บทที่ 62 การเก็บเกี่ยวที่ดี

ราชาซากศพ

บทที่ 62 การเก็บเกี่ยวที่ดี

“กรอบแกรบ!” ขณะที่หลินเว่ยก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว สัตว์อสูรที่กลายเป็นโครงกระดูก ก็เผยให้เห็นร่างในดวงตาของหลินเว่ย บางตัวนั้นตายไปนานและถูกเม็ดทรายทับถม บางศพนั้นดูใหม่มาก ๆ และมีจำนวนมากเกินกว่าที่จะประเมินได้
ทันใดนั้นดวงตาของ หลินเว่ยก็กะพริบด้วยความประหลาดใจบนใบหน้าของเขา เขาย่อตัวลงและหยิบแกนคริสตัล​ขึ้นมา มันเป็นแกนคริสตัลขั้นสี่ที่เต็มไปด้วยพลังงาน เขาเตะโครงกระดูกโดยไม่ได้ตั้งใจและมันกลิ้งออกมา

“แค่แก่นคริสตัลขั้นสี่ก็ทำให้เจ้ามีความสุขราวกับคนโง่งม อยู่ห่าง ๆ ข้าหน่อย ข้าไม่อยากจะเสียสติไปพร้อมกับเจ้า” เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยถือแก่นคริสตัลอยู่ในมือ เสี่ยวไป๋ก็ทำท่าทางรังเกียจและกล่าวขึ้น

“นี่เจ้าทำเหมือนไม่เคยเห็นแก่นคริสตัล? ดวงตาของเจ้าช่างคล้ายคนเสียสติมากขึ้นมาทุกที
“แกรก!”เสี่ยวไป๋ อยากจะหัวเราะหลินเว่ยอีกครั้ง แต่เมื่อเขาเห็นหลินเว่ยเหยียบหัวกะโหลกของสัตว์อสูรตนหนึ่ง และหยิบแก่นคริสตัลที่หลุดออกมา จากนั้นเขาก็เบิกตากว้างทันที สูดลมหายใจเย็นเข้าปอด และกลืนน้ำลายหลาย ๆ คำ
เพราะเขาพบว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นแกนคริสตัลขั้นห้า

จนถึงขณะนี้ คิดว่ามีโครงกระดูกมากมายที่นี่ แม้ว่าจะมีเพียงหนึ่งในสิบของพวกมัน ที่มีแก่นคริสตัล แต่ระดับขั้นของแก่นคริสตัลนั้นไม่ธรรมดา และยังมีร่างสัตว์อสูรขั้นห้าอยู่ และอาจพบแก่นคริสตัลขั้นหกก็เป็นได้

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเสี่ยวไป๋ก็แสดงสีที่มีความสุข ดวงตาของเขาแสดงสีที่โลภมาก และร่างกายของเขาก็ขยับ พลางกระโดดไปที่โครงกระดูก
“หวือ!”
“หลินเว่ย เจ้ามันสารเลว! มนุษย์ไร้ยางอาย เจ้าคิดจะฮุบมันไว้คนเดียว ข้าจะทำให้เจ้าผิดหวัง มาต่อสู้กับข้า 300 รอบ”
จากนั้นร่างกายของเสี่ยวไป๋ก็วูบโหวงประหลาด ตัวของเสี่ยวไป๋แทบจะเขย่าจนสิ้นใจตาย ไม่คาดคิดเขาจะถูกจับโดยสัตว์ร้ายโครงกระดูก ตอนนี้เสี่ยวไป๋ถึงกับหัวใจจะวาย

“เฮ้….เฮ้
เมื่อมองไปที่เสี่ยวไป๋ ที่ถูกโครงกระดูกของแมวเงาดำกัดและห้อยหัวลงกลางอากาศ หลินเว่ยหัวเราะอย่างมีความสุข และเยาะเย้ยไม่คิดช่วยเหลือ

