บทที่ 65 ซ่อมหลังคา

หลังจางซิ่วเอ๋อเดินออกจากบ้านไป แม่เฒ่าซ่งก็เอาดอกไม้ผ้าสีฟ้าอ่อนให้หลานฮวา

หลานฮวาเอ่ยเสียงเบา “จางซิ่วเอ๋อนี่ใจกว้างจริง ๆ ดอกไม้ผ้าแบบนี้ดอกละ 10 เหรียญเลยนะ”

หลานฮวาแต่งเข้ามาจากในตัวเมือง ย่อมรู้ราคาของพวกนี้ดี

ที่จริงจางซิ่วเอ๋อลองเฉลี่ยราคาดูแล้วดอกไม้ผ้านี่ราคา 7 เหรียญต่อดอกเท่านั้น

แม่เฒ่าซ่งใส่ดอกไม้กับศีรษะตัวเองพลางพูดอย่างทึ่ง ๆ “ก็เท่ากับหมู 2 ชั่งเลยน่ะสิ”

หลานฮวาหมดคำพูดกับการเปรียบเปรยของแม่เฒ่าซ่ง ใครจะเอาเนื้อหมูประดับศีรษะกันล่ะ?

แม่เฒ่าซ่งพึมพำไปพลางว่า “ให้หมูข้า 2 ชั่งยังจะดีกว่าอีก” พลางยิ้มหน้าแป้น

ดอกไม้ผ้าราคา 10 เหรียญเลยนะ ยายแก่อายุเท่านางไม่มีใครมีใส่เลยสักดอก ยิ่งคิดนางก็ยิ่งผยอง

อีกด้านหนึ่ง จางซิ่วเอ๋อก็ได้กลับถึงบ้านแล้ว นางลังเลอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ให้จางชุนเถาช่วยจับบันไดอยู่ด้านล่าง ส่วนตัวนางเองปีนขึ้นไปบนเพดาน

จางซิ่วเอ๋อค้นพบว่าตั้งแต่ได้ทะลุมิติมาที่นี่ นางก็กลายเป็นสตรีที่ทำได้สารพัดอย่าง ถึงกับสามารถซ่อมหลังคาบ้านเองได้แล้ว

นางถอนหญ้าที่ขึ้นรกอยู่บนหลังคาออกจนหมด และเอาแผ่นอิฐที่ผุพังไปแล้วออก พร้อมวางหญ้าแห้งบนส่วนที่ผุพัง และปูทับด้วยผ้าใบกันน้ำที่ตัวเองซื้อมาวันนี้ ก่อนจะวางหญ้าแห้งทับอีกที แล้วเอาแผ่นอิฐที่ผุพังไปทับไว้

ขอแค่ลมไม่พัดแรงมากคงไม่เป็นปัญหาแน่

แต่ถ้าลมพัดแรง จางซิ่วเอ๋อก็จนปัญญา รอให้อีกหน่อยมีเงินแล้วค่อยซ่อมตรงนี้ดี ๆ

จางซิ่วเอ๋อทำเสร็จทุกอย่างแล้วฟ้าก็เริ่มมืด นางไปคืนบันไดโดยที่ยังไม่กินข้าว

ยืมมาใช้เสร็จแล้วก็ต้องคืน ยืมครั้งต่อไปจะได้ไม่ยากมาก!

อีกอย่าง ถ้าบันไดนี่มาพังในมือนางจริง ๆ นางก็ต้องให้เงินแม่เฒ่าซ่งน่ะสิ ที่พูดไปแบบนั้นก็เพื่อให้แม่เฒ่าซ่งสบายใจเท่านั้น นางไม่ได้อยากให้เงินแม่เฒ่าซ่งจริง ๆ หรอกนะ

ตอนที่เอาบันไดไปคืน จางซิ่วเอ๋อก็เหลือบมองใต้ต้นหวายฉู่ใหญ่ เวลานี้มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้และคุยกันเรื่อยเปื่อย

หลังจากเห็นนาง คนพวกนั้นก็พากันชี้ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน

ถึงจางซิ่วเอ๋อจะไม่ได้ยินก็พอเดาออกว่าคนพวกนี้พูดอะไรกัน คงเป็นเรื่องของตัวเองกับแม่หลิวนั่นแหละ

