เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงใส่ใจมากขนาดนี้ อาจเป็นเพราะความรู้สึกของซูฉิงนั้นเหมือนถังถังมากเกินไป
เขารู้ดีว่าสัญญาการแต่งงานระหว่างเขากับซูฉิงถูกกำหนดขึ้นโดยปู่ของเขา ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน
แต่อย่างน้อยเขาก็ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเพื่อน
แต่เธอล่ะ? ปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนแปลกหน้าเท่านั้น?
“ซูฉิงในใจของเธอฉันเป็นแค่คนแปลกหน้า ที่ไม่ความสำคัญอะไรจริง ๆ เหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงเอื้อมมือออกไปและคว้าแขนของ ซูฉิงเอาไว้
“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นล่ะ?” ซูฉิงยักไหล่และยกริมฝีปากขึ้น
เธอมองลงไปที่แขนของเธอที่ฮ่อหยุนเฉิงจับไว้แน่นและพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณทำฉันเจ็บ ปล่อย!”
แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับทำเป็นหูหนวกและยังคงไม่ปล่อยซูฉิงไป
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขายังคงนิ่ง คิ้วขมวด และดวงตาที่ไม่แยแสของเขาฉายแววด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
ซูฉิงพยายามสะบัดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็สะบัดยังไงก็ยังคงไม่หลุด
ขณะนี้เองเวลาก็หยุดนิ่งไป
“ซูฉิง เธอทำอะไร!” เสียงผู้หญิงดังขึ้นทำลายความเงียบและบรรยากาศที่อึดอัดในขณะนั้น
ซูฉิงหันหน้ามองไปที่ประตู คนที่ปรากฏตัวในสายตาของเธอนั้นคือสวีหว่านเอ๋อร์
เมื่อเห็นว่าเป็นสวีหว่านเอ๋อร์ ที่จ้องมองเธอด้วยความหึงหวง ซูฉิงก็ผลักตัวเองเข้าไปกอดในอ้อมแขนของฮ่อหยุนเฉิง “สามีของฉัน ฉันทำอะไรก็ได้ คุณสวีไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรคะ?”
หลังจากที่เขาพูดจบ เธอก็มองไปที่ฮ่อหยุนเฉิงอย่างเสน่หา “คุณสามี ฉันพูดถูกไหมคะ”
คุณสามี?
เป็นคำเรียกที่ไม่เลว…
ใบหน้าที่หล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงยังคงไร้ความรู้สึก แต่มุมริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
สวีหว่านเอ๋อร์หน้าแดงด้วยความโกรธ ขณะที่หลินเหยียนเฟิงมีท่าทีดูเขินอาย “คุณฮ่อผมขอโทษครับ ผมบอกคุณสวีแล้วว่าตอนนี้คุณกำลังยุ่ง แต่เธอยืนยันที่จะเข้ามา … ”
สิ่งที่เขาเห็นคือผู้บริหารของเขาถูกสวีหว่านเอ๋อร์ขัดจังหวะในขณะที่เขากับคู่หมั้นของเขากำลังสวีทกันอยู่ แค่เพียงเพราะเขาไม่ได้หยุดสวีหว่านเอ๋อร์
ท่านประธานของเธอขึ้นชื่อว่าเป็นคนเฉยเมย เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงเข้าใกล้หรือแม้แต่จ้องมอง นึกไม่ถึงว่าซูฉิงจะเข้าตาท่านประธานแต่ตอนนี้ ด้วยความประมาทของเขาทำให้เรื่องดีๆของท่านประธานของเขาถูกขัดจังหวะ…
ฮ่อหยุนเฉิงสะบัดมือไล่อย่างเหลืออดเพื่อส่งสัญญาณให้หลินเหยียนเฟิงออกไป
หลินเหยียนเฟิงรู้สึกโล่งใจและรีบเดินออกจากห้องทำงานของท่านประธาน
“สวีหว่านเอ๋อร์ทำไมคุณถึงมาที่นี่?” ฮ่อหยุนเฉิงดึงเนกไทของเขาแล้วมองไปที่สวีหว่านเอ๋อร์ด้วยสายตาที่เฉยเมยและห่างเหิน
สวีหว่านเอ๋อร์แสดงสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ที่สุด บิดเอวที่เพรียวของเธอและเดินไปข้างหน้าฮ่อหยุนเฉิงด้วยเสียงที่นุ่มนวล “หยุนเฉิง คือว่าเราได้เตรียมแผนเบื้องต้นสำหรับความร่วมมือระหว่างสวีกรุปและฮ่อกรุป ฉันเอามาให้คุณดูโดยเฉพาะ”
“แผนงานเรื่องความร่วมมือนี้ พี่ชายคนโตของคุณไม่ใช่ผู้รับผิดชอบหรอกเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว
“พี่ใหญ่ วันนี้เขาไม่ว่าง เลยให้ฉันเอามาให้” สวีหว่านเอ๋อร์ดูเขินอาย แต่ที่จริงแล้ว เพื่อที่จะได้เจอฮ่อหยุนเฉิง เธอจึงแอบนำแผนของพี่ใหญ่มา
ฮ่อหยุนเฉิงเหลือบไปที่ซูฉิงที่อยู่ข้างๆแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณออกไปเถอะ”
“เธอไม่ได้ยินหรือไง ยังไม่รีบไปอีก ฉันจะอธิบายแผนให้หยุนเฉิงฟัง!” เมื่อเห็นคำพูดของฮ่อหยุนเฉิง สวีหว่านเอ๋อร์ก็รู้สึกถึงชัยชนะ มองซูฉิงด้วยสายตาของผู้ชนะที่เต็มไปด้วยการยั่วยุ
แต่ในวินาทีต่อมา เสียงที่เยือกเย็นของฮ่อหยุนเฉิงกลับทำให้สวีหว่านเอ๋อร์เหมือนตกลงไปอยู่ใต้น้ำแข็ง “สวีหว่านเอ๋อร์ผมบอกให้คุณออกไป”
“หยุนเฉิง…” สวีหว่านเอ๋อร์เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ กัดริมฝีปากของเธอ “ฉันยังไม่ได้อธิบายแผนให้คุณฟังเลยนะ!”
