เล่มที่ 2 บทที่ 52 เขาถึงกับเป็นห่วงสุขภาพของเซี่ยยวี่หลัว

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เซี่ยยวี่หลัวให้เซียวจื่อเซวียนไปหุงข้าว หลังจากหุงข้าวสุกแล้ว จึงไปต้มผักจี้ช่ายใส่ไข่ ทั้งสามกินข้าวกับผักจี้ช่ายใส่ไข่เสร็จ เซี่ยยวี่หลัวจึงจุดไฟเขียนหนังสือต่อ

เมื่อเซียวจื่อเมิ่งเห็นพี่สะใภ้ใหญ่คัดตำราด้วยลายมือที่สวยกว่าตัวหนังสือในตำรา ก็อ้าปากค้างจนแทบจะกลืนไข่ไก่ได้หนึ่งฟอง “พี่สะใภ้ใหญ่ ตัวหนังสือของท่านสวยเหลือเกิน สวยกว่าตัวหนังสือในตำราเป็นร้อยเท่าเลย!”

พี่สะใภ้ใหญ่เขียนหนังสือไม่เป็นไม่ใช่หรือ?

ตัวหนังสือที่เขียนวันก่อน ไม่ต่างจากตนเองมากนัก เหตุใดผ่านไปแค่สองวัน ตัวหนังสือของพี่สะใภ้ใหญ่ถึงงามประณีตนัก

เซี่ยยวี่หลัวตวัดพู่กันเขียนได้อย่างคล่องแคล่ว แม้จะเขียนเร็ว แต่ตัวหนังสือที่เขียนออกมาก็เป็นระเบียบ ไม่มีทีท่าว่าจะเร่งเขียนเกินไป

 “รอให้พี่สะใภ้ใหญ่เขียนหนังสือพวกนี้เสร็จแล้ว จะสอนพวกเจ้าเขียนหนังสือด้วย!” เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้เงยหน้า อาศัยไฟสลัวจากตะเกียงน้ำมัน เขียนอย่างขยันขันแข็งต่อ

เซียวจื่อเมิ่งอาบน้ำแล้วขึ้นเตียง เซี่ยยวี่หลัวยังคงเขียนอยู่ “จื่อเมิ่ง เจ้านอนก่อน พี่สะใภ้ใหญ่เขียนพวกนี้เสร็จก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”

คืนนี้คัดได้สองเล่ม

เซียวจื่อเมิ่งช่วยอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย เดิมทีคิดอยากอยู่เป็นเพื่อนเซี่ยยวี่หลัว แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นเด็ก ฝืนครู่หนึ่งก็ทนความง่วงไม่ไหว ผล็อยหลับไป

เซียวจื่อเซวียนนำตะเกียงน้ำมันในห้องตัวเองมาวางไว้ด้วยกันจึงสว่างขึ้น เซี่ยยวี่หลัวมองจื่อเมิ่งที่ส่งเสียงกรนเบาๆ นวดแขนที่ปวดเมื่อยพร้อมกล่าวกับเซียวจื่อเซวียน “เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด นี่ยังเหลืออีกไม่กี่หน้า เขียนเสร็จก็จะนอนแล้ว”

เซียวจื่อเซวียนคิดไม่ถึงว่าเมื่อเซี่ยยวี่หลัวถึงคราวพยายาม จะอดหลับอดนอนเหมือนพี่ใหญ่ได้ขนาดนี้ “พี่เซียวยิงบอกว่าเรื่องนี้ไม่รีบ ท่านค่อยๆ เขียนก็ได้”

ค่อยๆ เขียน?

นางค่อยๆ เขียนได้ แต่คนผู้นั้นไม่เหลือเวลาแล้ว!

หากสอบระดับอำเภอเสร็จ ก็ต้องไปสอบระดับมณฑล หากรอให้ถึงเวลานั้นค่อยไปหาเขาก็ไม่ง่ายแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวขานตอบ “เข้าใจแล้ว”

แม้จะตอบรับอย่างดี แต่ก็ยังไม่หยุดมือ เซียวจื่อเซวียนก็ฝืนทนความง่วงไม่ไหว หาวทีหนึ่งก็เดินออกไปเงียบๆ

ตอนเขาตื่นขึ้นช่วงกลางดึก ต้องตกใจเมื่อพบว่าแสงไฟในห้องของเซี่ยยวี่หลัวยังสว่างอยู่ เขานึกว่านางหลับไปแล้ว แต่เมื่อไปถึงหน้าประตู มองผ่านร่องประตูเห็นเซี่ยยวี่หลัวยังนั่งตัวตรงมือจับพู่กันเขียนหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ

เดิมทีเซียวจื่อเซวียนคิดจะไปเตือนให้นางรีบพักผ่อน มือเอื้อมไปถึงประตูแล้วก็ชักมือกลับ

เมื่อครู่นางรับปากแล้วว่าจะรีบเข้านอน แต่นางก็ไม่ได้ทำตามที่พูด เหมือนกับว่า ต่อให้ตนเข้าไปเตือนให้รีบนอน นางจะรับปากอย่างดี แต่หลังจากเขาออกมา นางก็จะยังทำเหมือนเดิม

เซียวจื่อเซวียนไม่ค่อยเข้าใจสตรีเช่นนี้ เหตุใดยามมุ่งมั่นขึ้นมาถึงน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้

นอกจากนั้น ยังมีความคล้ายคลึงกับพี่ใหญ่อีก!