จางซิ่วเอ๋อขี้เกียจสนใจพวกที่ชอบพูดลับหลังคนอื่น ตัดสินใจตรงกลับบ้านเลย

ตอนนั้นเองจางอวี่หมินกลับเดินออกมาจากบ้านตระกูลจาง มองจางซิ่วเอ๋อและเอ่ยขึ้น “ซิ่วเอ๋อ แม่ข้าเรียกเจ้ากลับไปกินข้าวที่บ้าน”

หน้าตาจางอวี่หมินฉายแววไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังฝืนใจพูดแบบนี้ออกมา จางซิ่วเอ๋อจึงมองจางอวี่หมินอย่างนึกระแวง

ถึงนางจะอายุไม่มาก แต่ในหัวมีแต่ความร้ายกาจ สมัยก่อนเจ้าของร่างกินข้าวที่บ้านเยอะหน่อยยังต้องโดนด่า ตอนนี้จะมาใจดีเรียกตัวเองกลับไปกินข้าวได้อย่างไร

จางซิ่วเอ๋อปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “ข้าต้องกลับไปดูแลชุนเถาเจ้าค่ะ”

“นี่! แม่ข้าเรียกเจ้ากลับไปกินข้าวเจ้าจะไม่ไปกินเหรอ? เจ้าจะไม่เห็นท่านย่าอยู่ในสายตาไปแล้วนะ?” จางอวี่หมินตำหนิ

จางซิ่วเอ๋อที่กำลังจะเดินออกไปจึงได้หันมามองจางอวี่หมิน “เจ้าจะต้องให้ข้าพูดให้ชัดเจนเลยใช่หรือไม่? ตอนที่ข้าออกจากบ้านตระกูลจาง ท่านย่าพูดไว้ว่าไม่ให้นังตัวซวยอย่างข้าเข้าบ้านอีก ข้าเคารพนางถึงได้ถือประโยคนี้เป็นเรื่องใหญ่และไม่กลับไปที่บ้านตระกูลจาง”

“ตอนนี้แม่ข้าบอกให้เจ้ากลับมาเจ้าก็ต้องกลับมา ที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ไม่นับแล้ว” จางอวี่หมินเอ่ยพลางเท้าสะเอว หน้าตาเอาแต่ใจ นางหมายความว่าไม่ว่าอย่างไรจางซิ่วเอ๋อก็ต้องกลับบ้าน

จางซิ่วเอ๋ออมองจางอวี่หมินอย่างนึกขำ จางอวี่หมินเองก็ถือว่าเป็นเด็กสาวหน้าตาดี เสียแต่อยู่กับแม่เฒ่าจางนานจนเสียผู้เสียคน นิสัยเอาแต่ใจไร้เหตุผลสุด ๆ

จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเอ่ยเสียงเย็น “คำพูดที่พูดออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป จะเอาคืนกลับมาได้อย่างไรกัน?”

จางอวี่หมินเดินออกมาจากตัวลานบ้าน เดินปราดเดียวมาอยู่ตรงหน้าจางซิ่วเอ๋อ กางมือสองข้างออก มองจางซิ่วเอ๋อและพูดขึ้น “เจ้าบอกข้ามาว่าจะกลับหรือไม่กลับ!”

ตอนที่พูดแบบนี้ จางอวี่หมินก็ไม่ลืมที่จะมองจางซิ่วเอ๋ออย่างพินิจพิเคราะห์

นางพบว่าวันนี้จางซิ่วเอ๋อเปลี่ยนชุดใหม่อีกแล้ว เป็นกระโปรงยาวสีชมพูกลีบบัว ที่น่าทึ่งกว่าคือจางซิ่วเอ๋อติดดอกไม้ผ้าบนศีรษะด้วย!

จางอวี่หมินไม่พอใจขึ้นมาทันที จางซิ่วเอ๋อหน้าตาผอมแห้งเป็นสีเหลือง ขี้เหร่เสียไม่มี สวยสู้ตัวเองได้ที่ไหนกัน? แต่จางซิ่วเอ๋อมีเสื้อผ้าใหม่และดอกไม้ผ้า ในขณะที่ตัวนางเองกลับไม่มี!

“นี่ เอาดอกไม้ผ้าบนหัวเจ้าลงมา!” จู่ ๆ จางอวี่หมินก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

จางซิ่วเอ๋ออึ้ง เมื่อครู่ยังพูดเรื่องไปบ้านตระกูลจางอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมพริบตาเดียวก็มาพูดเรื่องดอกไม้ผ้าล่ะ?

