บทที่ 38 วางแผนเข้าเมือง

ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย

สามสิบแปด

วางแผนเข้าเมือง

เสวี่ยเจียเยว่อยากออกไปดูโลกภายนอก โดยออกไปขายเต้าหู้กับยายหาน เธอจึงยิ้มพลางเอ่ย

“ท่านยายหาน ข้าช่วยท่านทำเต้าหู้ได้หรือไม่เจ้าคะ และวันพรุ่งนี้ข้าขอไปช่วยท่านขายเต้าหู้ในเมืองด้วยได้หรือไม่”

“เช่นนั้นก็ดี” ยายหานยิ้มพลางเอ่ย เพราะนางอายุมากแล้ว ทำเต้าหู้คนเดียวเป็นงานที่เหนื่อยมาก นำไปขายในเมืองก็ยุ่งไม่น้อย แม้ว่าเสวี่ยเจียเยว่จะยังเด็ก แต่ดูเป็นคนขยันขันแข็ง มีแม่นางน้อยคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องดี

ติดอยู่เพียงอย่างเดียว…

“แม่ของเจ้าจะยอมให้เจ้าตามข้าไปขายเต้าหู้ในเมืองหรือ”

“ตอนนี้ในทุ่งนาไม่มีงานอะไรให้ทำแล้ว ข้าอยู่เรือนทั้งวันไม่มีอะไรทำ กินๆ นอนๆ เช่นนั้นนางคงไม่ชอบ หากพรุ่งนี้ข้าไปในเมืองกับท่าน ก็ประหยัดอาหารในส่วนของข้าไปได้วันหนึ่ง เกรงว่านางจะเอ่ยอนุญาตแทบไม่ทัน อีกอย่าง… หากท่านกลัวว่านางจะไม่เห็นด้วย และไม่เสียดายของนัก ก็ให้เต้าหู้นางสักชิ้น รับรองว่านางจะดีใจจนหาทิศทางไม่เจอเลยละ พอถึงเวลานั้นถ้าท่านอยากให้ข้าไปช่วยขาย นางคงเห็นด้วยทันทีกระมัง”

คำพูดฉะฉานของเสวี่ยเจียเยว่ทำให้ยายหานถึงกับหัวเราะ “ดี ถ้าเช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ วันนี้พวกเรายายหลานมาทำเต้าหู้กันก่อน พอทำเต้าหู้เสร็จแล้ว พรุ่งนี้ก็นำไปขายในเมืองตั้งแต่เช้า”

เสวี่ยเจียเยว่ขานรับด้วยน้ำเสียงไพเราะ

ยายหานออกไปจูงล่อเข้ามาในโรงโม่ ก่อนจะผูกเชือกเอาไว้ที่คอของมัน และให้เสวี่ยเจียเยว่จูงล่อลากโม่หินบดถั่วเหลือง ส่วนนางก็นั่งซาวถั่วเหลืองที่แช่อยู่ในถังขึ้นมาใส่รูโม่หิน ทั้งสองคนทำงานพลางพูดคุยสัพเพเหระไปด้วย ยายหานมักจะหัวเราะกับเรื่องตลกที่เสวี่ยเจียเยว่เล่าอยู่บ่อยๆ

ถั่วเหลืองถูกบดเป็นน้ำเต้าหู้สีขาวนวลอย่างรวดเร็ว และไหลลงมาตามช่องด้านล่างของโม่หิน โดยมีถังไม้ใบหนึ่งวางรองเอาไว้ ในห้องเล็กๆ เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของถั่วเหลือง

เมื่อถั่วเหลืองที่แช่อยู่ในถังไม้ถูกโม่หมดแล้ว ยายหานก็นำผ้าขาวผืนใหญ่คลุมถังน้ำเต้าหู้เอาไว้ ก่อนนำไปวางพักไว้สักครู่ จากนั้นจึงจูงล่อออกไปผูกไว้กลางลานพร้อมกับนำถั่วดำให้มันกิน แล้วขนฟืนที่วางอย่างเป็นระเบียบตรงมุมผนังเข้าไปในโรงโม่

โรงโม่นี้นอกจากจะมีโม่หินแล้ว ยังมีอุปกรณ์สำหรับทำเต้าหู้จำนวนหนึ่ง รวมทั้งแท่นเตา

