ตอนที่ 694 การแก้แค้นของถังหนิง

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“คุณพยายามจะพูดอะไรคะ” ซ่งซินไม่เข้าใจเท่าใดนัก

 

 

“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ยินดีที่ผมสามารถช่วยเหลือคุณได้ ผมสามารถจำกัดการขายตั๋วของภาพยนตร์เรื่องใหม่ของถังหนิงได้ครับ” เซียวอวี่เหอยิ้ม “ถ้าเป็นภาพยนตร์ของถังหนิง ไคหวงก็จะไม่ฉายและช่วยให้คุณได้รับการแก้แค้น ว่ายังไงล่ะครับ”

 

 

“มันจะได้ผลเหรอคะ คนอื่นๆ ในไคหวงจะไม่พูดอะไรเลยเหรอ” ซ่งซินเอ่ยถามด้วยความข้องใจ

 

 

“ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสอง ผมสามารถทำการตัดสินใจเล็กๆ พวกนี้ได้ครับ มารอดูถังหนิงถูกทำให้กลายเป็นตัวตลกกันดีกว่า” เซียวอวี่เหอกล่าวในขณะที่ถือถ้วยกาแฟเอาไว้พร้อมกับส่งสายตาอันล้ำลึกและลึกลับ นี่คือวิธีการเอาใจซ่งซินของเขา โม่ถิงนั้นมีความสามารถ แต่เสียงของเขานั้นไร้น้ำหนักกับการตัดสินใจภายในของบริษัทอื่นๆ

 

 

หลังจากได้ยินข้อเสนอของเซียวอวี่เหอ ซ่งซินก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและผ่อนคลายหน้าผากตึงๆ ของเธอได้ในที่สุด

 

 

ทว่าระหว่างเปิดตัวภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องก่อนของถังหนิง มีปัญหาอะไรบ้างล่ะที่เธอไม่สามารถเอาชนะได้

 

 

 

 

คืนนั้น แสงไฟในไห่รุ่ยยังคงสว่างสุกใส

 

 

ต้วนจิ่งหงกลับมาที่ไห่รุ่ยเพราะถูกฟังอวี้เรียกพบ อย่างไรก็ตาม ขณะที่ก้าวเข้าไปในห้องของซ่งซิน เธอก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินไปมาอยู่ด้านนอก ต้วนจิ่งหงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงเปิดประตูและมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น “หล่อนมาจากแผนกไหนน่ะ อย่าเดินกลับไปกลับมาอยู่ตรงนี้จะได้ไหม”

 

 

ผู้หญิงคนนั้นอายุประมาณยี่สิบปี ทันทีที่เธอเห็นต้วนจิ่งหง เธอก็เริ่มมาท่าทีลังเล

 

 

“พูดอะไรสักอย่างสิ…”

 

 

ผู้หญิงคนนั้นสูดหายใจเข้าลึกราวกับว่าต้องการความมุ่งมั่นอันแรงกล้าก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเธอแล้วยื่นมันให้ต้วนจิ่งหง

 

 

“นี่มันหมายความว่ายังไง” ต้วนจิ่งหงเอ่ยถามอย่างช่วยไม่ได้

 

 

“ดูแล้วคุณจะเข้าใจเองค่ะ คุณสามารถเก็บมันไว้ได้ถ้าคุณให้เงินฉัน ส่วนที่เหลืออยู่ในห้องทำงานของท่านประธานโม่ค่ะ”

 

 

ต้วนจิ่งหงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ยังหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้กับผู้หญิงคนนั้น ทว่าต้วนจิ่งหงรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้คลี่ออกมาดู มันคือชิ้นส่วนหนึ่งของรายงานการประเมินผลที่เกี่ยวข้องกับถังหนิงและซ่งซินซึ่งถูกเขียนขึ้นมาโดยคณะผู้บริหารระดับสูงของไห่รุ่ย แต่กระดาษแผ่นนั้นเป็นเพียงแค่ชิ้นส่วนเล็กๆ อันที่จริงมันดูเหมือนเป็นแค่ฉบับร่างเท่านั้น ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนทำความสะอาดที่หยิบมันมาจากถังขยะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงพูดว่าชิ้นส่วนที่เหลืออยู่ในห้องทำงานของประธานบริษัท

 

 

ต้วนจิ่งหงอยากรู้ว่าคณะผู้บริหารคิดอย่างไรกับซ่งซินและแผนในอนาคตที่พวกเขาวางไว้ให้เธอ แต่เธอจะไปอ่านรายงานตัวเต็มได้อย่างไรล่ะ

