บทที่ 64 ยืมบันได

ถ้าเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวีรู้ว่าจางซิ่วเออเห็นเขาเป็นไอ้โง่ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเช่นไร

สายตาจางชุนเถาผิดหวังเล็กน้อย นึกว่าจะหาตำลึงได้เยอะ ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่พริบตาเดียวสายตาจางชุนเถาก็แน่วแน่ขึ้น

นางมั่นใจว่าขอแค่ตัวเองเชื่อฟังพี่ใหญ่ จะต้องมีชีวิตที่ดีในอนาคตได้แน่

นี่เพิ่งจะย้ายออกมาได้เพียงชั่วเวลาหนึ่งนางก็มีเนื้อกินทุกมื้อแล้ว ทั้งไม่ต้องนอนดึกตื่นเช้า แถมมีเสื้อผ้าใหม่ให้ใส่ แล้วยังจะปิ่นเงินเลอค่าที่ไม่มีสตรีผู้ใดในหมู่บ้านมีอีกต่างหาก

สถานการณ์หลังจากนี้ต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน

นางต้องรีบรักษาอาการบาดเจ็บตัวเองให้หายดี หลังจากนี้จะได้ช่วยพี่ใหญ่ทำงาน

หลังจากที่จางซิ่วเอ๋อจัดแจงของทุกอย่างเสร็จ นางก็หันไปมองหน้าต่างกับหลังคาที่พังอยู่ด้วยความกลัดกลุ้ม ตอนนี้จะหาใครมาซ่อมคงเป็นไปไม่ได้แล้ว

หนึ่งคือไม่มีใครอยากมา สอง ต่อให้มีคนอยากมา ถึงตอนนั้นมีคนมาที่บ้านแล้วบอกคนอื่น ๆ ว่าที่นี่ไม่มีผี แม่เฒ่าจางได้เข้ามาดูดเลือดเหมือนปลิงแน่

จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจ คิดอยู่ว่าจะไปหายืมบันไดแล้วปีนขึ้นหลังคาไปซ่อมเอง ส่วนหน้าต่าง…..นางรู้สึกลำบากใจสุด ๆ

เพราะในส่วนหลังคานางยังนำของไปตั้งทับได้ ถึงจะไม่น่ามองนัก แต่ไม่มีใครคอยมองหลังคานี่นา แค่ฝนไม่รั่วก็พอแล้ว

ส่วนหน้าต่างนี้…..

จางซิ่วเอ๋อได้แต่ครุ่นคิดหนัก

ด้วยความอับจนปัญญา จางซิ่วเอ๋อจึงคิดออกเพียงตอกท่อนไม้ที่รอบ ๆ หน้าต่าง ถ้ารู้สึกว่าฝนจะตก ก็แค่แขวนผ้าบังไว้ ซึ่งโดยปกติจะไม่ปิดผ้าไว้

ไม่อย่างนั้นภายในห้องได้มืดตึ๊ดตื๋อแน่ หากแสงแดดส่องไม่ถึงจะทำให้ห้องอับชื้นเกินไป นอนไม่สบายแน่นอน

แต่จะไปยืมบันไดจากบ้านไหนกันล่ะ? คิดไปคิดมา จางซิ่วเอ๋อจึงตัดสินใจว่าจะไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านซ่งก่อน

นางกลัวว่าบ้านอื่นจะไม่ให้ตนเองยืม แต่หากเป็นผู้ใหญ่บ้านซ่ง ขอแค่ตัวเองให้ผลประโยชน์มากพอ อย่าว่าแต่ยืมเลย ต่อให้ยกให้นางเลยก็ย่อมได้

คิดได้แบบนี้จางซิ่วเอ๋อก็เลือกหยิบดอกไม้ผ้าสองดอก ดอกหนึ่งสีฟ้าอ่อน ดอกหนึ่งสีม่วงเข้มไปด้วย

ดอกไม้ผ้าสองดอกนี้เอาไปให้แม่เฒ่าซ่งและหลานฮวาลูกสะใภ้ของแม่เฒ่าซ่ง

จางซิ่วเอ๋อห่อดอกไม้ผ้าด้วยผ้าหยาบสะอาด แล้วจึงมุ่งหน้าไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านซ่ง

ผู้ใหญ่บ้านซ่งกำลังทำไร่ไถนา เป็นผู้ใหญ่บ้านใช่ว่าจะมีเงินบำเหน็จบำนาญอะไร ถึงอย่างไรเขาก็ต้องทำนาทำไร่เหมือนกัน

แม่เฒ่าซ่งและหลานฮวาลูกสะใภ้ของนางกำลังตากผ้าอยู่ในสวนลาน

จางซิ่วเอ๋อจึงยืนอยู่นอกลานบ้าน เรียกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ท่านย่ารอง ท่านป้าน้อย!”