บนแท่นเตามีหม้อขนาดใหญ่ใบหนึ่ง ยายหานกับเสวี่ยเจียเยว่ช่วยกันเทน้ำเต้าหู้ลงไปในหม้อใบนั้น และด้วยหม้อมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถทำฝาปิดที่พอดีกับปากหม้อได้ จึงต้องมีฝาสองใบที่ใช้ปิดพร้อมกัน

เสวี่ยเจียเยว่นั่งลงจุดไฟในเตา โดยยายหานกำชับว่าต้องทำให้ไฟติดตลอดเวลา จากนั้นก็ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วล้างอุปกรณ์ที่ใช้ทำน้ำเต้าหู้เมื่อครู่นี้

ไม่นานน้ำเต้าหู้ในหม้อก็เริ่มเดือดปุดๆ และมีฟองสีขาวล้นออกมาตามขอบหม้อ เสวี่ยเจียเยว่จึงรีบเรียกยายหานมาดู

ยายหานเปิดฝาทั้งสองใบออก และหยิบกระบวยมาคนน้ำเต้าหู้ในหม้อพักหนึ่ง จากนั้นก็เทน้ำเกลือลงไปในหม้อช้าๆ ขณะเดียวกันก็ใช้กระบวยคนน้ำเต้าหู้ไปด้วย

เมื่อน้ำเต้าหู้เริ่มแข็งตัวกลายเป็นเต้าฮวย ก็ไม่จำเป็นต้องเติมฟืนอีกแล้ว

ยายหานหยิบถ้วยดินเผาเนื้อหยาบใบใหญ่สองใบขึ้นมา มีน้ำตาลปั้นอยู่ในก้นถ้วยแต่ละใบเล็กน้อย จากนั้นนางก็ตักเต้าฮวยใส่ถ้วย แล้วส่งให้เสวี่ยเจียเยว่หนึ่งถ้วย “รีบดื่มตอนยังร้อนๆ”

เสวี่ยเจียเยว่เอ่ยขอบคุณยายหานด้วยน้ำเสียงไพเราะ ก่อนจะรับมาด้วยสองมือและยกขึ้นดื่ม

เต้าฮวยที่เพิ่งตักขึ้นมาจากหม้อ อีกทั้งยังใส่น้ำตาลปั้น รสชาติจึงหอมอร่อยเป็นอย่างมาก

เสวี่ยเจียเยว่ดื่มพลางคิดไปด้วย เมื่อก่อนแม้เธอจะเคยเห็นยายหานทำเต้าหู้ ได้ช่วยทำอยู่หลายครั้ง และอีกฝ่ายก็ให้กินเต้าฮวยทุกครั้ง ทว่าไม่เคยใส่น้ำตาลปั้นลงไปแม้แต่เม็ดเดียว คาดไม่ถึงว่าวันนี้ยายหานจะใส่ลงไปในถ้วยเต้าฮวยให้เธอด้วย ดูเหมือนว่าของป่าพวกนั้นจะมีประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว

เมื่อยายหานหันไปทำงานของตนต่อ เสวี่ยเจียเยว่ก็รีบดื่มเต้าฮวยจนหมดถ้วย แล้วไปช่วยเจ้าของเรือนทำงานทันที

ยายหานถือถังไม้ใบใหญ่ แล้วใช้กระบวยตักเต้าฮวยใส่ลงไปในถัง เมื่อเต็มแล้วก็เทเต้าฮวยใส่ผ้าบางผืนใหญ่ ซึ่งใช้ไม้สองท่อนไขว้กันขึงมุมทั้งสี่ของผ้าเอาไว้ บนไม้ทั้งสองท่อนนั้นมีตะขอขนาดใหญ่สำหรับผูกปลายเชือกด้านหนึ่ง ส่วนปลายเชือกอีกด้านมัดขึงกับคานเรือน

นางใช้สองมือจับไม้ทั้งสองท่อนและเขย่าเต้าฮวยในผ้าบางผืนนั้นช้าๆ ให้น้ำเต้าฮวยสีขาวไหลลงสู่ถังไม้ที่รองอยู่ด้านล่าง

จนกระทั่งน้ำเต้าฮวยไหลน้อยลงแล้ว ยายหานก็ถอดมุมผ้าทั้งสี่ออกจากท่อนไม้ นำผ้าห่อเต้าฮวยที่ยังแข็งตัวไปวางบนแผ่นไม้เรียบขนาดใหญ่ และใช้แผ่นไม้เรียบอีกแผ่นวางทับบนผ้าห่อเต้าฮวย