ด้านนอกเต็มไปด้วยดวงดารา ดึกมากแล้ว แต่ท่าทางของนางกลับเหมือนว่าไม่มีความง่วงแม้แต่น้อย ยังคงพยายามต่อ

เซี่ยยวี่หลัวไม่ง่วงจริงๆ

นางต้องรีบคัดตำราให้ได้จำนวนหนึ่ง อีกไม่กี่วันเซียวยวี่ก็จะออกจากตัวอำเภอแล้ว

ช่วงหลังเที่ยงคืน เซี่ยยวี่หลัวนอนไปสองชั่วยามกว่า พอฟ้าสาง นางก็ลุกขึ้น เมื่อเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งตื่น เซี่ยยวี่หลัวก็คัดเสร็จอีกครึ่งเล่ม

เซียวจื่อเซวียนมองตำราห้าเล่มที่คัดเสร็จด้วยอาการตกตะลึงจนอ้าปากค้าง “คืนเดียวท่านคัดได้มากถึงเพียงนี้เชียว?”

เซี่ยยวี่หลัวขยี้ตาและนวดแขนที่ปวดบวม “อืม เจ้าลองไปที่บ้านเซียวยิง ดูว่าแลกเป็นเงินกลับมาก่อนได้หรือไม่?”

เซียวจื่อเซวียนขานรับ หอบตำราที่เซี่ยยวี่หลัวคัดเสร็จอย่างระมัดระวัง นำไปมอบให้เซียวยิง

เวลานี้เซียวยิงกำลังกินอาหารเช้า ฟ่านซื่อไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่หน้าประตูคือเซียวจื่อเซวียน จึงรีบเชิญเขาเข้ามา

เซียวยิงเห็นเขาหอบตำราจำนวนหนึ่งเข้ามาอย่างระมัดระวัง นึกว่าเขาเจออุปสรรคบางอย่าง จึงกล่าว “มีตรงไหนไม่เข้าใจงั้นหรือ?”

เซียวจื่อเซวียนวางตำราลงบนโต๊ะอย่างเบามือ ก่อนกล่าว “ข้าคัดมาจำนวนหนึ่ง จึงนำมาให้ท่านดูก่อน”

ใช้เวลาช่วงบ่ายและหนึ่งคืน ก็คัดมาได้…

หนึ่งเล่ม สองเล่ม สามเล่ม… คัดมาได้ห้าเล่มแล้ว?

เซียวยิงทั้งตกใจทั้งกลัว “จื่อเซวียน เอาแต่คัดเร็วก็ไม่ได้ ตัวหนังสือที่เจ้าเขียนต้องสวยงามเป็นระเบียบ เหมือนตัวอย่างที่เจ้านำมาให้ดู หากมีตรงไหนเขียนไม่ดี ร้านหนังสือย่อมไม่รับซื้อ! และยังจะเก็บเงินค่ากระดาษที่เจ้าเขียนเสียไปด้วย!”

เขากล่าวพลางเปิดตำราเล่มหนึ่งเพื่อตรวจสอบ

เพียงแต่ เมื่อเห็นตัวหนังสือด้านในเขียนอย่างเรียบร้อย เรียงแถวเป็นระเบียบ ตัวอักษรแต่ละตัวมีขนาดเท่ากัน ไม่เหมือนเป็นการเขียนอย่างเร่งรีบแม้แต่น้อย เซียวยิงก็ผงะไป

เขาเปิดดูทีละหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ เหมือนกันทุกหน้า เมื่อลองเปิดดูเล่มที่สอง เล่มที่สาม… เล่มที่ห้า ตัวหนังสือทุกเล่มล้วนเป็นระเบียบ ไม่มีร่องรอยการเขียนอย่างเร่งรีบสักนิด

เมื่อเซียวยิงเห็นว่าแค่คืนเดียวก็คัดได้ห้าเล่ม และคัดอย่างประณีตดีกว่าที่เขาคัดมากนัก ก็ถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ชูนิ้วโป้งขึ้นเอ่ยชมไม่ขาดปาก “เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยมเลย คิดไม่ถึงว่าเซียวยวี่เก่งกาจ แม้แต่น้องชายของเขาก็เก่งกาจจนเหลือเชื่อ!”

ตัวหนังสือเป็นระเบียบ หมึกจากพู่กันเสมอกัน ตัวหนังสือดูแข็งแรงมีพลัง ลายมือแบบนี้เกรงว่าหากไม่ได้ฝึกสักยี่สิบสามสิบปีคงเขียนไม่ได้!