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้วและเหลือบมองเธออย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “วางลงก็พอ”
“แต่พี่ใหญ่ของฉันบอกให้ฉันอธิบายให้นายฟังอย่างละเอียด…” สวีหว่านเอ๋อร์ไม่พอใจ
ฮ่อหยุนเฉิงไล่เธอออกไปต่อหน้าซูฉิง นี่ทำให้เธอไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
เมื่อก่อน แม้ว่าฮ่อหยุนเฉิงจะเย็นชากับเธออยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยขับไล่เธอออกไปแบบนี้
ตั้งแต่ซูฉิงเข้ามาอยู่ในตระกูลฮ่อทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!
ฮ่อหยุนเฉิงไม่แม้แต่จะมองเธอ แล้วยังขับไล่เธอออกไปอีกด้วย!
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะซูฉิง!
เมื่อเห็นท่าทีที่เหี่ยวเฉาของสวีหว่านเอ๋อร์ซูฉิงถึงกับพูดไม่ออกว่าเธอมีความสุขขนาดไหน เธอยกริมฝีปากขึ้นและพูดอย่างประชดประชัน “คุณสวีคุณสงสัยในความสามารถของสามีฉันไม่ได้นะ คุณคิดว่าเขาจะไม่เข้าใจเหรอ?”
สวีหว่านเอ๋อร์จับแขนของฮ่อหยุนเฉิงและรีบอธิบายทันที “หยุนเฉิงฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ”
ฮั่วหยุนเฉิงดึงแขนออกมาอย่างเฉยเมยพร้อมกับขมวดคิ้ว “ออกไป”
สวีหว่านเอ๋อร์จ้องไปที่ซูฉิงอย่างดุเดือดและเดินออกจากห้องทำงานของท่านประทานไปอย่างไม่เต็มใจ
ซูฉิงมองฮั่วหยุนเฉิงอย่างชื่นชม “ทำได้ดีมาก”
ฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างเฉยเมย “ฉันไม่ใช่คนแปลกหน้าหรอกเหรอ ทำไมคำก็สามีสองคำก็สามีล่ะ?”
ซูฉิงหัวเราะแห้งๆ “ก็ คุณชอบถังถังไม่ใช่เหรอ ฉันก็ช่วยนายขับไล่ดอกพีชเน่าๆ พวกนี้ไม่ดีใจหรือไง เกรงว่าถังถังของคุณจะรู้ว่ามีผู้หญิงมากมายที่จ้องจะกินคุณ”
ถังถัง……
เมื่อได้ยินชื่อนี้จากปากของซูฉิง แววดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงก็ดูว้าวุ่น
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปละนะ” ซูฉิงหันหลังและเดินออกจากห้องไป
สวีหว่านเอ๋อร์อยู่ที่ประตูสำนักงานผู้บริหารด้วยใบหน้าโกรธในขณะนี้ เมื่อเห็นซูฉิงเดินออกมา ความโกรธในอกของเธอก็ลุกโชน จึงยื่นขาออกไปเพื่อขัดขาให้ซูฉิงสะดุด
ดวงตาและมือของซูฉิงที่ว่องไว ทำให้เธอหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว
“คุณสวีสามีของฉันไม่ได้บอกให้คุณออกไปเหรอ ทำไมคุณยังยืนอยู่ที่ประตู คุณเฝ้าประตูเหรอ” รอยยิ้มประชดประชันปรากฏขึ้นที่มุมปากของซูฉิง
“ซูฉิงนี่เธอพูดว่าอะไรนะ?” สวีหว่านเอ๋อร์ผงะไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะมีปฏิกิริยาตอบกลับ ซูฉิว่าเธอเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เธอยิ่งโกรธมากขึ้น
ซูฉิงพูดกับหลินเหยียนเฟิงที่อยู่ข้างๆ เขาว่า “ผู้ช่วยหลิน บริษัทของเราไม่อนุญาตให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณไม่รีบเชิญคุณสวีออกไปล่ะ”
“ซูฉิง นี่เธอไล่กล้าฉันออกไปเหรอ” สวีหว่านเอ๋อร์เสียสติ ร่างกายของเธอก็สั่นด้วยความโกรธ
ฮ่อหยุนเฉิงไล่เธอออกไปนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ซูฉิงมีสิทธิ์อะไรที่จะไล่เธอออกไป?!
