ตอนที่ 45 หมู่บ้านเพลิงอัคคี Ink Stone_Romance
ณ หมู่บ้านเพลิงอัคคี หลิวหลีก้าวเข้าหมู่บ้าน ก็ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก นางเป็นร่างวิญญาณอัคคีแต่กลับเป็นคนขี้ร้อน ซึ่งออกจะไม่สมเหตุสมผลนัก จื่อฉีนอนอยู่ในอ้อมอกหลิวหลีด้วยท่าทางอิดโรย
ในตอนที่หลิวหลีเช็ดหน้าก็พบว่ามีผู้บำเพ็ญคนหนึ่งเดินผ่านนางด้วยท่าทางร่าเริงแจ่มใส
“ดูท่าท่านจะคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่นี่เป็นอย่างดี” หลิวหลีหยุดถามอีกฝ่าย
“ท่านคงมาจากต่างถิ่นสินะ ทุกปีจะมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนมาที่นี่เพื่อเสาะหาสมบัติและจับอสูรภูตอัคคี ความร้อนของที่นี่เกรงว่าแม้แต่ผู้ที่มีแกนวิญญาณอัคคีก็ทนไม่ไหว”
หลิวหลีพยักหน้าไม่หยุด คนผู้นี้พูดความในใจของนางออกมาจนหมด กระทั่งนางที่เป็นแกนวิญญาณอัคคีก็ยังร้อนจนแทบทนไม่ไหว ผู้บำเพ็ญคนนั้นมองใบหน้าขาวเนียนที่แดงระเรื่อของหลิวหลี เหตุใดเด็กคนนี้จึงรูปงามเช่นนี้ เขาตอนสมัยหนุ่มๆยังไม่ผุดผ่องขนาดนี้เลย
“ในเมืองมีหอคลังสมบัติ ด้านในมีหยกเหมันต์ขาย สามหินวิญญาณระดับกลางต่อหนึ่งชิ้น”
“ขอบคุณท่านมาก” หลิวหลีเอ่ยจบก็รีบเข้าเมืองไปซื้อหยกเหมันต์ที่หอคลังสมบัติ จะซื้อสักหลายสิบชิ้นเลย
“ขอบคุณที่อุดหนุน” เจ้าของหอคลังสมบัติส่งหลิวหลีอย่างเป็นมิตร เด็กคนนี้ใบหน้าผุดผ่อง มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้รากมากดีที่หลอกง่าย เขาต้องซื้อหยกเหมันต์เพิ่มขึ้นแล้ว
“หลิวหลี เจ้าซื้อเยอะเกินไปแล้ว” ทำตัวรวยขนาดนี้ระวังจะโดนปล้นเอาได้
“ไม่เยอะหรอก เหลือย่อมดีกว่าขาด” หลิวหลีพูดอย่างตรงไปตรงมา
“แล้วแต่เจ้าเลย” เอ๋าเลี่ยไม่รู้จะพูดอะไร อย่างไรเสียนังหนูนี่ก็มีเงินมีอำนาจ ใครกล้ามายุ่มย่ามกับนางคงจบไม่สวยแน่นอน
เมื่อหลิวหลีพกหยกเหมันต์แล้วก็พลันรู้สึกสดชื่นเย็นสบายไปทั่วร่างกาย จื่อฉีก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว เอ๋าเลี่ยเอนตัวพิงหยกเหมันต์อย่างสบาย นี่เป็นข้อดีของการติดตามคนมีเงินที่อ่อนต่อโลกสินะ หากหลิวหลีได้ยินที่เอ๋าเลี่ยพูดเมื่อครู่นางคงตัดอาหารทุกชนิดของเอ๋าเลี่ยแน่
“เอ๋าเลี่ย ทำอาหารที่นี่ช่วยประหยัดไฟนะ แต่ข้าวอาจจะเกรียมได้” หลิวหลีรู้สึกว่าหากทำปิ้งย่างก็คงเหมือนย่างบนถ่านโดยตรง
“จริงหรือ” เหตุใดเอ๋าเลี่ยจึงรู้สึกว่าความตั้งใจของหลิวหลีช่างน่าหวาดกลัว หรือเขาเองที่คิดมากไป หลิวหลีเพียงแต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มองหลีหลิวที่เอาข้าวศักดิ์สิทธิ์ออกมาก็ดำกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
“เฮ้อ ในที่สุดข้าก็เจอสถานที่ฝึกบำเพ็ญเพียรดีๆ เพื่อจะพิชิตเพลิงวิญญาณไม้ได้แล้ว” หลิวหลีเอ่ยด้วยอารมณ์หดหู่
