ตอนที่ 137 สามคำ ฉันรักคุณ / ตอนที่ 138 เหตุการณ์วุ่นวายที่คลินิกเป็นการสร้างสถานการณ์หรือเป็นเรื่องจริง?

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 137 สามคำ ฉันรักคุณ

 

 

ฟังจือหันนิ่งเงียบไปหลายวินาที ก่อนที่เสียงเงียบเหงาและเย็นเยียบจะดังขึ้น “ผมแค่บอกถึงความน่าจะเป็นให้คุณฟัง เห็นได้ชัดว่าการหายตัวไปของอาจารย์คุณนั้นไม่ปกติ”

 

 

ฟังจือหันเอ่ยเสียงเรียบ น้ำเสียงเดียวกันกับก่อนหน้านี้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่อวี๋กานกานสัมผัสได้ถึงความน้อยใจของเขาได้อย่างเลือนราง คนเขาอุตส่าห์ช่วยเธอวิเคราะห์ ไม่ว่าจะวิเคราะห์ออกมาได้รูปแบบไหน นั้นคือเขากำลังช่วยเธออยู่ ฟังจือหันปรารถนาดี แต่จู่ๆ เธอกลับเหวี่ยงใส่เขา…แบบนี้มันไม่เหมาะสม

 

 

อวี๋กานกานก้มหน้าลงต่ำ พูดด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษ เมื่อกี้ฉันอารมณ์ร้อนไปหน่อย”

 

 

ฟังจือหันไม่พูดอะไร เขาทำเพียงแค่หลุบสายตาลงต่ำ ร่างกายของอวี๋กานกานโน้มไปทางด้านหน้าเล็กน้อย “นายโกรธฉันเหรอ”

 

 

“น้ำซุปกระเด็นเข้าตาผมน่ะ” ในจังหวะที่เสียงของฟังจือหันดังขึ้น เขาเอื้อมมือขึ้นมาจะขยี้ตา

 

 

อวี๋กานกานรีบห้าม “นายอย่าใช้มือขยี้ แป๊บหนึ่ง…” อวี๋กานกานพูดพลางใช้กระดาษทิชชูชุบน้ำสะอาด “เร็วเข้า ใช้อันนี้เช็ดแป๊บเดียวหาย”

 

 

ฟังจือหันรับมาวางไว้บนดวงตา อวี๋กานกานคอยมองเขาอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา เมื่อเห็นเขาดึงกระดาษทิชชูออกก็รีบถามทันที “เป็นไงบ้าง”

 

 

ฟังจือหันกะพริบตา จ้องมองไปยังด้านหน้า ถามอวี๋กานกาน “ตัวอักษรด้านหน้าตรงนั้นมีกี่ตัว”

 

 

อวี๋กานกานมองไปยังทิศทางที่ฟังจือหันมอง เป็นป้ายไฟบนตึกขนาดใหญ่ “ประเทศจีนฉันรักคุณ นายมองเห็นไม่ชัดเหรอ”

 

 

“ตัวอะไรนะ”

 

 

“ประเทศจีนฉันรักคุณ”

 

 

“สามคำหลัง”

 

 

“ฉันรักคุณ”

 

 

ฟังจือหันส่งเสียง “อือ” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นมีความสุข

 

 

อวี๋กานกานชะงักไปครู่หนึ่ง มองฟังจือหันด้วยสายตางงงวย ผ่านไปแวบหนึ่งหน้าของเธอแดงแจ๋อย่างฉับพลัน “นายนี่มัน…” ร้ายกาจเกินไปแล้ว

 

 

เมื่อกี้นี้ฟังจือหันจงใจแทะโลมเธอแน่ๆ แต่เขากลับทำท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง ไม่มีแววของการหยอกล้อ ร้ายกาจ ทั้งร้ายกาจและเจ้าเล่ห์

 

 

อวี๋กานกานจัดเสื้อผ้าของตนเองให้เข้าที่เข้าทางนั่งอย่างเรียบร้อย จากนั้นถลึงตาใส่ฟังจือหัน พยายามทำเสียงดุอย่างสุดความสามารถ “มองอะไร กินก๋วยเตี๋ยวสิ ห้ามเหลือ”

 

 

ท่าทางแบบนี้ของเธอทำให้ฟังจือหันนึกถึงลูกแมวเหมียวอีกครั้ง เขาคีบเนื้อวัวที่อยู่ในชามของตัวเองให้อวี๋กานกาน “คุณกินเยอะๆ”

 

 

“อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทัน นายกินไม่ลงแล้วละสิถึงได้ยกให้ฉัน” อวี๋กานกานบ่นพึมพำ ก้มหน้าก้มตากิน หัวใจสั่นระรัว

 

 

