ตอนที่ 54 การที่เธอไม่รัก มันทำให้หัวใจของเขาปั่นป่วน

เดิมพันเสน่หา

เหลิ่งรั่วปิง ผมควรจะทำยังไงกับคุณดี หนานกงเยี่ยหงุดหงิดเป็นอย่างมาก 

 

 

อันที่จริง เมื่อคืนมีอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาไม่ฆ่าเธอ เขาเป็นคนที่ฉลาด แล้วจะมองไม่ออกได้ยังไงว่าเหลิ่งรั่วปิงคิดจะทำอะไร เธอวางมีดปลอกผลไม้เอาไว้บนโต๊ะ อีกทั้งมือขวาของเธอก็เตรียมพร้อมที่จะสู้อยู่ตลอดเวลา เขาเข้าใจแล้ว ขอแค่เขาเหนี่ยวไก เธอก็พร้อมที่จะเอามีดปลอกผลไม้นั่นเขวี้ยงมาที่เขา 

 

 

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ 

 

 

เธอไม่รักเขา และไม่มีวันเห็นใจเขา เขาเคยเห็นฝีมือการใช้มีดของเธอมาก่อน ความเร็วของมันแทบจะไม่ต่างกับลูกปืนเลย เธอเลือกที่จะตายไปพร้อมกับเขาอย่างไม่ลังเล 

 

 

เขาไม่กลัวตาย แต่ถ้าเธอเป็นคนเอามีดมาแทงเขาแบบนั้น เขาคงรับไม่ได้ 

 

 

เหลิ่งรั่วปิง เธอเป็นผู้หญิงที่เลือดเย็น และแน่นอนว่าเขาเองก็เป็นผู้ชายที่เลือดเย็น แต่ว่าเขาที่เลือดเย็นมาโดยตลอด กลับไม่สามารถตัดสินใจขั้นเด็ดขาดกับเธอได้ ถ้าเขากับเธอต้องมาสู้กัน คนที่แพ้ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน เพราะว่าเขามีความลังเลที่จะฆ่าเธอ แต่เธอกลับสามารถฆ่าเขาได้ในพริบตา 

 

 

มู่เฉิงซีพูดถูก เขาเก็บเธอเอาไว้ใกล้ตัวไม่ได้ 

 

 

หลังจากที่อาบน้ำแล้วเดินออกมา หนานกงเยี่ยก็เห็นเหลิ่งรั่วปิงนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม 

 

 

“เหลิ่งรั่วปิง คุณทำแบบนี้หมายความว่าอะไร” หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้นอย่างมีเลศนัย 

 

 

“เมื่อคืนฉันนอนไม่อิ่ม ตอนนี้ฉันก็เลยง่วงมากๆ” เหลิ่งรั่วปิงพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ “ถ้าหากว่าคุณหนานกงไม่อยากนอนกับฉัน คุณไปนอนห้องอื่นก็ได้นะคะ” 

 

 

หนานกงเยี่ยไม่ได้พูดอะไร เขาเดินไปที่เตียงแล้วเลิกผ้าห่มขึ้น เธอมีเหตุผลที่จะรู้สึกเหนื่อย เพราะเขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน 

 

 

หลังจากที่หนานกงเยี่ยล้มตัวลงนอน เหลิ่งรั่วปิงก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ มือบางของเธอจับแผงอกของเขาเอาไว้ 

 

 

นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อคืน เหลิ่งรั่วปิงก็ดูกะตือรือร้นที่จะเข้าใกล้เขาขึ้นมา แต่หนานกงเยี่ยรู้ดีแก่ใจ สิ่งที่เธอทำนั้นไม่ได้ทำด้วยความจริงใจ เธอแค่อยากจะมีสิทธิ์ในการออกแบบแลนด์มาร์คของเมืองหลง ก่อนที่จะมีสิทธิ์ในการออกแบบ เธอไม่อยากมีปัญหากับเขา 

 

 

หนานกงเยี่ยหลับตาลงช้าๆ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกที่ไม่มีใครได้เห็น 

 

 

***** 

 

 

เพราะได้รับอนุญาตจากหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงจึงไปหาเวินอี๋ในวันหยุดสุดสัปดาห์ 

 

 

เวินอี๋และเวินจี๋ไห่อาศัยอยู่ในสลัม บ้านที่อยู่ในสลัมนั้นเก่าและทรุดโทรมมาก ถนนหนทางที่นั่นก็คับแคบ และยังมีกลิ่นท่อระบายน้ำลอยออกมา อีกทั้งยังมีเด็กสองสามคนแต่งตัวมอมแมมวิ่งไปมาเป็นครั้งคราว 

 

 

จากที่อยู่ที่เวินอี๋บอกกับเธอ เป็นทางที่คดเคี้ยวมาก แต่ในที่สุดเหลิ่งรั่วปิงก็หาบ้านเวินอี๋เจอจนได้ บ้านของเวินอี๋เป็นบ้านหลังเล็กๆ เป็นบ้านดินสามห้องนอนที่เก่าและทรุดโทรม 

 

 

ถึงแม้ว่าบ้านจะเก่า แต่เวินอี๋ก็ดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี เธอได้เอาแจกันดอกบ๊วยสดวางเอาไว้บนโต๊ะในห้องรับแขกอีกด้วย เวินอี๋ยังคงเป็นเด็กสาวที่รักความสะอาดและสดใสเหมือนเดิม 

 

 

เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิง เวินอี๋ดีใจมาก เธอเดินไปหาเหลิ่งรั่วปิงแล้วพาเธอไปนั่งที่ห้องรับแขก “คุณหนู คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเวินอี๋จะได้เจอคุณหนูอีก?” ขณะที่พูด น้ำตาของเวินอี๋ก็คลอเบ้า “เมื่อวานเวินอี๋บอกกับพ่อว่าเจอกับคุณหนู พ่อก็ดีใจมากเลยค่ะ” 

 

 

ขณะที่พูดอยู่นั้น ก็มีชายชราซูบผอมเดินออกมาจากห้อง มองดูแล้วร่างกายของเขาอ่อนแอมาก เดินได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดพัก ขาของเขาเองก็สั่นเทาเล็กน้อยด้วย แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเปล่งประกาย “คุณหนู คุณหนูจริงๆ หรอครับ” 

 

 

“ลุงเวิน!” เหลิ่งรั่วรู้สึกปวดใจ เธอเดินขึ้นหน้าแล้วกอดเวินจี๋ไห่เอาไว้ นึกถึงเรื่องในอดีต เวินจี๋ไห่เป็นพ่อบ้านของครอบครัวเธอ เป็นผู้ชายตัวสูงหน้าตาภูมิฐาน ร่างกายก็แข็งแรง มีความคิดที่เฉลียวฉลาด สิบปีที่ไม่ได้เจอกันเขากลับตกอยู่ในสภาพนี้ 

 

 

“ครับ อย่าร้องไห้เลยครับ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณหนูจะโตเป็นสาวขนาดนี้แล้ว เห็นคุณหนูเติบโตขึ้นมาอย่างสุขสบาย ผมเองก็ไม่ทำให้คุณท่านผิดหวังแล้ว” มือหนาของเวินจี๋ไห่ตบแผ่นหลังของเหลิ่งรั่วปิง นัยน์ตาของเขาฉายความสบายใจออกมา การได้เห็นเหลิ่งรั่วปิงเติบโตขึ้นมาเป็นผู้หญิงที่สวยสง่า โดดเด่นกว่าทุกคน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเห็นคุณผู้หญิง ซึ่งก็คือแม่ของเหลิ่งรั่วปิง