จากนั้นเขาเรียกโครงกระดูกทั้งหมดออกมาอีกครั้ง และเริ่มปฏิบัติการขุดสมบัติ หักกระดูกชิ้นหนึ่ง จากนั้นตรวจสอบแก่นคริสตัลภายในร่าง บรรดาโครงกระดูกของหลินเว่ยมีสัตว์อสูรวานรทั้งหมดแปดตัว ซึ่งมีประสิทธิภาพในการทำลายโครงกระดูก และหลินเว่ยนั้นรออยู่รอบ ๆ เพื่อนับแก่นคริสตัล

ดวงตาของเสี่ยวไป๋เป็นสีแดงและร้อนแรง แต่หัวใจของเขาเยียบเย็นลง เขาพยายามหลายวิธี แต่หลินเว่ยนั้นไม่ยอมอ่อนข้อให้และไม่สงสารแม้เพียงนิดเดียว
ในตอนค่ำโครงกระดูกของหลินเว่ยนั้นได้ขุดหลุมยักษ์ ขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 10,000 เมตร และตำแหน่งกลางคือสถานที่ที่ผู้คุมวิญญาณเติบโตมาก่อน
เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของของเหลวรวบรวมวิญญาณ หลังจากขุดลึกลงไปกว่าร้อยเมตร จากรากของดอกไม้คุมวิญญาณ หลินเว่ยก็พบของเหลวสีขาวคล้ายน้ำนมในรูปแบบของของเหลวที่กลายเป็นวุ้นแข็ง ๆ ซึ่งพันติดแน่นกับรากของดอกไม้
“นี่คือของเหลวรวบรวมวิญญาณหรือไม่ เหตุใดมีน้อยเกินไป!” เมื่อมองไปที่ลูกกลม ๆ เบื้องหน้าหลินเว่ย เขาถามอย่างสงสัย หลังจากที่เขาแกะมันออกมาเหลือเพียงขนาดกำปั้นของเขาเท่านั้น

“เจ้าไม่เชื่อหรือ…..นี่ไม่ใช่ของเหลวรวมวิญญาณธรรมดา ๆ ไม่เห็นหรือว่าพวกมันเกือบจะแข็งตัวไปแล้ว ด้วยจิตวิญญาณในปัจจุบันของเจ้าต้องค่อย ๆ ใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
เจือจางด้วยน้ำซึ่งจะเพียงพอสำหรับเจ้าที่จะฝึกฝนเป็นเวลานาน เสี่ยวไป๋มองดูอย่างรังเกียจ และจ้องมอง หลินเว่ยอย่างดุร้าย เขาโมโหมากที่ได้อดทนมองดูหลินเว่ย พรากแก่นคริสตัลไปจากเขา จิตใจของเขานั้นไร้ซึ่งความสุข

“เอาล่ะ เด็กน้อย ข้าจะไม่เถียงกับเจ้าเรื่องแก่นคริสตัล ข้าจะยกให้เจ้าทั้งหมด วางข้าลงไปเร็ว ๆ ” เสี่ยวไป๋รู้ดีว่าแก่นคริสตัลนั้นสิ้นหวังแล้ว เพราะหลินเว่ยได้เก็บพวกมันไปหมด ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นใจดี
“ฮึ! เจ้ายังไร้ยางอายถึงแก่นคริสตัลของข้าอีกหรือ?” หลินเว่ยหันมาและพูดอย่างโกรธ ๆ
“ข้า…” เสี่ยวไป๋เกือบจะหมดสติด้วยความโกรธจัด แก่นคริสตัลนี้เป็นของเจ้าหรือ เห็นอยู่ชัดเจนว่าเป็นของดอกไม้คุมวิญญาณ ไม่ใช่ความคิดของข้าหรือที่ให้เจ้าสังหารดอกไม้คุมวิญญาณตนนี้

“หึ ดูท่าเจ้าจะไม่อยากทำตามคำพูดของตนเอง ไม่ใช่ว่าจะยึดเอาของเหลวรวมวิญญาณไปหมดคนเดียวหรือ? เสี่ยวไป๋เห็นว่า หลินเว่ยไม่เต็มใจที่จะยอมเสียอะไรไปสักอย่างเดียว จึงพูดแทงใจดำหลินเว่ย
เมื่อหลินเว่ยได้ยิน เขาก็พึมพำกับตนเองว่าข้าทำแบบนั้นไม่ได้ มิอาจจะทำแบบนี้ได้

