ตอนที่ 52 คุณรับรู้ถึงความจริงใจของผมแล้ว

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ความร้อนระอุถูกสุมอยู่ในอก เขากำลังคิดอยู่ว่าควรจะควักเอาลูกตาของอวี๋ซงออกมาดีไหม 

 

 

อยู่ๆ อวี๋ซงที่ยืนอยู่นอกห้องถึงกับหนาวสั่นขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย 

 

 

เฉินฝานซิงมองความหล่อเหล่าและเข้มงวดบนใบหน้านั้น จู่ๆ เธอก็เผยยิ้มจางๆ ออกมา 

 

 

“เพราะงั้นตอนนี้คุณกำลังตอกย้ำความจริงใจของคุณอยู่เหรอ?” 

 

 

ดวงตามืดสลัวจับจ้องรอยยิ้มจางๆ ที่ประดับอยู่ใบบนหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่วางตาก่อนค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างลึกซึ้ง 

 

 

เขาเดินเข้ามาใกล้เธอ เสื้อสูทมีราคาและถูกรีดจนเนี๊ยบที่เข้ากับร่างสูงพอดิบพอดี กลิ่นกายที่ปะทะเข้ามาของร่างนั้นไม่ว่ากลิ่นของอะไรก็กำลังกระจ่ายกลิ่นอันมีเสน่ห์ออกมา 

 

 

“นั่นก็หมายความว่าคุณรับรู้ถึงความจริงใจของผมแล้ว” 

 

 

น้ำเสียงที่ฟังยังไงก็เป็นประโยคคำถาม กลับถูกเขาพูดเป็นประโยคบอกเล่าไปเสียแล้ว 

 

 

“คุณไม่รู้สึกว่าในตอนนี้เราจะใกล้กันไปหน่อยเหรอสำหรับชายหญิง” 

 

 

เธอตอบไม่ตรงคำถาม การที่เขาเข้าใกล้เธอเกินไปอาจทำให้จิตใจของเธอปั่นป่วนได้ 

 

 

“เราไม่ใช่แค่ชายหญิงทั่วไป ผมกำลังจีบคุณอยู่” 

 

 

“ก็แค่จีบ สำหรับการเริ่มต้นพวกเราทำแบบนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เจ้าของคิ้วงามทักท้วงชายหนุ่มอย่างจริงจังถึงความเป็นไปของลำดับขั้นตอนที่ถูกที่ควร 

 

 

เขากลับพยักหน้า “ผมคิดว่าก็ไม่แปลก ในเมื่อพวกเราเองก็เคยผ่านความสัมพันธ์แบบจับมือกันมาแล้ว” 

 

 

“…” เธอหน่ายใจ 

 

 

แต่ป๋อจิ่งขวนก็เก็บมือกลับมาแนบไว้ข้างกาย ความกดดันจึงหายไปในชั่วพริบตา 

 

 

“แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงยังไงก็เป็นช่วงจีบ ผมจะยังไม่ทำอะไรคุณ” 

 

 

เขาชะงักลง สายตาปราดมองเรือนร่างของเธอ น้ำเสียงกดต่ำเอ่ยขึ้น “คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ก่อนที่ช่วงการจีบพังลงเดี๋ยวนี้” 

 

 

เธอก้มหน้าลงมองเนื้อหนังที่โพล่หลาออกมานอกเสื้อ 

 

 

ใบหน้าเธอฉาบไปด้วยความกดดันก่อนจะหันเดินเข้าห้องนอนไป 

 

 

ป๋อจิ่งชวนเห็นเธอปิดประตูเข้าห้องไปแล้ว ถึงได้หันหันมาเปิดประตูห้อง 

 

 

อวี๋ซงรีบก้าวเข้ามา “คุณผู้ชาย” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนยื่นมือออกไปรับสองถุงในมือของอวี๋ซงเข้ามา จากนั้นมองเขาสองวิก่อนเสียงเย็นจะเอ่ยขึ้น “ไปซื้อหอมใหญ่มาสิบกิโล” 

 

 

“ห๊ะ?” 

 

 

“หลังจากหนึ่งชั่วโมง สับให้ละเอียดแล้วเอามาให้ฉันดู” 

 

 

“ห๊ะ?” 

 

 

หน้าของเขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงปิดประตูที่ไร้อารมณ์ 

 

 

เขากะพริบตาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ 

 

 

ไม่มีทางเลือก แค่นึกว่าต้องหั่นหอมใหญ่สิบห้ากิโลให้หมดตาของเขาก็เศร้าไว้ล่วงหน้าแล้ว 

 

 

ว่าแต่ ทำไมจู่ๆ คุณผู้ชายก็สั่งให้เขาทำเรื่องแบบนี้นะ! 

 

 

– 

 

 

หลังจากเฉินฝานซิงเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่มาเรียบร้อยแล้ว ก็เห็นอีกคนกำลังถอดเสื้ออยู่พอดี 

 

 

เธอจำที่ชิงจือเคยพูดได้ว่า ช่วงเวลาที่ยั่วยวนที่สุดของผู้ชายไม่ใช่ตอนที่เขามายืนล่อนจ้อนอยู่ต่อหน้า แต่เป็นตอนที่เขากำลังถอดหรือสวมผ้าอยู่ต่างหาก 

 

 

ตอนแรกเธอก็ยิ้มๆ ไปไม่ได้คิดอะไรมาก 

 

 

ทว่าตอนนี้มองอีกฝ่ายยกมือขึ้นถอดเสื้อสูทออกมา ท่าทีเป็นธรรมชาติแบบนั้นเขาแสดงออกมาได้อย่างไม่อาจละสายได้เลยจริงๆ 

 

 

เสื้อสูทถูกพาดไว้บนโซฟา จากนั้นเขาก้มหัวลงปลดคัฟลิงค์คู่หรูออกจากแขนเสื้อ ทบท้ายด้วยการหันไปปลดเนคไท 

 

 

การกระทำอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้เห็นถึงเสน่ห์ที่ติดตัวมาของเขา ทว่าเวลานี้เนคไทของป๋อจิ่งชวนกลับติดแหง็กอยู่ครึ่งทาง…