จากนั้นนางก็ตักเต้าฮวยใส่ถังอีกครั้ง และแยกน้ำเต้าฮวยออกเหมือนเมื่อครู่ แต่ครั้งนี้นางนำผ้าห่อเต้าฮวยห่อใหม่ไปวางบนแผ่นไม้ซึ่งใช้ทับผ้าห่อเต้าฮวยที่วางไว้ก่อนหน้านี้

นางทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง จนได้ผ้าห่อเต้าฮวยวางซ้อนกันห้าห่อ โดยมีแผ่นไม้เรียบแผ่นหนึ่งวางกั้นแต่ละห่อเอาไว้

ขณะที่เสวี่ยเจียเยว่เห็นยายหานเขย่าผ้าเพื่อแยกน้ำเต้าฮวย เธอก็รู้สึกว่าน่าสนุกดี จึงอยากจะลองทำดู แต่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมากมายในใต้หล้านี้ เมื่อเห็นคนอื่นทำจะรู้สึกว่าช่างดูง่ายดาย แต่พอถึงคราวที่ตนทำเองถึงได้รู้ว่าเป็นเรื่องยาก เธอไม่เพียงเขย่าผ้าไม่ดีเท่านั้น แต่แขนทั้งสองข้างยังล้าอีกด้วย สุดท้ายเธอก็ต้องยอมแพ้

เมื่อยายหานใช้ก้อนหินกดแผ่นไม้เรียบที่อยู่ด้านบนสุดครั้งแล้วครั้งเล่า เสวี่ยเจียเยว่ก็เห็นน้ำสีขาวไหลออกมาจากผ้าห่อเต้าฮวยเหล่านั้น อีกทั้งระหว่างแต่ละห่อมีแผ่นไม้กั้นอยู่ ในยามนี้น้ำเต้าฮวยจึงไหลลงมาตามแผ่นไม้พร้อมกัน เป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก

จากนั้นยายหานก็นำหม้อไปล้าง ก่อนจะทำความสะอาดโรงโม่ โดยมีเสวี่ยเจียเยว่คอยช่วยอีกแรง

พูดได้เลยว่าการทำเต้าหู้เป็นงานที่เหนื่อยยิ่งนัก และทั้งที่เป็นฤดูหนาวแล้ว แต่ยายหานกับเสวี่ยเจียเยว่กลับมีเหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากเพราะความเหนื่อยล้า

เมื่อทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว น้ำจากเต้าฮวยก็ไหลออกมาจนหมด ยายหานจึงนำก้อนหินบนแผ่นไม้ออก ก่อนจะเปิดห่อผ้า

เสวี่ยเจียเยว่เดินเข้าไปมองใกล้ๆ ในยามนี้ไม่สามารถเรียกมันว่าเต้าฮวยได้อีกแล้ว แต่ต้องเรียกว่าเต้าหู้สีขาวเนื้อนิ่มแทน เมื่อมองแล้วก็ดึงดูดใจยิ่งนัก จนเธออยากจะเอื้อมมือไปสัมผัส

ยายหานให้เสวี่ยเจียเยว่อยู่กินข้าวด้วย จากนั้นทั้งสองคนสนทนากันสักพัก จนกระทั่งเสวี่ยเจียเยว่กำลังจะกลับ ยายหานก็หยิบจานที่มีเต้าหู้วางอยู่บนนั้นสองแผ่นพร้อมเอ่ยขึ้น

“กลับไปบอกแม่ของเจ้าว่าพรุ่งนี้ข้าอยากให้เจ้าไปขายเต้าหู้ในเมืองกับข้า ส่วนเต้าหู้สองแผ่นนี้ก็ให้นางเอาไว้กิน”

จากนั้นนางก็หันไปหยิบถ้วยเต้าฮวยใบหนึ่งที่แบ่งเอาไว้ก่อนหน้านี้ “ส่วนถ้วยนี้เอาไปให้พี่จิ้งของเจ้า”

เสวี่ยเจียเยว่ขานรับหนึ่งเสียง พลางเอื้อมมือไปรับจานกับถ้วยนั้นมา ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

เมื่อเดินพ้นประตูเรือนของยายหาน เธอก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และพบว่าตอนนี้พระอาทิตย์ตรงศีรษะแล้ว เมื่อเช้าหลังกินอาหารเสร็จ เธอล้างถ้วยชามให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาจากเรือน

ที่แท้เธอก็อยู่ที่เรือนของยายหานนานขนาดนี้เชียว

เมื่อเสวี่ยเจียเยว่กลับถึงเรือน ก็พบว่าเสวี่ยหย่งฝูกับซุนซิ่งฮวายังไม่กลับมา ส่วนเสวี่ยหยวนจิ้งนั่งอยู่ที่ลานเรือน เขากำลังอ่านตำราอย่างตั้งอกตั้งใจ

เสวี่ยหยวนจิ้งได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็เงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นเสวี่ยเจียเยว่ เขาก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “เหตุใดเจ้าถึงได้ไปนานเช่นนี้”

เสวี่ยเจียเยว่เอ่ยตอบ “ตอนที่ข้าไปก็เห็นว่าท่านยายหานกำลังทำเต้าหู้พอดี ข้าเลยอยู่ช่วยนาง แต่ไม่รู้ว่าเวลามันจะผ่านไปนานเช่นนี้เจ้าค่ะ”

จากนั้นเธอเอ่ยถามเรื่องที่เสวี่ยหย่งฝูกับซุนซิ่งฮวายังไม่กลับมา เขาจึงบอกว่าทั้งสองคนจะไม่กลับมากินอาหารกลางวัน

เจ้าของโรงบ่อนมีอาหารให้กิน แต่แน่นอนว่าต้องจ่ายเงิน สำหรับเสวี่ยหย่งฝูกับซุนซิ่งฮวาที่เล่นไพ่ใบไม้จนหยุดไม่ได้ พวกเขาไม่มีทางกลับมากินอาหารกลางวันที่เรือนแน่นอน ทว่าจะกินที่โรงบ่อนเลย

เมื่อพวกเขาไม่กลับมา เสวี่ยหยวนจิ้งกับเสวี่ยเจียเยว่ย่อมไม่ได้กินอาหารกลางวัน เพราะพวกธัญพืชอยู่ในห้องของซุนซิ่งฮวา ก่อนที่นางจะออกจากเรือนก็ได้ใส่กุญแจเอาไว้แล้ว

หลังจากรู้ว่าเสวี่ยหยวนจิ้งยังไม่ได้กินอะไร เสวี่ยเจียเยว่ก็รีบส่งเต้าฮวยถ้วยใหญ่ให้เขาพลางเอ่ย “ท่านพี่ ท่านดื่มนี่สิเจ้าคะ”

เสวี่ยหยวนจิ้งมองถ้วยเต้าฮวยกับจานเต้าหู้สองแผ่นที่อีกฝ่ายถืออยู่พลางเอ่ยถาม “ท่านยายหานให้มาหรือ”

เสวี่ยเจียเยว่รู้ว่าเขาไม่ชอบรับของจากผู้อื่น ตอนที่เธอตามเขาไปเรือนของยายหานครั้งแรก เจ้าของเรือนส่งถ้วยเต้าฮวยให้เด็กหนุ่ม ทว่าเขากลับไม่ดื่มแม้แต่นิดเดียว

“ท่านยายหานบอกว่าพวกเราเสี่ยงอันตรายเข้าไปในป่าลึก แต่ยังนึกถึงนางโดยนำของป่าไปให้ แม้ว่าของเหล่านั้นจะไม่มีค่าอะไร แต่ในใจของพวกเราก็ยังนึกถึงนาง นางจึงกำชับแล้วกำชับอีกว่าข้าต้องนำเต้าฮวยถ้วยนี้มาให้ท่านดื่มให้ได้ ทั้งยังบอกอีกว่าหากท่านไม่ดื่ม ต่อไปนางจะไม่รับของอะไรจากพวกเราอีกเจ้าค่ะ”

เธอเอ่ยขึ้นอย่างจริงใจ “ท่านพี่ ท่านดื่มเถอะเจ้าค่ะ หากท่านหิว ใจข้าดวงนี้เจ็บปวดยิ่งนัก อีกอย่าง… ในเมื่อท่านยายหานช่างดีกับพวกเราเช่นนี้ ภายภาคหน้าหากพวกเราประสบความสำเร็จแล้ว ค่อยตอบแทนบุญคุณของนางก็ได้ ตราบใดที่ขุนเขายังเขียวขจีอยู่ อย่าได้กลัวว่าจะไม่มีฟืนให้เผาเจ้าค่ะ”

