ภายในห้องโดยสารของเฟอร์รารี่สีแดงเพลิง สวีเสียวหลานเม้มปากจิ้มลิ้มไว้ กำลังขับรถอย่างไม่สะทกสะท้าน
แต่ทว่า ร่างของนางสั่นเทิ้มเล็กน้อย ราวกับกำลังกลั้นขำ
เมื่ออันหลินเห็นฉากนี้ก็พูดอย่างเอือมระอาว่า “เจ้าอยากขำก็ขำเถอะ กลั้นไว้ทำไม”
“พรืดฮ่าๆ…”
สวีเสี่ยวหลานหัวเราะออกมาแล้วจริงๆ ไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่นิด “เมื่อครู่เจ้าอนุญาตให้ข้าขำแล้วนะ ห้ามโกรธนะ ฮ่าๆ…”
“มีอะไรน่าขำกัน” อันหลินเบะปากเล็กน้อย
สวีเสี่ยวหลานยกมือเรียวยาวขึ้นใช้แทนไมโครโฟน จ่ออยู่ข้างปากของอันหลินแล้วพูดขำๆ ว่า “งั้นข้าขอสัมภาษณ์ท่านอันผู้ถูกสวมเขาหน่อยว่า ตอนนั้นเจ้ารู้สึกอย่างไร”
“นี่ เกินไปแล้วนะ ท่านอันผู้ถูกสวมเขาอะไรกัน!”
อันหลินถลึงตาใส่สวีเสี่ยวหลาน “ข้ากับหลินอู่หัวเป็นแค่แฟนที่คบกันไม่กี่วัน เพราะข้าติดหนี้หลายล้าน เลิกกับข้าไปนานแล้ว ถูกสวมเขาหรือ มีที่ไหนกัน!”
“อะไรกัน เป็นแฟนกันแค่ไม่กี่วันงั้นหรือ นี่มันแฟนประสาอะไรกัน เจ้ายังมีหน้าแนะนำกับข้าว่าเป็นแฟนเก่าของเจ้า”
สวีเสี่ยวหลานพูดพลางส่ายหน้า
อันหลินได้ฟังก็เถียงหน้าดำหน้าแดงว่า “ข้าเคยจับมือนางด้วย จะไม่ใช่แฟนได้อย่างไร”
สวีเสี่ยวหลานขำพรืด “เจ้ากับข้าก็เคยจับมือเหมือนกัน เช่นนั้นต่อไปเจ้าก็ประกาศไปทั่วได้น่ะสิว่า เจ้าเป็นคนรักของข้า”
เมื่ออันหลินได้ยินแบบนี้ ก็จุกจนพูดไม่ออก
“พูดแบบนี้ คิดว่าเจ้าคงไม่แยแสกับเรื่องเมื่อครู่มากนักสินะ…ให้ตายเถอะ เสียดายที่ข้าอุตส่าห์พยายามเล่นละคร รักษาเกียรติของเจ้าขนาดนี้” สวีเสี่ยวหลานพูดอย่างผิดหวัง
เมื่ออันหลินได้ยินประโยคนี้จิตใจก็สงบลง พูดอย่างซึ้งใจว่า “ไม่ว่าอย่างไร เมื่อครู่นี้ก็ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”
สวีเสี่ยวหลานขานรับในลำคอ ไม่พูดอะไร
อันหลินสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็เบนความสนใจมองไปทางอื่น ทำให้เขาพบเรื่องที่น่าตะลึงมากอย่างหนึ่ง
“เสี่ยวหลาน…เจ้าไปฝึกขับรถตั้งแต่เมื่อไร!”
อันหลินเบิกตาโต มองโชเฟอร์หญิงข้างๆ คนนี้ด้วยความตะลึง
สวีเสี่ยวหลานยิ้มบางๆ “เมื่อครู่นี้นี่เอง”
เมื่อครู่นี้นี่เอง?
อันหลินกลืนน้ำลายเอื๊อก มองท่าทางคล่องแคล่วของผู้หญิงคนนี้ ก็อดมึนงงไม่ได้
นี่นางจะพิสูจน์ตัวเองแทนโชเฟอร์ผู้หญิงงั้นเหรอ…
พรสวรรค์ที่น่ากลัวปานนี้ เซียนขับรถกลับมาชาติมาเกิดหรือไง!
“เช่นนั้นรถคันนี้…” อันหลินชี้เฟอร์รารี่แล้วเอ่ยถาม
“อ้อ ข้าอยากฝึกขับรถ จึงขอรถจากเจิ้งหงยี่คันหนึ่ง จากนั้น เขาก็ให้รถข้ามา รูปลักษณ์ของรถคันนี้เท่มากทีเดียว…งามกว่ารถบนถนนพวกนั้นเยอะเลย ไม่พูดไม่ได้ว่าเจิ้งหงยี่มีรสนิยมจริงๆ!” สวีเสี่ยวหลานเอ่ยปากชมซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก
อันหลินพูดไม่ออก นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องรสนิยมแล้วที่รัก!