จางซิ่วเอ๋อถามกลับ “ทำไมข้าต้องเอาลงมาด้วย?”

จางอวี่หมินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะข้าชอบ เจ้าก็ต้องเอาดอกไม้ผ้าลงมา!”

จางซิ่วเอ๋อโกรธจนหัวเราะ นี่จางอวี่หมินหมายตาดอกไม้ผ้าของตัวเองเหรอ

จางซิ่วเอ๋อมองจางอวี่หมินอย่างล้อเลียนและแค่นเสียง “ไม่มีทาง เจ้าชอบก็ให้แม่เจ้าซื้อสิ!”

“เฮอะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าที่ทำเสียเรื่อง ข้าได้ซื้อดอกไม้ผ้านานแล้ว!” จางอวี่หมินนึกถึงเรื่องนี้ได้ก็ฉุนขึ้นมา และพูดอย่างไม่สบอารมณ์

พอนางนึกถึงเรื่องที่จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาไม่ได้ถูกขายไปตามเรื่องก็โมโหอย่างยิ่ง

จางซิ่วเอ๋อมองจางอวี่หมินอย่างนึกขำ “เจ้านี่หน้าไม่อายจริง ๆ”

จางอวี่หมินมองจางซิ่วเอ๋ออย่างขุ่นเคือง นางได้สติกลับมาแล้ว รู้แล้วว่าจางซิ่วเอ๋อนตอนนี้แตกต่างจากจางซิ่วเอ๋อในสมัยก่อนมาก นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต่อให้เป็นปิ่นทองที่จางซิ่วเอ๋อใส่ในวันแต่งงาน นางแค่เอ่ยขอจางซิ่วเอ๋อก็ไม่กล้าไม่ให้

แต่ตอนนี้ล่ะ นอกจากจางซิ่วเอ๋อจะกล้าไม่ให้แล้ว ยังกล้ามีเรื่องกับตัวเองด้วย

สีหน้าจางอวี่หมินย่ำแย่ขึ้นมา “ข้าเป็นอาเล็กของเจ้านะ เจ้าด่าข้าอย่างนี้ได้อย่างไร?”

จางซิ่วเอ๋อมองจางอวี่หมินด้วยสายตามองคนโง่อย่างไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่

นางเดินไปอยู่ตรงหน้าจางอวี่หมิน เอ่ยเสียงเข้มชวนขนลุก “ถ้าเจ้ายังมาหาเรื่องข้าอีก ข้าจะไม่ใช่แค่ด่าเจ้า ข้าจะกระทืบเจ้าด้วย!”

จางอวี่หมินมองด้านหลังของจางซิ่วเอ๋อและทำหน้าเหมือนโดนรังแก “พี่สี่ พี่มาจัดการนางหน่อย นางตีข้า!”

จางซิ่วเอ๋อผงะ ตัวเองแค่ขู่จางอวี่หมินไป ยังไม่ทันได้ลงมือเลย พอไปอยู่ในปากจางอวี่หมินกลับกลายเป็นว่านางตีอีกฝ่าย

จางอวี่หมินจะหน้าด้านเกินไปแล้วนะ

นางหันกลับไปมอง ก็เห็นชายผิวคล้ำคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังตัวเอง ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นจางต้าหูพ่อแท้ ๆ ของนางเอง

ขณะนั้น จางต้าหูมีหน้าตามืดครึ้ม ทำให้ผิวที่คล้ำอยู่แล้วคล้ำขึ้นไปอีก

จางซิ่วเอ๋อมองจางต้าหูอย่างพิจารณา นางอยากรู้จริง ๆ ว่าเวลาแบบนี้พ่อแท้ ๆ ของตัวเองจะทำอย่างไร

จางต้าหูเอ่ยเสียงเข้ม “ซิ่วเอ๋อ เจ้าทำแบบนั้นกับอาเล็กเจ้าได้อย่างไรกัน ยังไม่รีบขอโทษอาเล็กเจ้าอีก”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พึ่งพาใครไม่ได้มากก็ต้องทำเองตั้งแต่สากกกะเบือยันเรือรบ นับถือจริง ๆ ค่ะ

นังอวี่หมินมาหาเรื่องอะไรอีก แถมเอาพ่อไม่เอาถ่านมาช่วยอีก

ไหหม่า(海馬)