เล่มที่ 2 บทที่ 53 นางคัดตำราหาเงินแบบไม่คิดชีวิต

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

“เงินที่บ้านมีมากพอแล้ว ท่านอย่าทุ่มเทแบบนี้อีกเลย!” เซียวจื่อเซวียนกล่าว

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่าการพูดคุยก็เป็นการเสียเวลา นางโบกมือที่หนึ่ง “พาน้องสาวไปอาบน้ำ พานางไปนอนก่อน อีกเดี๋ยวข้าก็จะนอน!”

กล่าวจบ ก็ไม่สนใจเซียวจื่อเซวียนอีก ก้มหน้าคัดตำราต่อ

เซียวจื่อเมิ่งกัดริมฝีปากมองพี่สะใภ้ใหญ่ที่กำลังคัดตำราอย่างขะมักเขม้น ก่อนดูพี่รองที่อยู่ข้างๆ นางก็ไม่เข้าใจว่าพี่สะใภ้ใหญ่เป็นอะไรไป

เมื่อก่อนพี่ใหญ่ก็เป็นแบบนี้ เหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่จึงเป็นแบบนี้ไปด้วยเล่า!

คัดตำราต่อเกือบทั้งคืน ช่วงเช้ามืดจึงได้นอนเพียงหนึ่งถึงสองชั่วยาม คืนนี้เซี่ยยวี่หลัวคัดตำราได้อีกสามเล่ม รวมกับที่คัดเมื่อวานก็ได้ทั้งหมดสิบเล่ม

เซียวจื่อเซวียนมองตำราสิบเล่มในมือ ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

 “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านทำแบบนี้ต่อไป จะเสียสุขภาพ…” เซียวจื่อเซวียนร้อนรน รีบเรียกพี่สะใภ้ใหญ่

เซี่ยยวี่หลัวโบกมือ “ข้าไม่เป็นอะไร เจ้านำตำราสิบเล่มนั้นไปแลกเงินมา”

เซียวจื่อเซวียนแลกเงินกลับมาอีกสี่ร้อยอิแปะ

เมื่อเซียวยิงเห็นตำราที่ถูกคัดอย่างเป็นระเบียบและสะอาดเรียบร้อย ก็รู้สึกดีใจยิ่ง แต่ก็ยังกำชับเซียวจื่อเซวียนให้ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี

 “หาเงินได้ แต่ก็ต้องดูแลสุขภาพให้ดี อย่าฝืนจนเสียสุขภาพเล่า” เซียวยิงเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี

เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “ข้าทราบแล้ว พี่เซียว”

จากนั้นเซียวจื่อเซวียนจึงจากไป เซียวยิงมองส่งแผ่นหลังของเขา ได้แต่ส่ายหน้าพลางทอดถอนใจไม่หยุด “คนหนุ่มก็คือคนหนุ่ม อดหลับอดนอนมาสองคืน ยังกระปรี้กระเปร่าได้ถึงเพียงนี้”

ฟ่านซื่อที่อยู่ข้างๆ ไม่เห็นเซียวจื่อเซวียน จึงถามด้วยความสงสัยว่าใครมา เซียวยิงชี้ตำราที่คัดเสร็จพร้อมกล่าว “จะเป็นใครได้ ก็น้องชายของเซียวยวี่ เจ้าดูสิ เมื่อวานแค่วันเดียวก็คัดตำราได้ถึงสิบเล่ม ข้าคัดได้อย่างมากแค่วันละห้าเล่ม เขากลับคัดได้ถึงสิบเล่ม ช่างเก่งกาจเสียจริง!”

ฟ่านซื่อก็รู้สึกตกตะลึง “เขาเป็นแค่เด็ก จะทนได้อย่างไร?”

เซียวยิงได้ฟังก็ประหลาดใจ “นั่นสิ ข้าเป็นผู้ใหญ่ยังทนไม่ได้ เขาเป็นแค่เด็ก จะทนได้อย่างไร!”

