เพราะออกแรงดึงมากเกินไปจึงทำให้เนคไทยิ่งพันกันแน่น 

 

 

สุดท้ายเขาต้องขมวดคิ้วอย่างอยู่ไม่สุข แต่ว่าในตอนนี้เฉินฝานซิงกลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว 

 

 

ป๋อจิ่งชวนเงยหน้าขึ้นมองเธอ มือที่กำลังขยับอยู่ได้หยุดลง 

 

 

เธอยื่นนิ้วออกไปชี้เข้าที่เนคไทที่เขากำลังจับอยู่อย่างเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย 

 

 

“มาค่ะ ฉันช่วย” 

 

 

เขาเม้มปากไม่พูดอะไร หว่างคิ้วที่ปูดนูนขึ้นค่อยๆ คลายลงแล้วปล่อยมือจากเนคไทที่จับอยู่ 

 

 

เธอรับเนคไทมามองอย่างละเอียด ก็แค่ดึงแรงไปจนมันพันแน่นเท่านั้นเอง 

 

 

เธอลองใช้เรียวนิ้วขาวนวลออกแรงแกะออกสองครั้ง แล้วแหงนหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย 

 

 

เมื่อครู่เธอไม่เห็นว่าเขาออกแรงไปมากแค่ไหน ทำไมมันถึงได้พันกันแน่นขนาดนี้ 

 

 

เธอเม้มปากเพื่อออกแรงมากขึ้น จนเผลอเข้าใกล้เข้าเขาเล็กน้อย ก้มหน้าก้มตาค่อยๆ แกะเงื่อนตายนั้นออกมาทีละน้อย 

 

 

เส้นผมที่ทั้งนุ่มลื่นและกระเซิงบนศีรษะ ส่องแสงอย่างสวยงามภายใต้แสงไฟ เส้นผมยาวเหมือนน้ำตกที่ทิ้งตัวลงไปข้างหลัง ขยับเบาๆ อย่างมีชีวิตชีวาตามการเคลื่อนไหวเล็กน้อย ฟุ้งไปด้วยกลิ่นสดชื่นที่หอมมากๆ 

 

 

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงบ ทั้งครู่ใกล้กันมาก ป๋อจิ่งชวนลดสายตาลงมองหน้าผากเกลี้ยงเกลา หัวใจเขาสั่นไหวเล็กน้อยจนเผลอก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกสองก้าว 

 

 

เมื่อรู้สึกว่าเขาเข้ามาใกล้มากขึ้นใจเธอก็กระตุกหนึ่งครั้ง 

 

 

เนคไทก็ถูกแกะออกในเวลานั้นพอดี เฉินฝานซิงแสร้งทำเป็นดึงเน็คไทออกมาจากคออย่างเงียบสงบ 

 

 

จากนั้นหันหน้าไปมองเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้น 

 

 

“ได้แล้ว” 

 

 

“ฝานซิง” 

 

 

“คุณ…” เธอดึงสติกลับมาอย่างหวาดหวั่น มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ 

 

 

“ขอโทษจริงๆ เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจ” 

 

 

“…” ความมืดเข้าครอบงำแววตาในทันที ในใจเธอเย็นเยือกเล็กน้อย 

 

 

ไม่ได้ตั้งใจแล้วเรียกว่าอะไร 

 

 

เขาเห็นเธอตัวเป็นอะไร 

 

 

ใบหน้าเธอไร้อารมณ์ สองแขนดันอกของเขาออกหวังจะผลักให้พ้น แต่สุดท้ายป๋อจิ่งชวนก็ไม่มีทีท่าจะปล่อยเธอไปเลย 

 

 

“ปล่อยฉัน!” เธอโมโหเล็กน้อย 

 

 

“ไม่ปล่อย เรื่องนี้ผมต้องคุยกับคุณให้รู้เรื่อง” 

 

 

“ไม่จำเป็น! ฉันเข้าใจ…” 

 

 

เขาขมวดคิ้วแน่น “คุณเข้าใจว่าไง? เรื่องที่แม้แต่ผมเองก็เพิ่งจะมั่นใจเมื่อกี้ คุณจะไปรู้ดีได้ยังไง!”