เพื่อให้ไปงานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์ได้ทันเวลา ทางที่ดีที่สุดควรจะบำเพ็ญเพียรให้บรรลุช่วงอมตะ หากเป็นตามนี้นางจะใช้เพลิงอัคคีเพื่อลองปรุงยาระดับ 6 เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้อาจารย์ ถึงแม้ว่าช่วงที่พึ่งพาเขาไม่ได้จะมีค่อนข้างมากเช่นกัน
“เจ้าเลือกสถานที่ที่เหมาะสมได้หรือยัง?” เอ๋าเลี่ยถาม
“ข้าอยากจะเดินเข้าไปข้างในอีก มีหยกเหมันต์ติดตัวข้าไม่กลัวแล้ว” หลิวหลีพูดอย่างคนมีฐานะ
“เถ้าแก่ คิดว่าพวกเราไม่มีเงินเลยให้หยกเหมันต์คุณภาพต่ำหลอกลวงพวกเราหรือ” เสียงตวาดดังขึ้นในหอคลังสมบัติหมู่บ้านเพลิงอัคคี ทำเอาเจ้าของถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก เหตุใดวันนี้จึงมีผู้บำเพ็ญเพียรจากสกุลต่างๆมาที่นี่มากมายเช่นนี้นะ
“เมื่อครู่มีเด็กผู้หนึ่งมาซื้อไปหมดแล้ว” เจ้าของหอคลังสมบัติอธิบาย
“ช่างเถอะ เถ้าแก่ ขายหยกเหมันต์ให้พวกข้าสิบชิ้นเถิด พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องทำ” มีน้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นมา
“หลิงเอ๋อร์ จะปล่อยไปเช่นนี้หรือ” น้ำเสียงอ่อนวัยกระแทกเสียง
“แล้วจะให้ทำอย่างไร เจ้าทำเจ้าของร้านลำบากใจไป เขาก็เปลี่ยนหยกเหมันต์ให้เจ้าไม่ได้อยู่ดี พี่อวี้ อย่าทำให้เสียเรื่อง” สุ่ยหลิงเอ๋อร์กล่าว
“เอาเถอะ เห็นแก่หน้าหลิงเอ๋อร์น้องสาวข้า ช่างเถอะ เอาหยกเหมันต์มาให้ข้า” หูเหม่ยอวี้พูดขึ้น
“น้องหลิงเอ๋อร์ เจ้านี่จิตใจดีแบบนี้ตลอด” หูเหม่ยอวี้พูดพลางจิ้มหน้าผากของสุ่ยหลิงเอ่อร์
“ใครใช้ให้พวกเรามาช้าขนาดนี้เล่า พี่อวี้ พี่ยังอยากได้อสูรภูตอัคคีอยู่หรือไม่” สุ่ยหลิงเอ๋อร์พูดพลางแลบลิ้น หญิงสาวทั้งสอง คนหนึ่งก็น่ารักอีกคนหนึ่งก็งดงาม ดึงดูดสายตาของผู้บำเพ็ญชายอย่างมาก
“ใช่สิ น้องหลิงเอ๋อร์ครั้งนี้ข้าจะจับอสูรภูตอัคคีดีๆสักตัว ให้หูเหม่ยหลินดูให้ได้ แค่จับอสูรอัคคีได้ตัวเดียว เหอะ…เก่งมากนักหรือ ให้คนอื่นช่วยจับไม่ใช่หรืออย่างไร คราวนี้ข้าจะจับด้วยตัวข้าเอง นี่สิมันต่างกัน” หูเหม่ยอวี้กัดฟันพูด
“พี่อวี้ ท่านพี่ไม่ไปต่อล้อต่อเถียงพี่หลินไม่ได้หรือ มีอะไรที่ท่านต้องการแล้วท่านลุงหูไม่ให้บ้าง ครั้งนี้ท่านพี่ถึงกับทิ้งจดหมายไว้แล้วหนีออกมาเพื่อยั่วโมโหท่านลุงหูเล่า” สุ่ยหลิงเอ่อร์พูดพลางหยิกแขนของหูเหมายอวี้
“ข้าก็พาเจ้าออกมาด้วยนี่ปะไร” หูเหม่ยอวี้พูดขึ้นพลางบีบจมูกสุ่ยหลิงเอ๋อร์
“เอาเถอะ พวกเรารีบไปกันเถอะ” สุ่ยหลิงเอ๋อร์พูดอย่างจนใจ รีบหาอสูรภูตอัคคีแล้วกลับบ้านน่าจะดีกว่า คุณสมบัติตัวนางหากออกบ้านนานเกินไปจะเป็นภัยได้ จะบอกพี่อวี้ไม่ได้ แต่ตัวนางเองก็อยากเห็นโลกภายนอกเช่นกัน