“คุณสวี เชิญคุณกลับไปก่อนเถอะครับ!” หลินเหยียนเฟิงหยุดสวีหว่านเอ๋อร์เอาไว้
ชูชิงเดินไปที่แผนกเลขานุการไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเสียงสวีหว่านเอ๋อร์ที่โกรธโวยวายมาจากด้านหลัง
ทันทีที่นั่งลงที่โต๊ะทำงาน โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานเธอก็ดังขึ้น
ซูฉิงมองไปก็เห็นว่ามันเป็นสายพิเศษ “888” ที่ใช้สำหรับประธานเท่านั้น
เธอขมวดคิ้ว ซูฉิงรับสาย “ฮ่อหยุนเฉิง นายจบได้หรือยัง นายโทรหาฉันมีอะไรอีก … ”
ปลายสาย เสียงที่ชัดเจนฮ่อหยุนเฉิงก็ดังขึ้น “มาประชุมที่ห้องประชุม”
“ประชุม?” ซูฉิงสงสัย
ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “การประชุมความร่วมมือโครงการแฟชั่นสตรี”
“อืม”
เมื่อซูฉิงรีบไปที่ห้องประชุมพร้อมกับเอกสาร ก็พบว่าฮ่อหยุนเฉิงนั่งอยู่ข้างในแล้ว
เขานั่งที่ที่นั่งหลักของโต๊ะประชุม สวมชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บมาอย่างดี พร้อมคำใบ้จาง ๆ ของการครอบงำ โครงหน้ามีมิติ โครงหน้าละเอียดอ่อน เย็นชา มีความสง่างามและสูงส่ง ราวกับจักรพรรดิผู้โดดเดี่ยวที่มองเห็นทุกสิ่ง
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมยังมีเซี่ยซิงซิง ไป่เซียวเซียว รวมถึงหลี่หว่านถิงซึ่งเป็นผู้ออกแบบโครงการความร่วมมือด้านแฟชั่นสำหรับสุภาพสตรีนี้
เมื่อเห็นซูฉิงเข้ามา สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่เธอ
“ประชุมครั้งนี้เราจะสายไม่ได้” ฮ่อหยุนเฉิง เหลือบมองที่ซูฉิงด้วยดวงตาที่ไม่แยแสและโบกมือให้เธอนั่งลง
สาย?
ไม่มีใครบอกเธอซะหน่อยว่าต้องประชุม?
ไม่ต้องบอกก็รู้ ต้องเป็นฝีมือเซี่ยซิงซิงแน่
ซูฉิงไม่พูดอะไร แค่หาที่นั่งแล้วนั่งลง
ฮ่อหยุนเฉิงส่งสัญญาณให้การประชุมเริ่ม เซี่ยซิงซิงกระแอมและพูดว่า
“ฉันรับผิดชอบในช่วงแรกของโครงการความร่วมมือด้านแฟชั่นสำหรับผู้หญิง และซูฉิงมีหน้าที่รับผิดชอบในการเปิดตัวซีซันหน้า ซูฉิงบรรยายเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมของโครงการให้คุณฮ่อฟังหน่อยสิ”
เธอไม่ได้บอกให้ซูฉิงจัเรื่องการประชุมนี้เลย แน่นอนว่าซูฉิงจึงไม่ได้เตรียมเอกสารสำหรับการประชุมนี้เลย
สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการแฟชั่นสำหรับสุภาพสตรี สิ่งที่เธอให้กับซูฉิงก็เป็นเพียงโครงที่ไม่มีอะไรเลย
เธอคาดหวังว่าซูฉิงคงจะไม่มีเข้าใจเกี่ยวกับโครงการนี้เลย ดังนั้นเธอให้ซูฉิงเป็นคนพูด แน่นอนว่าเธอจะต้องพูดไม่ได้
เซี่ยซิงซิงมองไปที่ซูฉิงด้วยรอยยิ้ม รอให้เธอทำตัวโง่เขลาต่อหน้าทุกคนในที่สาธารณะ
แต่เล่ห์เหลี่ยมเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะปกปิดซูฉิงได้อย่างไร?