“เซียวยวี่สอนน้องได้ดีนัก!” เซียวยิงเอ่ยชมไม่หยุด วาจาเต็มไปด้วยความชื่นชม

เขาชื่นชมเซียวยวี่มาก

ไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือตัวหนังสือของเซียวยวี่ ก็ล้วนน่าชื่นชมยิ่ง

ทำให้เขาไม่นึกสงสัยแม้แต่น้อย ว่าเหตุใดเซียวจื่อเซวียนน้องชายของเซียวยวี่ที่มีอายุเพียงแปดขวบจึงเขียนหนังสือได้ดีถึงเพียงนี้

ตัวหนังสือรูปแบบกว่านเก๋อ ทั้งยังมีลักษณะคล้ายคลึงกับลายมือของเซียวยวี่

เซียวยิงไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย

เซียวจื่อเซวียนหน้าแดง เขาไม่ได้เป็นคนเขียนตัวหนังสือเหล่านี้ จึงเกาศีรษะด้วยท่าทางเก้อเขิน “พี่เซียว ข้าใช้ตำราเหล่านี้แลกเป็นเงินจำนวนหนึ่งก่อนได้หรือไม่?”

เซียวยิงรู้ว่าฐานะทางบ้านของเซียวยวี่จากจน จึงกล่าว “ได้แน่นอน เจ้าวางใจได้ ข้าจะนำเงินมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้! ตำราเล่มหนึ่ง เดิมทีข้าจะให้ค่าตอบแทนสามสิบห้าอิแปะ แต่ลายมือของเจ้าดีมาก เช่นนั้นตำราแต่ละเล่มข้าจะไม่เอากำไรแม้แต่อิแปะเดียว ให้เจ้าทั้งสี่สิบอิแปะ”

ได้เงินเพิ่มอีกห้าอิแปะ!

เซียวจื่อเซวียนไม่คิดเกรงใจ รีบกล่าวด้วยความตื้นตัน “ขอบคุณพี่เซียว!”

สำหรับเขาในตอนนี้ หนึ่งอิแปะก็เป็นเงินก้อนใหญ่

เซียวยิงมอบเงินให้เซียวจื่อเซวียน พร้อมเอ่ยเตือน “จื่อเซวียน ถึงแม้การหาเงินจะสำคัญ แต่เจ้าก็อย่าละเลยสุขภาพร่างกายของตัวเอง!”

เซียวจื่อเซวียนบอกว่าเข้าใจแล้ว ก่อนรับเงินและกลับบ้านไป

เมื่อกลับถึงบ้าน เซียวจื่อเซวียนบอกเรื่องที่ตำราหนึ่งเล่มได้เงินเพิ่มขึ้นอีกห้าอิแปะให้เซี่ยยวี่หลัวรู้ เซี่ยยวี่หลัวเพียงพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว

ตำราหนึ่งเล่มได้สี่สิบอิแปะ หาเงินได้สองร้อยอิแปะในคราเดียว เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตื่นเต้นมาก นางไม่พักผ่อนแม้แต่ครู่เดียว เพียงให้จื่อเซวียนไปทำอาหารเช้า อาหารเที่ยง และอาหารเย็นเอง

นอกจากลุกไปห้องน้ำ เวลาที่เหลือ นางนั่งคัดตำราอยู่ตรงนั้นตลอด คัดออกมาเล่มแล้วเล่มเล่า เซี่ยยวี่หลัวคัดจนตาลาย ปวดแขนจนแทบยกไม่ขึ้น

แต่นางก็ยังไม่หยุด

เมื่อถึงตอนค่ำ นางคัดเสร็จอีกเจ็ดถึงแปดเล่ม

เซียวจื่อเซวียนเห็นว่านางนั่งอยู่ท่าเดิมตลอดทั้งวัน เกรงว่านางจะเสียสุขภาพ จึงเกลี้ยกล่อม “ไม่ต้องคัดแล้ว พักก่อนเถอะ”

เซี่ยยวี่หลัวขยี้ตาที่ทั้งเมื่อยและบวม “ไม่เป็นอะไร ข้าคัดอีกสองวัน”

นางคาดว่าเวลาที่เซียวยวี่จะไปสอบระดับมณฑล น่าจะอยู่ในช่วงไม่กี่วันนี้

เซียวจื่อเซวียน “แต่ท่านทำแบบนี้ จะเสียสายตาและเสียสุขภาพ…”

เขาไม่คาดคิดเลย เซี่ยยวี่หลัวที่แต่ก่อนไม่ทำอะไร ทำอะไรเพียงเล็กน้อยก็บ่นว่าเหนื่อยว่าปวด เมื่อลงมือทำงานจะทุ่มสุดชีวิตถึงเพียงนี้

ตอนนี้เขาถึงกับเป็นห่วงสุขภาพของเซี่ยยวี่หลัวขึ้นมา