รถยนต์หลายสิบล้านกับรถไม่กี่แสนจะเหมือนกันได้อย่างไร!
แต่จะว่าไป เจิ้งหงยี่ช่างใจป้ำเสียจริง
ซูเปอร์คาร์ลิมิเต็ดเอดิชันแบบนี้ ยังวางใจให้คนที่ไม่เคยสัมผัสรถยนต์อย่างสวีเสี่ยวหลานขับ เขานับถือจริงๆ!
“ต่อไปเจ้าจะทำอะไร ข้าไปส่งเจ้าเอง!” สวีเสี่ยวหลานพูด
“อืม…ลำดับต่อไปศูนย์การค้านานาชาติแล้วกัน ข้าต้องไปซื้อชุดร่วมหลายร้อยชุดกับเครื่องประดับนับไม่ถ้วน” อันหลินตอบ
“หา เจ้าคงไม่ได้อยากเปิดร้านเสื้อผ้าเครื่องประดับหรอกนะ!” สวีเสี่ยวหลานได้ฟังก็มองอันหลินอย่างตกตะลึง
อันหลินยิ้ม จากนั้นก็เล่าเรื่องที่เขาช่วยหิ้วสินค้าให้พวกรุ่นพี่ทั้งหลายกับสวีเสี่ยวหลานจนหมดเปลือก
สวีเสี่ยวหลานได้ยินก็พยักหน้ารัวๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไม่คิดเลยว่า เจ้าจะมีหัวการค้ากับเขาด้วย”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว” อันหลินกระหยิ่มยิ้มย่อง จากนั้นพูดว่า “ตอนนี้เจ้าต้องการหินวิญญาณไหม ข้ามีหินวิญญาณสามหมื่นก้อน ตอนนี้เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ ให้เจ้าดีไหม”
อันหลินได้รับความเมตตาจากสวีเสี่ยวหลานไม่น้อย แต่กลับไม่มีโอกาสได้ตอบแทนนางเลย
ตอนนี้เขาอยากใช้โอกาสนี้ประพฤติตนให้ดี
“หินวิญญาณหรือ” สวีเสี่ยวหลานยักไหล่ “เจ้านั่นข้าไม่ขาดหรอก อีกอย่าง ไม่ง่ายเลยกว่าเจ้าจะเก็บหอมรอมริบได้ ข้าจะกล้ารับได้อย่างไร”
เมื่ออันหลินได้ฟังก็ผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ “แล้วเจ้ามีของที่อยากได้เป็นพิเศษไหม”
“ของที่อยากได้เป็นพิเศษงั้นหรือ…” สวีเสี่ยวหลานลูบคาง ใบหน้าแสดงอาการครุ่นคิด
อันหลินทำหน้าคาดหวัง รอคำตอบจากสวีเสี่ยวหลานเงียบๆ
แต่ที่น่าเสียดายคือ นางขบคิดอยู่เกือบสิบห้านาที ก็คิดอะไรไม่ออก…
ขณะที่อันหลินเริ่มทำหน้าสลดอีกครั้ง เสียงหวานเยิ้มก็ดังขึ้นภายในห้องโดยสาร
“นายท่าน เสี่ยวหงรู้ว่าพี่หลานหลานอยากได้อะไร!”
หัวมนๆ สีแดงสวยสด ยื่นออกมาจากกระเป๋าของอันหลินแล้วโพล่งขึ้นมา
เพราะเสี่ยวหงได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังปราณของอันหลิน และหลุดพ้นจากพันธนาการของรากแล้ว เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มีความสามารถในการเคลื่อนไหวแล้ว
“เอ๊ะ รีบว่ามา!” อันหลินได้ยินก็ตาลุกวาว
ขณะนั้นเอง สวีเสี่ยวหลานก็ชำเลืองมองเสี่ยวหง สงสัยกับคำตอบของเสี่ยวหง
เสี่ยวหงสั่นหัวดิกๆ “สตรีเป็นดั่งบุปผาบุปผาเป็นดุจฝัน มอบดอกไม้ให้ผู้หญิง เป็นเรื่องที่สวยงามยิ่งนัก จะทำให้พวกนางเกิดความรู้สึกชอบจากก้นบึ้งของหัวใจ!”
หนังตาอันหลินกระตุก “ความหมายของเจ้าคือ…”
เสี่ยวหงพูดอย่างตื่นเต้นว่า “นายท่าน ท่านมอบข้าให้พี่หลานหลานเถอะ! เพื่อท่านแล้ว ข้ายอมแลกด้วยร่างกายของข้าโดยไม่เสียใจเลย!”