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ดูถูกข้าหรือ ? ฉันคือหลินเว่ยเป็นคนที่น่าวางใจที่สุด” หลินเว่ยมีรอยยิ้มผุดบนใบหน้าและพูดถ้อยคำที่ชอบธรรม
“จริงหรือ อย่างไรปล่อยข้าลงไปก่อน มาแบ่งของเหลวรวมวิญญาณและหาสถานที่ที่จะใช้มันกันเถอะ” ใบหน้าขาวเล็ก ๆ ที่มีสีหน้าของความสงสัย กล่าวอย่างมีพิรุธ
“คงจะต้องทำให้เจ้าผิดหวังแล้วเพราะเจ้าดูถูกข้า เพื่อเป็นการลงโทษ ข้าจะริบของเหลวที่รวบรวมวิญญาณของเจ้าหนึ่งส่วน” หลินเว่ยมองไปที่เสี่ยวไป๋ด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคดโกง

“ ……” เสี่ยวไป๋ รู้สึกว่าดวงตาของเขาเป็นสีดำ และร่างกายของเขาสั่น ๆ เขาโกรธ แต่เขาก็ยังไร้เดียงสาเกินไป ตนเองนั้นเกือบจะเชื่อว่า เข้าใจหลินเว่ยผิดไปแท้จริงแล้ว เขานั้นเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง
“มนุษย์ที่ไร้ยางอาย ความน่าเชื่อถือของเจ้ามันหายไปไหนหมด เจ้าไม่เคยพูดใช่หรือไม่ว่าจะมอบส่วนแบ่งให้ข้าสามส่วนเจ็ดส่วน?” เสี่ยวไป๋ใบหน้ามีสีเขียวด้วยความโมโห และจ้องไปที่หลินเว่ยอย่างดุเดือด
“ใช่ ข้าบอกว่าสามส่วนเจ็ดส่วน ! แต่ริบหนึ่งส่วนนั้นเป็นเพราะข้าลงโทษที่เจ้ามาดูถูกข้า” หลินเว่ยมองหน้าอย่างจริงจังและพูดอย่างเคร่งขรึม
“เจ้า…” เสี่ยวไป๋ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขากลัวว่าหลินเว่ยจะหาข้ออ้างอื่นและยึดอีกสองส่วนที่เหลือไป

ครั้งนี้หลินเว่ยไม่ได้พูดอะไรอีก เขาไม่เพียงแต่ปล่อยเสี่ยวไป๋ ทั้งยังมอบของเหลวรวมวิญญาณให้อีกสองส่วน อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นใบหน้าของหลินเว่ย เสี่ยวไป๋รีบแย่งชิงโดยเกรงว่าหลินเว่ยจะยึดมันคืนไป

“ทำไมล่ะ เจ้าซ่อนมันไว้ที่ใด? หลินเว่ยเมื่อเห็นของเหลวรวมวิญญาณหายไปจากมือของเสี่ยวไป๋ และถามด้วยความประหลาดใจ
“ฮึ!”เสี่ยวไป๋ตะคอกอย่างเย็นชาและหันศีรษะไปด้านหนึ่ง เขาไม่สนใจหลินเว่ย
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่มีความคิดที่จะบอกเขา ดังนั้นเขาจึงจับเสี่ยวไป๋ไว้ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็วิ่งออกจากหุบเขา หลังจากได้สิ่งต่าง ๆ มามากมายในครั้งนี้
เขาก็ต้องหาสถานที่ดูดซับมัน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มันเริ่มมืดค่ำ และหมอกที่นี่ก็หายไป หลินเว่ยเกรงว่าอาจจะมีคนมาตรวจสอบ
เมื่อเขาออกจากหุบเขา หลินเว่ยยังคงเดินไปข้างหน้าเป็นระยะทางหลายหลายสิบกิโลเมตร จากนั้นเขาก็เรียกโครงกระดูกหนูศิลามาสองสามตัว เพื่อขุดถ้ำเล็ก ๆ บนผนังภูเขา เขาอยู่เพียงไม่กี่วัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำอย่างประณีตมากนัก