เมื่อกลับถึงคอนโดมิเนียม อวี๋กานกานวิ่งเข้าไปในห้องนอนของตัวเองจากนั้นทิ้งตัวลงบนเตียง ฟังจือหัน…เป็นคนที่เข้าใจยากจริงๆ เธอรู้สึกว่าตอนที่ตัวเองต้องรับมือกับเขา ตนเองเปรียบเสมือนเป็นลูกแกะตัวน้อย ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจจะถูกจับลงหม้อเข้าให้จริงๆ

 

 

ทว่าเรื่องการหายตัวไปของอาจารย์และยังมีคดีฆาตกรรมคดีนั้นอีก สองเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกันจริงๆ ไหมนะ ตำรวจไม่ได้สืบสองคดีนี้ควบคู่กัน งั้นแสดงว่าสองคดีนี้ต้องไม่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน

 

 

อวี๋กานกานพลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่หลายตลบ กว่าจะหลับก็เลยเที่ยงคืนแล้ว วันที่สองเธอตื่นค่อนข้างสาย ฟังจือหันออกไปข้างนอกแล้ว แต่เขาทิ้งอาหารเช้าไว้ให้เธอซึ่งอุ่นอยู่ในหม้อ

 

 

โจ๊กอร่อยมาก นี่ฟังจือหันเป็นคนทำเหรอ ทำไมถึงรู้สึกว่าเขาทำได้อร่อยกว่าเธอทำเองอีก อวี๋กานกานรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็ออกเดินทางไปถนนหนานเจิ้นทันที

 

 

บนถนนผู้คนเดินกันอย่างขวักไขว่ รถค่อนข้างติด รถที่เธอนั่งมาติดอยู่ปากทางถนนใหญ่อยู่พักหนึ่งแล้ว การสัญจรก็ยังไม่โล่งโปร่งสักที อวี๋กานกานเห็นว่าคลินิกอยู่ไม่ไกลแล้วจึงลงจากรถเดินไปแทน

 

 

ในตอนที่กำลังจะถึงคลินิก ด้านหน้ามีน้ำเสียงเจื้อยแจ้วเรียกเธอ “กานกาน…” เป็นหลานสาวของคุณลุงร้านน้ำจับเลี้ยง

 

 

อวี๋กานกานยิ้ม “เสี่ยวหง มีอะไรเหรอ”

 

 

“มีเรื่องเกิดขึ้นที่คลินิกของพี่ค่ะ”

 

 

แววตาของอวี๋กานกานปรากฏความกังวล รีบวิ่งทันที เธอเห็นฝูงคนจากไกลๆ รวมตัวกันอยู่บริเวณหน้าทางเข้าคลินิก พวกเขาล้อมคลินิกไว้อย่างแน่นหนา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 138 เหตุการณ์วุ่นวายที่คลินิกเป็นการสร้างสถานการณ์หรือเป็นเรื่องจริง?

 

 

หน้าทางเข้าคลินิกถูกล้อมไปด้วยกลุ่มคนที่กำลังตะโกนโหวกเหวกโวยวายว่าเพื่อเงินแล้วคลินิกยอมงัดกลอุบายเลวๆ ทุกอย่างออกมาใช้ ไร้ซึ่งจรรยาบรรณ ไม่มีสามัญสำนึกของความเป็นคน เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา

 

 

ลุงหวังยืนอยู่หน้าประตูคลินิกกำลังพยายามพูดอธิบายให้พวกเขา “มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา คลินิกของเราเปิดมาช้านานรักษาคนไข้ทุกคนอย่างมุ่งมั่นตั้งใจและรับผิดชอบเสมอมา”

 

 

ชายวัยกลางคนสวมแจ็กเกตหนังคนหนึ่งตะโกนด่าลุงหวังอย่างเดือดดาล “มุ่งมั่นตั้งใจ รับผิดชอบกับผีนะสิ ถ้าพวกแกมีจรรยาบรรณจริงก็คงไม่จ่ายยาฆ่าคนไข้หรอก พี่เขยฉันก็คงต้องไม่มาตาย ครอบครัวเขามีคนแก่และลูกเล็กเด็กแดงต้องดูแล ตอนนี้ขาดเสาหลักไป แกจะให้พวกเขาอยู่กันได้อย่างไร…”

 

 

ผู้ชายคนนี้ทั้งน้ำเสียงและท่าทางดุร้ายเกรี้ยวกราด เมื่อด่าว่าจบเขาก็ง้างฝ่ามือขึ้นเหวี่ยงใส่ลุงหวังทันที

 

 

ไม่ง่ายเลยกับการที่อวี๋กานกานต้องฝ่าฝูงชนเข้ามา เมื่อเบียดหลุดออกมาได้แล้วเธอเห็นพวกเขากำลังจะลงไม้ลงมือจึงรีบพุ่งเข้าไปผลักชายวัยกลางคนออกทันที “พวกคุณทำอะไรกัน ทำไมต้องลงมือทำร้ายร่างกายคนอื่นด้วย”

 

 

