ทันใดนั้น สี่ตาจ้องมองกัน ภายในห้องเงียบกริบ และทั้งสองคนไม่พูดจากัน เพราะพวกเขาสองคนถูกเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ตกตะลึง
แม้พญายมจะเคยผ่านอุปสรรคมามากมาย แต่เรื่องตรงหน้าเวลานี้ ทำให้ตกใจจนพูดไม่ออก
นอกจากนี้เขารู้สึกเพียงมึนงงสมองเกิดเสียง ‘ตู้ม’ขึ้นมา จนคิดอะไรไม่ออก
อันที่จริงเรื่องถูกคนจับนกใหญ่ เขา เฮอะๆ เป็นครั้งแรกที่พบเจอ นอกจากนี้คนที่จับนกใหญ่ของเขา ยังเป็นขันทีน้อยตรงหน้า
เห็นใบหน้าเล็กตกตะลึงเช่นกัน
นัยน์ตางดงามแวววาวคู่นนั้นเบิกกว้าง ภายในปกปิดความเหลือเชื่อไว้ไม่มิด
ปากเล็กสีแดงสดนั้นของเขา เพราะตกตะลึงและดวงตาเบิกกว้าง จึงเผยให้เห็นฟันขาวน่ารักและลิ้นเล็กสีชมพู
เมื่อมองถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดนึกย้อนถึงคืนนั้นไม่ได้ จูบที่หอมหวานนั้น…
แม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นครึ่งชาย แต่ริมฝีปากเขา ช่างหอมหวานยิ่งนัก
นอกจากนี้ ร่างกายเขายังบอบบาง ชวนหลงใหล หอมหวน
ยิ่งคิด เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกเพียงเลือดทั่วร่างกายพลันเดือดพล่านขึ้นมา ก่อนจะสติหลุดลอย มองอย่างหลงใหล
กระทั่งลมหายใจดูยุ่งเหยิงติดขัดเล็กน้อย
ยังมีใจที่คิดมุ่งร้ายดวงนั้น ถูกเด็กน้อยตรงหน้าดึงดูดไว้ไม่หยุด
บนตัวเขาราวกับมีเสน่ห์บางอย่าง กำลังล่อลวงเขา ดึงดูดเขาไม่หยุด ทำให้เขาอยากที่จะลิ้มลองหวานอร่อยและหอมของเขา
ยิ่งคิด เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ่งอดกลั้นไม่อยู่ รู้สึกเพียงร่างกายเครียดเกร็ง โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกถึงมือเล็กอ่อนนุ่มของเด็กน้อยนั้น กำลังจับสิ่งที่เขาภาคภูมิใจนั้นไว้แน่น ทำให้เขาแทบควบคุมอารมณ์ทางเพศของตนไม่ได้ แปลงกายเป็นหมาป่า
แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับหอบหายใจไม่หยุด ย้ำอยู่ในใจว่าอดกลั้น
ไม่ได้ เขาทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ได้เด็ดขาด!
ฝ่ายตรงข้ามคือขันที เขาคือชายหนุ่มปกติ!จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร!?
หรือควรฟังคำแนะนำของฮ่องเต้ ลองใกล้ชิดกับสตรี!? มิฉะนั้นอาจเป็นการทำร้ายตนเอง!?
ขณะที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดในใจ ทางด้านเล่อเหยาเหยาหลังตกตะลึง รู้ทีหลังว่าตนทำเรื่องที่ไม่ควรทำขึ้นอีกครั้งแล้ว
เธอเวลานี้ อยากคว้าเชือกผูกคอตายเสียจริง!
สวรรค์ ท่านเซียน พระเยซูเจ้า ปกติเธอไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่พวกท่านจะล้อเธอเล่นเช่นนี้ไม่ได้!?