ส่วนหลิวหลีจามครั้งหนึ่ง หรือว่าจะมีคนนินทานาง
“ท่าน ช้าก่อน” มีคนตะโกนเรียกให้นางหยุด
“เรียกข้าหรือ?” หลิวหลีชี้ตัวเอง ใครกันนางรู้จักด้วยหรือ
“ในที่สุดท่านก็หยุดเสียที” คนที่วิ่งตามมา เมื่อเห็นนางหยุดก็นึกดีใจ
หลิวหลีเห็นคนเดินเข้ามาหานาง ก็ยกเท้าเตะอีกฝ่าย ทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏกายขึ้น รับคนที่ถูกนางเตะจนลอยผู้นั้น
“ตามข้ามาตั้งแต่หอคลังสมบัติจนถึงตอนนี้ พวกเจ้าช่างน่าสนใจนัก” หลิวหลีพูดขึ้นพลางจ้องคนโง่เง่าพวกนั้น
“คิดไม่ถึงล่ะสิ เจ้าเอาถุงเก็บของออกมา”
“ถุงเก็บของอะไรกัน ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยใช้ของพรรค์นั้น” หลิวหลีเอ่ยพลางทำท่าบนตัว ไม่ใช่ว่านางขี้โม้แต่ของที่อาจารย์ให้นางมาเป็นแหวนเก็บของ อีกอย่างนางยังมีป้ายหยกลายมังกร เป็นสิ่งของที่ช่วยจัดการความยุ่งยากได้ดี
“มาปล้นนี่เอง เกินไปแล้ว” เสียงของหูเหม่ยอวี้ดังขึ้น ไฟโทสะสุมอก ที่สำคัญคือผู้ที่โดนปล้นเป็นคุณชายรูปงามที่อุ้มจิ้งจอกตัวน้อยน่ารักไว้ในอ้อมแขน
“เด็กสองคนนี้เป็นใคร ปล้นมันด้วยกันเลย ตอนท้ายทำเรื่องอย่างว่ายังได้…หึหึ” เจ้าพวกนั้นพูดด้วยรอยยิ้มหื่นกระหาย จนหูเหม่ยอวี้และสุ่ยหลิงเอ๋อร์โมโหจนหน้าแดงก่ำ คนพวกนี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว
หลิวหลีรู้สึกว่าเด็กสองคนนั้นช่างไร้เดียงสา ไปเตะตาพวกนั้นเสียแล้ว ตอนออกจากบ้านมาไม่พกสมองมาด้วยหรือไง หลิวหลีลูบคาง วีรบุรุษช่วยสาวงามหรือก็ถือว่าพอได้อยู่
“พวกเจ้าไปเอาความกล้าที่ไหน ที่ทำให้พวกเจ้าที่มีคุณสมบัติแค่แกนวิญญาณสามธาตุมาปล้นข้า แถมพลังบำเพ็ญเพียรสูงสุดยังไม่ถึงช่วงอมตะด้วยซ้ำ” คำพูดของหลิวหลีทำเอาโจรพวกนั้นแทบกระอักเลือด
“ต่อยไอ้หน้าอ่อนนั่นก่อนแล้วค่อยมาจัดการนังหนูพวกนี้ ดูดีๆแล้วใบหน้าน่ารักน่าชมกว่านังหนูสองคนนั่นอีก” พวกนั้นจ้องหลิวหลีด้วยรอยยิ้มหื่นกระหาย
“รนหาที่ตาย” หลิวหลีโกรธอย่างมาก
เพียงครู่เดียว หลิวหลีก็ปัดฝุ่นตามร่างกายแล้วมองพวกนั้นที่แขนขาหักจมูกช้ำ ใบหน้าบวมตุ่ย
“หาเรื่องข้าเอง ไม่คิดว่าตัวเองมีปัญญาหรือเปล่า อ้อจริงด้วย… เจ้าทำร้ายจิตใจข้า ข้าจึงให้บทเรียนแก่พวกเจ้า” หลิวหลีบดยาจนแหลกละเอียดโปรยลงบนตัวคนพวกนั้น
“พวกเจ้าชอบสตรีมากไม่ใช่หรือ ยานี่จะทำให้พวกเจ้ากลายเป็นสตรี เสพสุขให้ดีล่ะ” หลิวหลีไม่ได้บอกว่าฤทธิ์ยาอยู่แค่สามเดือน พวกมันไม่ได้สร้างความเสียหายให้นาง นางจะฝืนใจไว้ชีวิตพวกมันหน่อยแล้วกัน
หลิวหลีปัดมือเตรียมจะจากไป หลังจากที่หูเหม่ยอวี้และสุ่ยหลิงเอ๋อร์ได้สติจากห้วงเสน่ห์ของหลิวหลี คุณชายท่านนี้ช่างหล่อเหลาจริงๆ ฝีมือก็เก่งกาจมากเช่นกัน