอไป๋  เขาเอ่ยขึ้น “ครั้งนี้การประมูลจะเริ่มก่อน และจะจัดในคืนนี้”

“หา!  นายน้อย เกิดอะไรขึ้น ?” หมอไป๋ถาม

“มีคนนำของมีค่ามาให้ที่นี่นำไปประมูล และร้องขอให้ข้าเลื่อนจัดการประมูลให้เร็วขึ้น”

หมอไป๋กล่าว ใบหน้าตกตะลึง “นายน้อย เหตุใดจึงบังเอิญเช่นนี้!  ข้าก็…”

เขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับยาระดับต่ำให้นายน้อยของพวกเขาฟัง

“ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้ มาพร้อมกันเชียว”

ทันทีที่บ้านประมูลอันดับหนึ่งเปลี่ยนแปลงเวลาประมูลให้เลื่อนมาเร็วขึ้น อีกทั้งเป็นคืนนี้ ทำให้เชื้อพระวงศ์และตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงต่างประหลาดใจทำอะไรแทบไม่ถูก

จากข่าวที่แพร่ออกมา การประมูลครั้งนี้จะมีสิ่งของสำคัญอันน่าประหลาดใจออกมาให้ได้ร่วมประมูล

ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายจากตระกูลมู่ก็เตรียมตัวจะไปงานประมูลครั้งนี้ด้วย  พวกเขากลัวมู่เฉียนซีจะไปวุ่นวายที่งานประมูลจึงวางแผนไม่บอกข่าวนี้กับนาง เพราะทุกครั้งที่ท่านผู้นำตระกูลไปร่วมงาน  ไม่ว่าใครจะเอาอะไรออกมา มีหรือไม่มีประโยชน์  นางก็ให้ราคา

อีกทั้งคุณหนูตระกูลโอวหยางยังจงใจแข่งราคากับท่านผู้นำตระกูลของพวกเขา ทำให้ราคาเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ  ท้ายสุดตระกูลมู่ก็สูญเสียมากเกินไป

มู่เฉียนซีได้รู้ข่าวนี้ก็อึ้งงัน “คืนนี้รึ!  เริ่มเร็วขึ้นกว่าเดิม  หรือว่าบ้านประมูลอันดับหนึ่งรอเงินไม่ไหว ?”

ยิ่งนางสามารถได้รับเงินเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ถึงเวลาที่การประมูลจะเริ่มขึ้น  มู่เฉียนซีปลอมตัวเป็นอาถิงอีกครั้ง  นางออกจากจวนตระกูลมู่ไปอย่างเงียบเชียบ

ทันทีที่มู่เฉียนซีเข้าไปในห้องประมูล ก็ได้ยินใครบางคนพูด

“คุณหนูใหญ่ มู่เฉียนซีสตรีผู้นั้นท้ายที่สุดก็ไม่ได้มางานประมูล  นางยังคงเป็นผู้นำตระกูลอยู่  คนโง่งมไร้ประโยชน์อย่างนางคงไม่มีคุณสมบัติที่จะมาร่วมการประมูลในครั้งนี้กระมัง”

“โชคดีสำหรับสตรีโง่งมนั่น  ถ้านางกล้ามาครานี้ ข้าจะทำให้นางเลือดออกจนหมดตัวแน่” น้ำเสียงดื้อรั้นลอยมา

ขณะนั้น พนักงานได้พบมู่เฉียนซีที่หน้าประตู ก็ให้การต้อนรับด้วยความเคารพ

“คุณชาย ท่านมาแล้ว  อา… เชิญข้างใน  เชิญข้างใน”

มู่เฉียนซีหรี่ตามองโอวหยางเหว่ย  ‘เลือดออกจนหมดตัวรึ ?  หึ! ดูซิครั้งนี้ใครจะเลือดออกเยอะกว่ากัน’

.