 

 

เธอต้องหาทางเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธาน…

 

 

วิธีที่ดีที่สุดที่เธอคิดได้คือตามหาคนทำความสะอาดคนนั้น

 

 

เป็นผลให้ต้วนจิ่งหงคอยตามหาคนทำความสะอาดคนนั้นและหาทางติดต่อกับเธอหลังจากที่ผ่านความยากลำบากมามากมาย หญิงสาวรีบอธิบายเจตนาของเธออย่างรวดเร็วว่าเธอต้องการการ์ดผ่านประตูของผู้หญิงคนนั้น

 

 

คนทำความสะอาดเพียงแค่อยากได้เงินจำนวนเล็กน้อยและไม่ต้องการทำอะไรสุ่มเสี่ยง ดังนั้นเธอจึงพักอยู่ในห้องพักพนักงานและเพิกเฉยต่อคำขอนั้น ทว่าต้วนจิ่งหงใช้โอกาสนี้ขโมยการ์ดผ่านประตูของคนทำความสะอาดมาแล้วยัดมันใส่กระเป๋าถือของเธอราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

คืนนั้นขณะที่ต้วนจิ่งหงกำลังจะมุ่งหน้ากลับไปที่บริษัท ซ่งซินก็หยุดเธอเอาไว้ “ดึกดื่นป่านนี้จะไปไหนของเธอ พักหลังมานี้เธอทำตัวลับๆ ล่อๆ จังนะ”

 

 

“ไปนอนก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะกลับมาก่อนเที่ยงคืน อย่าถามอะไรมากเลย” ต้วนจิ่งหงพูดปัด

 

 

ซ่งซินถอนหายใจ ว่ากันตามตรงแล้ว เธอไม่เคยขอให้ต้วนจิ่งหงมาใจใส่เธอมากมาย เพราะถึงอย่างไรต้วนจิ่งหงก็มีพื้นที่และเวลาเป็นของตัวเอง ดังนั้นซ่งซินจึงไม่ยืนกรานที่จะเอาคำตอบพลางโบกมือให้ต้วนจิ่งหงเพื่อเป็นการบอกให้หญิงสาวออกไปได้

 

 

แต่ซ่งซินคงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่ต้วนจิ่งหงออกไปคราวนี้ การที่เธอจะได้กลับมานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย…

 

 

 

 

ต้วนจิ่งหงนั้นระมัดระวัง เมื่อก่อนเธอเคยทำเรื่องพวกนี้ให้ซ่งซินมานักต่อนักแล้ว เธอคล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างยิ่งในขณะที่ก้าวเข้าไปในห้องทำงานของโม่ถิงโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

 

 

หลังจากนั้น หญิงสาวก็ก้าวเข้าไปที่โต๊ะทำงานของโม่ถิงและเปิดลิ้นชักออกด้วยความระมัดระวัง แต่เธอไม่รู้เลยว่าลิ้นชักของโม่ถิงนั้นมีสัญญาณเตือนภัยติดตั้งอยู่ เหงื่อกาฬท่วมตัวหญิงสาวทันทีที่เธอได้ยินเสียงสัญญาณ ขณะที่เธอกำลังโดดผึงขึ้นเพื่อหลบหนี สิ่งมีชีวิตร่างยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของต้วนจิ่งหงก่อนจะกัดเข้าที่ขาของหญิงสาวแล้วลากเธอไปกับพื้นอีกสองสามเมตร

 

 

“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย!”

 

 

ครู่ต่อมา ครูฝึกสุนัขก็ตื่นขึ้นและรีบวิ่งออกมาจากห้องของเขาทันที เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ชายหนุ่มก็รีบสั่งให้สุนัขตัวนั้นปล่อย ทว่าในตอนนั้นขาของต้วนจิ่งหงก็ได้อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่และกลายเป็นกองเลือดและเนื้อไปแล้ว

 

 

ครูฝึกสุนัขโทรหารถพยาบาลทันทีและทั่วทั้งไห่รุ่ยก็ได้รับการแจ้งเตือนเรื่องนี้

 

 

ต้วนจิ่งหงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หลังจากการตรวจอย่างละเอียดแล้ว แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บของเธอนั้นไม่เบาเลย โชคดีที่สุนัขตัวนั้นฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโรคครบทุกชนิดซึ่งรวมถึงพิษสุนัขบ้าด้วย ไม่อย่างนั้นต้วนจิ่งหงคงจะไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้