เสวี่ยหยวนจิ้งเหลือบมองเสวี่ยเจียเยว่ ดวงตาดำขลับเป็นประกายราวกับผิวน้ำคู่นั้นมีความห่วงใยอย่างแท้จริง อีกทั้งเรื่องการตอบแทนบุญคุณ และคำกล่าวที่ว่า… ตราบใดที่ขุนเขายังเขียวขจีอยู่ อย่าได้กลัวว่าจะไม่มีฟืนให้เผา เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่ามีเหตุผลไม่น้อย

เขาใจอ่อนขึ้นมาทันที ทว่าขณะเอื้อมมือไปรับถ้วยเต้าฮวย เสวี่ยเจียเยว่กลับไม่ยื่นให้เขา

เธอกล่าวขึ้น “เต้าฮวยถ้วยนี้เย็นแล้ว ท่านพี่รอข้าครู่หนึ่งนะเจ้าคะ”

เสวี่ยเจียเยว่พูดจบก็ถือถ้วยเต้าฮวยเข้าไปในเรือน โดยมีเสวี่ยหยวนจิ้งเดินตามไป

เขาตามไปเห็นเสวี่ยเจียเยว่เดินเข้าไปในห้องครัว ตักน้ำใส่หม้อหนึ่งกระบวย จากนั้นก็วางถ้วยเต้าฮวยลงไปในหม้อ ก่อนจะปิดฝาและก้มลงจุดไฟด้านล่างแท่นเตา

น้ำในหม้อมีไม่มาก ไม่นานก็เดือดจนได้ยินเสียงดังปุดๆ

ต้มเช่นนี้อยู่ครู่หนึ่ง เสวี่ยเจียเยว่ก็ไม่ได้เพิ่มฟางเข้าไปในเตา

พอเธอเปิดฝาหม้อ ไอน้ำก็ลอยตลบอบอวลตามขึ้นมา และถ้วยเต้าฮวยที่วางอยู่ในหม้อก็มีไอร้อนเช่นกัน

เสวี่ยเจียเยว่ใช้ผ้าสำหรับเช็ดชามห่อมือเอาไว้ และยกถ้วยเต้าฮวยออกจากหม้อ ก่อนจะวางช้อนหนึ่งคันลงไปในถ้วย จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นเรียกเสวี่ยหยวนจิ้งด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพี่ เต้าฮวยร้อนๆ เจ้าค่ะ ท่านรีบดื่มเร็วเข้า”

เสวี่ยหยวนจิ้งยืนพิงกรอบประตูมาโดยตลอด พลางมองเสวี่ยเจียเยว่ทำงานอย่างเงียบๆ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเรียก เขาก็ขานรับแล้วเอื้อมมือไปรับถ้วยใบนั้นมา

ถ้วยเต้าฮวยถูกอุ่นแล้ว และไม่เพียงมือเขาเท่านั้นที่ร้อน หัวใจเขาก็อบอุ่นเช่นเดียวกัน

ทว่าเขาไม่ได้ดื่มทันที กลับหยิบถ้วยอีกใบแล้วเทเต้าฮวยลงไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ส่งให้เสวี่ยเจียเยว่ “เจ้าเองก็ดื่มด้วยกันสิ”

เสวี่ยเจียเยว่รีบเอ่ยขึ้น “เมื่อครู่ข้าดื่มไปถ้วยใหญ่แล้วตอนอยู่ที่เรือนท่านยายหาน นางยังให้ข้ากินข้าวกลางวันอีก ตอนนี้ข้ายัดอะไรเข้าท้องไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ เต้าฮวยถ้วยนี้ท่านพี่ดื่มเถอะเจ้าค่ะ”

ทว่าเสวี่ยหยวนจิ้งยังยืนยันว่าจะแบ่งให้ได้ สุดท้ายเสวี่ยเจียเยว่จึงต้องหาเหตุผลมาโน้มน้าวเขา และขอเทเต้าฮวยในถ้วยของตนคืนเขาส่วนหนึ่ง เหลือไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ระหว่างที่ดื่มเต้าฮวยอยู่นั้น เสวี่ยเจียเยว่บอกเรื่องที่เธอจะเข้าเมืองไปขายเต้าหู้กับยายหานในวันพรุ่งนี้

เมื่อเสวี่ยหยวนจิ้งได้ยินเช่นนั้น มือที่ถือช้อนอยู่พลันชะงัก จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เข้าใจ