ให้เธอจับนกอะไรไม่จับ กลับให้จับนกของพญายม!ท่านไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ หาๆ
เล่อเหยาเหยาไม่เพียงร้องคร่ำครวญใจในใจ แต่ใบหน้าราวอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตา
ขณะที่กำลังคิดฉวยโอกาสตอนพญายมยังไม่ได้สติ แอบชักมือเล็กที่ทำผิดของตนกลับมา จากนั้นแอบหนีหายไปจากสายตา
พญายม
คิดไม่ถึง เมื่อมือเล็กที่จับนกอยู่ของเธอขยับเพียงเล็กน้อย นกที่เดิมทีอ่อนปวกเปียก กลับแข็งขึ้นดังเหล็กโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้
ยังเคลื่อนไหวอยู่ในมือเธอ
ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยาหดหู่ใจ จนอยากร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตา
โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่มองยังเธอ ค่อยๆ ร้อนแรงขึ้นราวเติมไฟเข้าไป มองจนเล่อเหยาเหยาพลันหนังศีรษะชาววาบ หลังแข็งทื่อ
ก่อนสายตาที่เศร้าหมองแฝงจนใจ จะค่อยๆ มองไปที่สายตาเย็นชาลึกล้ำแคบยาวที่อยู่ด้านบน
เห็นเพียงความเยือกเย็นภายในดวงตาเย็นชาก่อนหน้านี้ เวลานี้กลับเต็มไปด้วยแดงก่ำดุร้าย ความรักอันร้อนแรงปะทุขึ้นภายในนัยน์ตาดำขลับ ความร้อนดั่งนั่งบนกองไฟเช่นนี้ ทำให้คนที่เห็นหายใจรุนแรงไม่หยุด
คล้ายกับสัตว์ร้ายที่หิวโหย คิดเพียงจะล้มเหยื่อที่จ้องมอง จากนั้นกลืนกินเข้าไปในท้องที่หิวโหย
“เอ้อ”
หลังรู้สึกได้ถึงมัน เล่อเหยาเหยาอดแบะปากไม่ได้ จนแทบจะอ้วกออกมา
ฮือๆ เธอไม่อยากเป็นเหยื่อของพญายม ไม่เอา!
ขณะคิดในใจ มือเล็กขยับอีกครั้ง คิดจะชักมือเล็กของตนออกมา โดยไม่สนอะไร ชักมือออกมาเท่านั้น
คิดไม่ถึง พญายมกลับคล้ายเดาความคิดเธอออก ลงมือก่อนเธอ มือใหญ่ยื่นออกมากุมหลังมือเธอเอาไว้แน่น น้ำเสียงแหบพร่า
นั้นดังขึ้นมา
“กระต่ายน้อย ตอนนี้เจ้าคิดจะเล่นกับไฟใช่หรือไม่!?”
น้ำเสียงซ่อนเร้นลำบาก ฟังดูแล้วแฝงความเกียจคร้านเจ็ดส่วน แหบพร่าสามส่วน ทว่ากลับน่าหลงใหลยิ่งนัก
แต่หลังได้ยินประโยคนี้ของพญายม ในใจเล่อเหยาเหยาเกิดอยากตายขึ้นมา
เล่นกับไฟ!?
เผีสิถึงจะเล่นกับไฟ!
โดยเฉพาะกับพญายม เธอไม่ได้อยากตาย เล่นกับไฟมีแต่จะเอาชีวิตไปทิ้ง เธอไม่อยากตาย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจ้องที่นัยน์ตาร้อนแรงแดงเข้มนั้น ฉีกมุมปาก เดิมทีคิดจะแย้มยิ้มอธิบายออกมา แต่สวรรค์รู้ว่า
เธอตอนนี้ยิ้มได้น่ากลัวกว่าร้องไห้ เอ่ยพูดติดขัด ยากกว่าที่จะจบประโยค
“ท่า…ท่านอ๋อง คือบ่า…บ่าวไม่ได้ตั้งใจขอรับ”
“หือ…จริงหรือ?”
คำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ทำปากราวคาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เสียง ‘หือ’ข้างหน้า กลับลากยาว เห็นชัดว่าคล้าย
กับไม่เชื่อแม้แต่น้อย เล่อเหยาเหยาที่ได้ยินในที่สุดอดฉีกมุมปากไม่ได้
นอกจากนี้เวลานี้ เธอรู้สึกว่าตนคล้ายยืนอยู่ท่ามกลางนรกทั้งเป็น
ด้านบนมีสายตาเย็นชาที่มีความหมาย มองจนเธออกสั่นขวัญแขวน ทว่าที่เธอหวาดกลัวที่สุดคือ นกใหญ่ที่เธอจับอยู่ในมือ
อาๆ
เธออยากปล่อยมือ แต่มือใหญ่ของพญายมมีพลังราวคีมเหล็ก กุมมือเธอเอาแน่น ทำให้เธอขยับไม่ได้
นอกจากนี้เธอรู้สึกถึงนกใหญ่ในมือนั้น จากตอนแรกที่อ่อนปวกเปียก ตอนนี้ยิ่งนานยิ่งร้อนผ่าว ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นราวพร้อมรบ
แม้นกใหญ่นี้เธอจะเห็นกับตาตัวเองมาก่อน แต่การลูบคลำนี่ถือเป็นครั้งแรก
ความรู้สึกนี้ ไม่เอาไหนเสียเลย!
แม้ตอนนี้จะกั้นด้วยเสื้อผ้า แต่เล่อเหยาเหยารู้สึกได้เช่นเดิม ใต้เสื้อผ้านั่นเป็นภาพเช่นไร…
อาๆ
สวรรค์ เธอจะบ้าตาย!
และพญายมตอนนี้กำลังหมายถึงสิ่งใด!?
เธอตอนนี้เป็นขันที เพราะเหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้กับขันทีได้? หรือข่าวลือคือความจริงพญายมไม่ชื่นชอบสตรี แต่ชื่นชอบ…
ขันที!?
เอ้อ ไม่เว้นแม้พญายม รสนิยมแปลกเสียจริง!
แต่ม้วนภาพผู้หญิงในห้องหนังสือคือสิ่งใดกันแน่? ไม่ใช่คนที่พญายมชื่นชอบหรือ?
ยังมี ตอนนี้พญายมคิดจะทำสิ่งใด?! หรือเขาจะทำเช่นนั้นกับเธอ!?
จะเป็นไปได้อย่างไร!?
ขณะคิดในใจ เล่อเหยาเหยายิ่งวิตกกังวลมากขึ้น
แม้มือข้างหนึ่งจะถูกพญายมกุมแน่นไว้ ขยับไม่ได้ แต่มืออีกข้างจับกุมปกเสื้อของตนเอาไว้โดยสัญชาตญาณ กลัวพญายมจะคลุ้มคลั่ง จนปล้ำตนเอง
แม้เขาจะสนใจขันที แต่เธอเป็นตัวปลอม! หากเขารู้ว่าเธอไม่ใช่ขันที ตอนนั้นเขาคงไม่โกรธและอับอายจนคิดตัดหัวเธอ!?