 

 

“ฉันต้องการโทรหาตำรวจ! ฉันต้องการตำรวจ!”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ครูฝึกสุนัขก็มองเธออย่างซื่อๆ เธอโทรหาตำรวจให้ต้วนจิ่งหงเหมือนกับการทำดีอย่างหนึ่ง

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกส่งตัวไปที่นั่นภายในสิบนาที หลังจากที่เดินทางมาถึงโรงพยาบาล พวกเขาก็เริ่มสอบสวนต้วนจิ่งหง “คุณแน่ใจเหรอครับว่าประธานบริษัทของคุณจงใจส่งสุนัขตัวนั้นมาทำร้ายคุณ”

 

 

ดวงตาต้วนจิ่งหงแดงก่ำและพร้อมที่จะหลั่งน้ำตา ทว่าครูฝึกสุนัขกล่าวขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า “คุณตำรวจคะ ฉันคือคนที่โทรหาคุณเองค่ะ เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้หญิงคนนี้เล่าเลย ฉันยืนยันได้ค่ะว่าเธอแอบเข้ามาในห้องทำงานของท่านประธานเพื่อขโมยบางอย่าง แต่เธอไม่รู้ว่ามีระบบเตือนภัยติดตั้งอยู่ที่โต๊ะท่านประธาน สุนัขตัวนี้ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี เมื่อมันรู้ว่ามีโจรเข้ามา มันจะตอบสนองตามธรรมชาติค่ะ

 

 

“ฉันสามารถช่วยเธอเรื่องยื่นขอเงินชดเชยได้ แต่ฉันกับสุนัขของฉันจะต้องไม่ถูกตำหนิว่าจงใจทำร้ายคนอื่นค่ะ

 

 

“เธอคือคนที่ก้าวเข้ามาในที่อันตรายเอง อย่าบอกนะคะว่าคนอื่นต้องรับผิดชอบด้วย”

 

 

หลังจากได้ยินเช่นนี้ ตำรวจก็ชี้ไปที่ต้วนจิ่งหงแล้วเอ่ยถามครูฝึกสุนัขว่า “คุณมีหลักฐานไหมครับ”

 

 

“คุณตำรวจคะ ท่านประธานของเรามีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ในห้องทำงานของเขานะคะ เชิญคุณตำรวจเข้ามาดูภาพวงจรปิดได้เลยค่ะ” ครูฝึกสุนัขตอบ

 

 

ต้วนจิ่งหงนั้นได้รับบาดเจ็บและมีความผิด ดังนั้นหลังจากที่ตำรวจกลับไป เธอจึงหันหลังให้ครูฝึกสุนัขและแสร้งทำเป็นพักผ่อน

 

 

“หึๆ น่าสมเพชซะจริง…”

 

 

ต้วนจิ่งหงไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะถูกสุนัขกัดอย่างรวดเร็วเช่นนี้ อันที่จริง อาการบาดเจ็บของเธอนั้นร้ายแรงกว่าอาการบาดเจ็บของฮั่วจิงจิงเสียอีก ก็สุนัขบูลด็อกจะมาเทียบเคียงกับสุนัขพิตบลูได้อย่างไรล่ะ

 

 

ขณะที่ต้วนจิ่งหงนึกถึงสุนัขที่ดุร้ายตัวนั้น เธอก็อยากจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ แทบแย่

 

 

ทีนี้เธอจะทำอย่างไรล่ะ เธอถามคนทำความสะอาดคนนั้นมาอย่างชัดเจนแล้วว่าที่ห้องทำงานของโม่ถิงมีกล้องวงจรปิดหรือไม่และเธอก็แน่ใจว่าไม่มี…

 

 

แต่ถ้าเกิดมันมีขึ้นมาจริงๆ ล่ะ

 

 

เธอจะทำอย่างไร

 

 

แล้วไหนจะขาของเธออีก

 

 

ต้วนจิ่งหงนอนน้ำตาไหลอาบแก้มอยู่บนเตียงพักฟื้น เธอไม่กล้าติดต่อซ่งซิน ทว่าขณะที่นอนอยู่ตรงนั้น หญิงสาวก็พลันนึกถึงบางอย่างที่น่ากลัวขึ้นมา

 

 

หรือนี่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้แค้นของถังหนิง