สองคนในบ้านมองออกมาด้านนอก เมื่อแม่เฒ่าซ่งเห็นว่าเป็นจางซิ่วเอ๋อก็ขมวดคิ้ว พอนึกถึงข่าวลือต่าง ๆ ในหมู่บ้านที่เกี่ยวกับจางซิ่วเอ๋อ แม่เฒ่าซ่งก็ไม่อยากจะข้องแวะกับอีกฝ่ายเลยสักนิด

แต่พอคิดได้ว่าจางซิ่วเอ๋อเป็นคนใจกว้าง ครั้งก่อนที่มีเรื่องมาขอให้ช่วยก็ให้เนื้อมาไม่น้อย

ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อได้ตำลึงมา หากมีเรื่องอะไรให้ช่วยต้องให้ผลประโยชน์กับพวกนางไม่น้อยแน่

พอคิดได้แบบนี้ แม่เฒ่าซ่งก็ลอบยกยิ้มและเอ่ยขึ้น “เจ้าเข้ามาสิ ประตูไม่ได้ลงกลอน!”

จางซิ่วเอ๋อรับคำและเดินเข้ามายิ้ม ๆ

หลานฮวามองจางซิ่วเอ๋อโดยไม่พูดอะไรและเดินเข้าไปในบ้าน ไม่นานนักก็ยกน้ำมาถ้วยหนึ่ง ยื่นให้จางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อจึงเข้าใจว่าพวกนางไม่อยากให้ตัวเองเข้าบ้าน มีอะไรก็คุยกันในลานบ้านให้จบ

นี่เป็นสิ่งที่แม่เฒ่าซ่งสั่งไว้ว่าห้ามให้จางซิ่วเอ๋อเข้าบ้านเพราะอาจจะเรียกผีมาได้ หรือตัวซวยนี่อาจจะทำลายฮวงจุ้ยบ้านตัวเอง ถ้าเป็นแบบนั้นต้องแย่แน่

จางซิ่วเอ๋อก็ไม่โกรธ ราวกับมองสิ่งที่แม่เฒ่าซ่งคิดไม่ออก และพูดออกมาตรง ๆ “ที่ข้ามาครั้งนี้มีอยู่สองเรื่อง”

แม่เฒ่าซ่งถาม “ให้ข้าไปตามปู่รองของเจ้าไหม ”

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยยิ้ม ๆ “ที่จริงข้าแค่อยากจะยืมบันไดบ้านท่านน่ะเจ้าค่ะ ถ้าท่านตัดสินใจให้ยืมได้เลยคงดีไม่น้อย”

ก็แค่บันได ทำไมแม่เฒ่าซ่งจะตัดสินใจเองไม่ได้

แต่พอได้ยินจางซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้ สีหน้าแม่เฒ่าซ่งก็เคร่งเครียดขึ้นนิดหน่อย นางไม่อยากให้ใครยืมของของตัวเองง่าย ๆ

แม่เฒ่าซ่งจึงเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องไปถามเจ้าบ้านน่ะ”

จางซิ่วเอ๋อจึงหยิบดอกไม้ผ้าออกจากอกเสื้อตัวเองด้วยรอยยิ้ม และยื่นให้แม่เฒ่าซ่ง “จะใช้ของบ้านท่านเฉย ๆ ก็คงไม่เหมาะ วันนี้ข้าซื้อของจุกจิกมาจากในตัวเมืองมา พวกท่านลองดูสิ….”