หญิงวัยกลางคนที่เป็นหนึ่งในกลุ่มก่อเหตุความวุ่นวายในมือของเธอถือรูปถ่ายของผู้ตาย เมื่อเห็นอวี๋กานกานเธอก็ดิ้นเร่าทันที เธอเดินออกมายืนอยู่ตรงด้านหน้าสุด ชี้หน้าอวี๋กานกาน “แกนี่เอง ฉันจำแกได้ วันนั้นตอนที่จ่ายยาแกก็อยู่ด้วย พวกแกนั่นแหละที่เป็นฆ่าเสาหลักครอบครัวของพวกฉัน”

 

 

หลังจากที่อวี๋กานกานถามไถ่ลุงหวังว่าไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเสร็จแล้ว เธอถึงหันมามองหญิงวัยกลางคนที่กำลังพูดปาวๆ อยู่ นี่มันผู้หญิงเมื่อวันนั้นที่มาหาเหอหว่านซิน เรียกเหอหว่านซินว่าหมอเทวดาไม่ใช่เหรอ

 

 

คนในรูปถ่ายงานศพที่เธอถืออยู่นั้นคือสามีของเธอที่มีอาการปวดเอว

 

 

นี่มัน…

 

 

ยาที่เหอหว่านซินจ่ายให้ผสมมอร์ฟินซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ ใช้ในระยะยาวจะทำให้เกิดอาการเสพติด แต่นั่นก็ไม่มีฤทธิ์ถึงขั้นฆ่าคนตายได้ สามีของเขาเสียชีวิตได้อย่างไรกันแน่

 

 

ชายวัยกลางคนที่สวมแจ็กเกตหนังตวาดใส่อวี๋กานกานทันที “ที่แท้เป็นแกนี่เองที่ฆ่าพี่เขยฉัน คืนชีวิตพี่เขยฉันมา”

 

 

ชายหญิงหลายคนที่มาด้วยกันกับพวกเขาต่างพากันโห่ร้องตะโกนด่าอวี๋กานกานอย่างไม่ขาดสาย

 

 

“หมอเทวดาบ้าบออะไร คลินิกกระจอกๆ หมอกำมะลอฆ่าคนนะสิไม่ว่า”

 

 

“วันนี้ถ้าพวกแกไม่มีคำอธิบายดีๆ ให้พวกเรา พวกเราจะถล่มคลินิกของแกให้พังเป็นหน้ากอง!”

 

 

“ใช่ ถล่ม ถล่ม!” เส้นเลือดปูดโปน เสียงหักข้อมือดังกรอบแกรบ ถึงขนาดที่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งเข้ามาผลักอวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานถูกผลักจนเซถอยหลัง ยังดีที่คนข้างๆ ช่วงพยุงเธอไว้ “มีอะไรก็พูดคุยกันด้วยวาจาสิ ทำไมถึงต้องลงไม้ลงมือด้วย”

 

 

ผู้คนที่มามุงดูมีทั้งคนที่เดินผ่านไปผ่านมาและเหล่าบรรดาเพื่อนบ้านบริเวณรอบๆ พวกเขาทนไม่ไหวที่เห็นกลุ่มคนพวกนี้โมโหเดือดดาลพาลใส่อวี๋กานกาน ราวกับต้องการจะกินเธอเข้าไป พวกเขาจึงยื่นมือเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย

 

 

“ใช่ มีเรื่องอะไรก็พูด การที่พวกคุณกลุ่มใหญ่ตะโกนด่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนเดียวปาวๆ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีต่อตัวพวกคุณเลย จากที่มีเหตุผลจะกลายเป็นไร้เหตุผลไปเสียเปล่า”

 

 

“แก้ไขปัญหาด้วยสติ อย่าใช้กำลังแก้ไข”

 

 

“คลินิกแห่งนี้เปิดมานานหลายปี มีคนมากมายที่เคยรักษาที่นี่ ไม่เห็นเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในระหว่างกระบวนการรักษา พวกคุณเข้าใจอะไรผิดไปเองหรือเปล่า”

 

 

ชายวัยกลางคนโมโหฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างฉับพลัน คำรามใส่ผู้คนรอบๆ “นี่มันชีวิตคนเลยนะ พี่เขยฉันถูกพวกมันฆ่า พวกแกยังกล้าพูดให้แก้ไขปัญหาด้วยสติ แล้วยังหาว่าพวกฉันเข้าใจผิดอีก คนที่ตายไม่ใช่คนในครอบครัวของพวกแกนี่”

 

 

หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พลันร้องไห้โฮขึ้นมาทันที “ตาแก่ ทำไมถึงทิ้งฉันไปแบบนี้ ทำไมชีวิตฉันถึงได้โชคร้ายขนาดนี้ จากนี้ไปลูกของพวกเราจะอยู่อย่างไร ไอหยา ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ฉันอยากตาย…”

 

 

หญิงวัยกลางคนกอดรูปงานศพนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่บนพื้น เสียงร้องของเธอเรียกได้ว่าโศกเศร้าอาดูร เจ็บปวดสิ้นหวังจนหัวใจแทบแหลกสลาย