จู่ๆ ฟ่านซื่อก็นึกถึงคนคนหนึ่ง

นางพลิกเปิดตำราหนึ่งเล่ม ก่อนวางลงอย่างรวดเร็ว ได้ยินมาว่าคนผู้นั้นไม่มีความรู้ ไม่รู้หนังสือ จะเขียนตัวหนังสือดีขนาดนี้ออกมาได้อย่างไร นางคิดผิดเป็นแน่

เซียวจื่อเซวียนนำเงินสี่ร้อยอิแปะกลับไป เมื่อรวมกับที่ได้รับมาเมื่อวาน มีทั้งหมดหกร้อยอิแปะ เซี่ยยวี่หลัวคิดจะคัดตำราอย่างขะมักเขม้นอีกหนึ่งคืน จึงอดนอนเกือบทั้งคืน คัดออกมาได้อีกสิบเล่ม

เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวอีกครั้งในช่วงเช้าวันที่สาม ขอบตาทั้งคู่ของเซี่ยยวี่หลัวเป็นสีเขียวคล้ำ ตัวนางดูเหนื่อยอ่อนยิ่งนัก

หากฝืนแบบนี้ต่อไป เกรงว่าแค่หาหมอก็ต้องใช้เงินไม่น้อยแล้ว

หาเงินได้หนึ่งตำลึง เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าตัวเองจะฝืนทำแบบนี้ต่อไม่ได้

หากทำแบบนี้ต่อไป เกรงว่าเงินที่หามาได้คงต้องมอบให้ท่านหมอหมด

นางให้เซียวจื่อเซวียนนำตำราที่เพิ่งคัดเสร็จไปแลกเป็นเงิน ก่อนเซียวจื่อเซวียนจะไป เซี่ยยวี่หลัวกล่าวกับเขา “เจ้าลองถามเซียวยิงดูว่าขอเบิกล่วงหน้าสักสองสามตำลึงได้หรือไม่?”

 “เบิกล่วงหน้า?” เซียวจื่อเซวียนไม่เข้าใจว่าเบิกล่วงหน้าหมายถึงอะไร

เซี่ยยวี่หลัวอธิบาย “ก็คือ ดูว่าสามารถให้เงินก่อนได้หรือไม่ ตำราที่คัดหลังจากนี้ข้าจะไม่รับเงิน รอให้คัดในส่วนที่เบิกล่วงหน้าหมดแล้ว ค่อยรับเงินต่อ!”

เซียวจื่อเซวียนจึงได้เข้าใจ “อ่อๆๆ ข้าจะลองถามดู”

เมื่อเซียวจื่อเซวียนหอบตำราอีกสิบเล่มมาถึงบ้านเซียวยิง เซียวยิงก็ถึงกับกลัว “เจ้าเป็นอะไรกันแน่? รักเงินไม่รักชีวิตหรืออย่างไร?”

เซียวจื่อเซวียนก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงพยายามขนาดนี้ หลังจากมอบตำรา จึงเอ่ยถามหน้าเจื่อน “พี่เซียว ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากรบกวนท่าน!”

 “เรื่องอะไรเจ้าบอกได้เลย ข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นสหายที่ดีต่อกัน น้องชายของเขาก็คือน้องชายของข้า เจ้าบอกได้เลย!” เซียวยิงรีบกล่าว

เซียวจื่อเซวียนกล่าว “พี่เซียว ท่านก็เห็นแล้วว่าตำราเหล่านี้ข้าคัดได้ไม่เลว ข้าจะขอเบิกเงินล่วงหน้าสักเล็กน้อยได้หรือไม่?”

 “เบิกล่วงหน้า?”

 “อืม ข้าอยากขอเบิกเงินล่วงหน้าเล็กน้อย หักเงินส่วนนี้จากตำราที่จะคัดหลังจากนี้ ท่านเห็นว่าอย่างไร?” เซียวจื่อเซวียนเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงต้องการเบิกล่วงหน้า

แต่เซี่ยยวี่หลัวท่าทางจริงจังมาก เซียวจื่อเซวียนก็ได้แต่ทำตาม

เซียวยิงถามด้วยความร้อนรน “ที่บ้านมีเรื่องเร่งด่วนอะไรใช่หรือไม่ ขาดเงินงั้นหรือ?”

พวกเขาขาดเงินมากจริง ทว่า ก่อนพี่ใหญ่จะไปก็ให้เงินไว้จำนวนหนึ่ง ใช้เงินอย่างประหยัด ก็พอใช้แล้ว

เพียงแต่ เซี่ยยวี่หลัวต้องการเบิกเงินล่วงหน้าไปทำอะไร เซียวจื่อเซวียนไม่เข้าใจ จึงได้แต่ก้มหน้าไม่กล่าวอะไร

เซียวยิงคิดว่าเขาเกรงใจจึงไม่กล้าพูด จึงให้ฟ่านซื่อนำเงินห้าตำลึงมา “ห้าตำลึงพอหรือไม่?”

ห้าตำลึง?

ตำราเล่มหนึ่งได้ค่าตอบแทนสี่สิบอิแปะ หนึ่งร้อยเล่มเพิ่งได้สี่ตำลึง หรือว่าเซี่ยยวี่หลัวต้องคัดตำราอีกหนึ่งร้อยกว่าเล่ม?