พอคิดถึงปัญหานี้ เล่อเหยาเหยาคล้ายใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตาที่มองพญายมดูหวาดกลัวยิ่งขึ้น
“ท่า…ท่านอ๋อง โป…โปรดปล่อยมือ ปล่อยมือได้ไหมขอรับ บ่า…บ่าวเป็นขันที ไม่ได้ขอรับ”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยพูดตะกุกตะกัก ร่างกายสั่นเทิ้มเพราะกังวล
สายตาเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว ดูแวววาวสดใสราวบ่อน้ำใส มองดูแล้วช่างน่าสงสาร
แม้จะรู้ชัดว่าไม่ควรทำเช่นนี้ รู้ชัดว่าตนควรปล่อยมือ แต่เขากลับตัดใจไม่ได้
โดยเฉพาะเมื่อมืออ่อนนุ่มของขันทีน้อยกุมส่วนที่เขาภาคภูมิใจ ที่นั่นเกิดความปรารถนาที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้นมา
เขารู้สึกถึงเขา แม้เขาจะเป็นขันที
หลังคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ควบคุมเจตนาร้ายของตนไม่อยู่ สายตาอันร้อนแรง จ้องที่ริมฝีปากแดงอันงดงางด้านล่างเขม็ง ทันใดนั้น มือใหญ่โอบท้ายทอยเล่อเหยาเหยาไว้แน่น ให้ศีรษะเธอมั่นคง ไม่ให้เธอดิ้นหนีได้ ริมฝีปากบางเป็นกระจับนั้น ถูกคนอบคลุมทันทีอย่างแม่นยำ
วิธีการของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทำให้เล่อเหยาเหยาตกในจนตาเบิกกว้าง รู้สึกเพียงทั่วร่างแข็งทื่อ ราวฟ้าผ่าลงมาตอนกลางวัน
สายตามอง ริมฝีปากเป็นกระจับที่งดงามของพญายมกำลังจะเข้าครอบคลุมตนเอง ใกล้เข้าทีละนิด ค่อยๆ ใกล้เข้ามา เธออดหลับตาลงทันที
อ้าย ช่วยด้วย!
แต่ขณะที่เหตุการ์อันตรายจะเกิดขึ้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นได้ทันเวลาพอดี นอกจากเสียงเคาะประตูนั้นแล้ว ยังมีน้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชาดังขึ้นอีกด้วย
“ท่านอ๋อง ฮ่องเต้ทรงเรียกพบด่วนขอรับ”
“เอ้อ”
เมื่อได้ยินเสียงดังจากประตูไม้ลายสลัก เหลิ่งจวิ้นอวี๋ชะงักงัน ก่อนพลันหยุดการกระทำทั้งหมดลงทันที
แม้หลังได้ยินประโยคนี้แล้ว เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะขมวดคิ้วงดงาม ราวไม่พอใจที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะเขาตอนนี้
แต่เขาก็รู้ว่าเหม่ย หากไม่มีเรื่องด่วน คงไม่เข้ามาขัดจังหวะเขา
หลังคิดถึงเรื่องนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ชะงักงัน รีบปล่อยเล่อเหยาเหยาทันที ก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้
จากนั้นยื่นมือตบที่เสื้อคลุมที่ยับเล็กน้อยจากการนั่งเมื่อครู่ ก่อนจะจัดการลมหายใจที่ยุ่งเหยิงของตน แล้วเอ่ยปากขึ้น
“อืม ทราบแล้ว”
เอ่ยจบ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่มองเล่อเหยาเหยาที่เขาปล่อยมือ แล้วล้มลงบนพื้นแม้แวบเดียว เดินอย่างเร่งรีบออกจากห้องไป
กระทั่งเสียง ‘ปัง’ยามประตูไม้ลายสลักถูกปิดลงอีกครั้ง ห้องหนังสือจึงเหลือเพียงเล่อเหยาเหยา เธอจึงถอนหายใจออกมาอย่างกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป
ฮือๆ รอดชีวิตอีกครั้งแล้ว!
สวรรค์ เธอรอดตายแล้ว!
เมื่อครู่เธอหวาดกลัวว่าพญายมนั้นจะปล้ำเธอจริงๆ สุดท้ายรู้สถานะผู้หญิงของตน จากนั้นสังหารเธอด้วยความอับอายและโมโห ทว่าตอนนี้โชคดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้น
ทว่า เธอไม่เป็นไรจริงหรือ!?
ต่อไปล่ะ!?
เธอยังทำงานในวังอ๋องต่อไป ยังเป็นขันทีข้างกายของพญายม เวลาที่ต้องใกล้ชิดกับพญายมต้องไม่น้อยแน่นอน
หากต่อไปเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก เธอควรทำเช่นไรดี!?
เวลานี้ เล่อเหยาเหยาทุกข์ใจอย่างยิ่ง
…………………………………………