จางซิ่วเอ๋อไม่ได้บอกไปว่าจะยกให้ ถ้าแม่เฒ่าซ่งเอาของไปแล้วไม่คล้อยตามคงจะเสียของแย่

แน่นอนว่าในเมื่อนางนำของพวกนี้ออกมาแล้ว ไม่ว่าจะยืมบันไดมาได้หรือไม่ก็ไม่ขอคืนหรอก ไม่อย่างนั้นคงเป็นการล่วงเกินคนอื่นไปหน่อย

ผู้ใหญ่บ้านไม่ใช่คนยศตำแหน่งสูงนัก แต่ก็ยังเป็นข้าราชการอยู่ หากมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลซ่ง อีกหน่อยผู้ใหญ่บ้านซ่งยัดข้อหาให้นางขึ้นมาจะทำอย่างไร

จางซิ่วเอ๋อยังไม่ยอมหลุดปากเพราะหวังว่าแม่เฒ่าซ่งจะหลุดปากก่อน

พอแม่เฒ่าซ่งเห็นดอกไม้ผ้าสองดอกก็มีสีหน้าดีอกดีใจขึ้น นางชอบดอกที่สีสดอยู่ แต่นางอายุมากแล้วคงใส่ไปไหนไม่ได้ สีม่วงเข้มนั่นพอไหว

ด้วยอายุของนางที่มากแล้ว จึงเป็นเวลานานมากที่นางไม่กล้าเอ่ยขอสิ่งเหล่านี้ แต่สตรีทั่วไปนั้นถึงจะอายุเยอะก็ยังชอบของแบบนี้อยู่ดี

แม่เฒ่าซ่งจึงเล็งดอกไม้ผ้าสีม่วงเข้มไว้

เวลานี้นางก็กระดากเกินกว่าจะเอาใส่หัวตัวเอง จางซิ่วเอ๋อมายืมบันไดทั้งที ถ้านางไม่ให้ยืมบันไดแต่กลับรับดอกไม้ผ้าไว้ก็กระไรอยู่

เจ้าบ้านกลับมาแล้วต้องว่านางแน่

ถ้ารับของเขามาแต่ไม่เป็นธุระให้ อีกหน่อยคนในหมู่บ้านมาให้พวกเขาช่วยจะมีใครเอาของมาให้อีก

อีกอย่าง บันไดก็ไม่ได้มีราคานัก แค่ของที่เอาไม้ไผ่มาตอกเข้าด้วยกัน จางซิ่วเอ๋อเป็นดุุณีน้อยทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ ถึงทำก็ทำได้ไม่แข็งแรงถึงได้มายืม อย่างนั้นก็ให้นางยืมไปก็คงไม่เป็นอะไร

แม่เฒ่าซ่งไม่ได้โง่ รู้ว่าทำอย่างไรเป็นประโยชน์กับตัวเองที่สุด นางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจได้

จางซิ่วเอ๋อถือว่าเป็นแกะตัวอ้วนเลยนะ มีปัญหากันตอนนี้คงไม่ดี

แม่เฒ่าซ่งจึงเอ่ยขึ้น “หลานฮวา ไปถามท่านพ่อเจ้าซิว่าบันไดนี่ให้ยืมได้ไหม?” ในขณะที่พูด แม่เฒ่าซ่งก็ส่งสายตาให้หลานฮวา

หลานฮวาก็อยากได้ดอกไม้ผ้า จะไม่เข้าใจความหมายของแม่สามีได้อย่างไร

นางจึงออกจากบ้าน เดินวนอยู่หลังบ้านตัวเองรอบหนึ่งแล้วกลับมาโดยไม่ได้ไปหาผู้ใหญ่บ้านซ่ง

“เขาบอกว่าดูแลเด็ก ๆ เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว ถึงเวลาเจ้าอย่าลืมเอามาคืนก็พอ” หลานฮวาบอกเสียงอ่อนหวาน

แม่เฒ่าซ่งกล่าวยิ้ม ๆ “บันไดนี่ทำจากไผ่ ไม่หนักเท่าไหร่ เอ้า อยู่ตรงนู้นน่ะ เจ้าขนกลับไปใช้เองนะ แต่อย่าใช้จนพังล่ะ”

จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ “ถ้าข้าทำพังจะชดใช้เป็นเงินให้”

แม่เฒ่าซ่งได้ยินแบบนี้ก็มีรอยยิ้มสบายใจ เวลานี้จึงไม่มีอะไรที่ต้องอิดออดอีก นางโบกมือพร้อมบอก “เอาไปเลย”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอาของผูกมิตรคนให้ได้หลายๆ คนเข้าไว้นะซิ่วเอ๋อ เผื่อต่อไปจะได้มีแบคเพิ่มขึ้น

ไหหม่า(海馬)