เช่นนั้นแขนนั่นก็ใช้การไม่ได้แล้ว

 “นี่… มากเกินไป!” เซียวจื่อเซวียนรีบกล่าว “ข้า… ข้าคัดตำรามากขนาดนั้นไม่ไหว!”

เซียวยิง “ถือเป็นเงินที่ข้าให้เจ้ายืม เจ้าคัดตำราได้เท่าไหร่ก็แค่นั้น หักจากในนี้ ส่วนที่หักไม่หมดก็ถือว่าข้าให้เจ้ายืม รอให้เจ้ามีเงิน ค่อยนำมาคืนให้ข้าก็ได้!”

เซียวจื่อเซวียนไม่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวอยากเบิกล่วงหน้าเท่าไหร่ แต่คิดดูเงินห้าตำลึงน่าจะพอแล้ว จึงรีบกล่าวขอบคุณ นำเงินจากการคัดตำราสี่ร้อยอิแปะ และเงินที่เบิกล่วงหน้าห้าตำลึง กลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว

เวลานี้เซี่ยยวี่หลัวกำลังพักผ่อน ได้ยินเซียวจื่อเซวียนกลับมาแล้ว นางรีบพลิกตัวลุกขึ้น “เบิกล่วงหน้าได้เท่าไหร่?”

 “ห้าตำลึง!” เซียวจื่อเซวียนวางเงินสี่ร้อยอิแปะและห้าตำลึงไว้บนโต๊ะ

เซี่ยยวี่หลัวรีบลงจากเตียง เปิดตู้ของนางที่ก่อนหน้านี้ปิดไว้อย่างมิดชิดต่อหน้าเซียวจื่อเซวียน เปิดลิ้นชักด้านในตู้ นำกล่องใบหนึ่งออกมา หลังจากเปิดออก สิ่งที่ใส่ไว้คือเงินห้าตำลึงที่เซียวยวี่มอบให้นางก่อนออกเดินทาง

เงินห้าตำลึงนั้น เซียวยวี่มอบให้นางเพื่อไม่ให้นางทารุณน้องชายและน้องสาวของตน

บวกกับเหรียญอิแปะจำนวนหนึ่งในตู้ของนาง ใช้ไปเล็กน้อย สุดท้ายเหลือเงินสี่ตำลึงเศษ กับเงินหนึ่งตำลึงที่ได้จากการคัดตำรามาสองวัน รวมกับเงินห้าตำลึงที่เบิกล่วงหน้า ตอนนี้มีเงินสิบตำลึงแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวมองเงินสิบตำลึงบนโต๊ะ แค่นี้ยังไม่พอ!

นางหันมองเซียวจื่อเซวียน “ก่อนพี่ชายเจ้าจะไปมอบเงินให้เจ้าไว้ห้าตำลึงใช่หรือไม่?”

เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “อืม!”

เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้แล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีก

 “ไม่ได้ใช้แม้แต่อิแปะเดียวงั้นหรือ?”

 “อืม ไม่ได้แตะต้องเลย”

 “ข้าหารือกับเจ้าหน่อย เจ้ามอบเงินห้าตำลึงนั่นให้ข้าได้หรือไม่?” เซี่ยยวี่หลัวถาม

นางกลัวว่าเซียวจื่อเซวียนจะไม่ให้ กำลังจะบอกว่าจะนำเงินนั่นไปทำอะไร แต่เซียวจื่อเซวียนกลับลุกขึ้นพร้อมกล่าว “ข้าจะไปนำมาให้ท่าน”

ไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเซี่ยยวี่หลัวจะนำเงินไปทำอะไร!

เซี่ยยวี่หลัวถึงกับตะลึงงัน เหตุใดเด็กคนนี้ถึงเปลี่ยนไปเร็วนัก เมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งสองคนยังทะเลาะกันอยู่เลย!

นางคาดไม่ถึงแน่ ว่าวาจาของนางที่เอ่ยจากใจเมื่อวานนี้ ทำให้เซียวจื่อเซวียนหวั่นไหว บางทีเขาอาจฟังไม่เข้าใจว่าวาจาของเซี่ยยวี่หลัวมีความหมายอย่างไร แต่เขาสัมผัสได้ถึงความหมายของประโยคที่เซี่ยยวี่หลัวบอกว่านางในอดีตไม่ใช่นางในปัจจุบัน

พี่สะใภ้ใหญ่เปลี่ยนไปแล้ว!