เมื่ออันหลินได้ฟังใบหน้าก็กระตุก ส่วนสวีเสี่ยวหลานกลับทนไม่ไหวระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“คำพูดย่ำแย่นี่มันอะไรกัน อยู่กับข้ามันลำบากเจ้าขนาดนั้นเลยหรือ!” อันหลินบีบหัวของเสี่ยวหงพร้อมกับพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“โอ๊ย!” เสี่ยวหงถูกบีบจนรู้สึกเจ็บ จึงรีบขอโทษเป็นพัลวัน “ไม่ใช่นะ! เสี่ยวหงก็ไม่ได้อยากไปจากนายท่าน เสี่ยวหงเพียงอยากช่วยนายท่านแบ่งเบาภาระ โอ๊ย…”
อันหลินฮึดฮัดในลำคอ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับมัน ยัดภูตพฤกษาน่ารำคาญตัวนี้ลงกระเป๋าไป
สวีเสี่ยวหลานป้องปากขำ ผ่านไปครู่หนึ่งก็พูดว่า “ถึงแล้ว”
ณ ศูนย์การค้านานาชาติ เฟอร์รารี่สุดเท่คันหนึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถ ดึงดูดสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน
จากนั้น ฉากที่ชายหญิงหน้าตาดีลงจากรถ ยิ่งทำให้ทุกคนตกใจจนอ้าปากค้าง
เห็นสองคนที่รูปร่างหน้าตาโดดเด่น ถือถุงใบใหญ่ รีบรุดเข้าไปในศูนย์การค้า…
สถานีช้อปปิ้งแรกของพวกเขาคือร้านอัญมณี!
เมื่อเหล่าพนักงานขายของร้านอัญมณี เห็นทั้งคู่ลากถุงใบใหญ่เข้าร้าน ต่างก็ตกใจ
ขณะที่กำลังขายอัญมณี พบว่ามีคนลากถุงกระสอบกระวีกระวาดเข้ามา คุณจะนึกถึงอะไรเป็นอย่างแรก
แน่นอนว่าคือการปล้น!
โดยเฉพาะผู้ชายที่เดินนำหน้าคนนั้น ชี้อัญมณีในตู้สินค้าแล้วพูดเสียงดังว่า “เอาของพวกนี้…ออกมาให้หมด!”
แค่ประโยคนี้ ก็ทำเอาพนักงานหญิงหลายคนตกใจตัวสั่นระริก มีบางคนถึงขั้นเคลื่อนมือไปที่สัญญาณแจ้งเตือนแล้ว…
แต่ทว่าขณะนั้นเอง ชายคนนั้นกลับล้วงบัตรใบหนึ่งออกมาอย่างผ่าเผย โยนใส่เคาน์เตอร์ “พวกคุณนิ่งอยู่ทำไม! รีบเอาอัญมณีออกมาให้ผม! ผมยุ่งมากนะ!”
พนักงานหญิงคนหนึ่งเห็นดังนั้น ก็หยุดการกระทำที่จะกดสัญญาณแจ้งเตือน ถามอย่างลังเลว่า “คุณผู้ชาย…คุณจะรูดบัตรเหรอคะ”
“เหลวไหล! ถ้าผมไม่รูดบัตร จะให้ปล้นหรือไง” ชายคนนั้นกลอกตาใส่เธอ
ในใจของพนักงานหญิงคนนั้นคิดในใจว่า คุณผู้ชาย เมื่อกี้ฉันคิดว่าคุณจะปล้นจริงๆ ซะอีก!
เมื่อพนักงานคนนั้นได้ฟังก็โล่งอก ใจเย็นลงบ้างแล้ว
“แล้วคุณผู้ชายลากถุงกระสอบมา ตั้งใจจะทำอะไรคะ” พนักงานขายอีกคนถามอย่างสงสัย
“แน่นอนว่าใส่ให้เต็มถุงใบนี้” ชายคนนั้นตอบอย่างไม่ยี่หระ
“ใส่…ใส่ให้เต็ม?” ทุกคนจ้องชายคนนั้นอย่างตะลึงพรึงเพริด
คุณเคยเห็นคนลากถุงกระสอบมาซื้ออัญมณีไหม
นี่มันอัญมณีนะ! ไม่ใช่ข้าวสาร!
ไม่ง่ายเลยกว่าพนักงานขายจะสงบสติอารมณ์ได้ บัดนี้เริ่มตกใจขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นอย่างที่คิด…พวกเราแจ้งความกันเถอะ!
ชายคนนั้นนึกอะไรขึ้นมาได้ “อ้อไม่สิ ไม่ใช่ใส่ให้เต็มถุงใบนี้”
เมื่อพนักงานได้ยินประโยคนี้ก็โล่งใจ
ที่แท้คุณผู้ชายคนนี้ก็ล้อเล่นเองเหรอ
“เพราะยังมีถุงกระสอบอีกใบ…อาจจะต้องใส่ให้เต็มสองกระสอบ!”
ชายคนนั้นชี้ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลัง
เห็นผู้หญิงคนนั้นถือถุงกระสอบหน้าระรื่น ท่าทางอยากรู้อยากเห็น…
พนักงานขาย “…”
ด้วยประการนี้ พนักงานร้านอัญมณีถูกอันหลินกับสวีเสี่ยวหลานปั่นหัวจนหัวหมุน… ……………………………………….