บทที่ 66 ท่าทางน่าประหลาด
จางซิ่วเอ๋อมองจางต้าหูอย่างเหยียดหยัน ดูท่านางไม่ควรจะคาดหวังอะไรกับเขา
นางกวาดตามองจางต้าหู “จางอวี่หมินบอกว่าข้าตีนาง ข้าก็ตีนางจริงๆ งั้นเหรอ? ท่านพ่อไม่คิดจะถามข้าหน่อยเหรอว่าความจริงเป็นอย่างไร?”
จางอวี่หมินกระทืบเท้าอย่างโมโห เบ้ปากและพูดอย่างไม่พอใจ “พี่สี่ พี่ดูนังนี่สิ เวลาเช่นนี้แล้วยังจะแถอีก!”
จางต้าหูกล่าวด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “เจ้าเรียกชื่ออาเล็กเจ้าแบบนี้ได้อย่างไร? อีกอย่าง เจ้าเพิ่งออกไปได้กี่วันเอง รู้จักโกหกแล้วหรือ? อาเล็กเจ้าบอกว่าโดนเจ้าตี นางจะใส่ร้ายเจ้าหรืออย่างไร?”
จางต้าหูแสดงสีหน้าเหมือนมีลูกไม่เอาไหน ให้ความรู้สึกเหมือนจางซิ่วเอ๋อเป็นเด็กอกตัญญูมาก ไม่เชื่อฟังบุพการีเลย
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไร นางนึกโมโหขึ้นมาในใจ แต่อารมณ์โมโหนั้นไม่ได้มีมากนัก กลับรู้สึกเย้ยหยันและดูแคลนจางต้าหูเสียมากกว่า
จางต้าหูไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของนาง นางแค่ให้ความเคารพเพราะเห็นแก่เจ้าของร่าง เวลาแบบนี้นางจึงไม่ได้เสียใจมากนักที่มีพ่อแบบนี้
ตาของจางต้าหูไปอยู่หลังศีรษะเหรอ? หัวใจเขาโดนทาน้ำมันหมูจนมัวหมองไปหมดงั้นหรือ?
รู้อยู่แล้วว่าพ่อคนนี้ไม่ได้ดี แต่ตอนนี้ดูท่าจางต้าหูจะงี่เง่ากว่าที่นางคิดไว้เสียอีก
เฮอะ ชื่อทำไมจางต้าหู ชื่อจางงี่เง่าสิถึงจะถูก!
เห็นจางต้าหูก็รู้แล้วว่าเป็นคนกตัญญูเกินไปจนโง่ อะไรที่แม่กับน้องสาวเขาพูดคือถูกหมด ต่อให้พูดว่ากลางวันเป็นกลางคืนจางต้าหูก็คงไม่กังขาใด ๆ
ถ้าเป็นจางซิ่วเอ๋อเจ้าของร่างคงทนได้ ความจริงจางซิ่วเอ๋อเจ้าของร่างก็อดทนแบบนั้นมาตลอด
ปกติได้รับความไม่เป็นธรรมอะไรมาก็ไม่มีใครแยแสนาง นางจะทำอะไรได้ล่ะ? อย่างเดียวที่ทำได้คือทน
แต่ตอนนี้นางไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะมาทนกับอะไรไร้สาระแบบนี้
จางซิ่วเอ๋อเอียงคอมองจางต้าหู ไม่มีความเคารพอยู่ในแววตาเลยสักนิด สายตาแบบนี้ทำให้จางต้าหูไม่พอใจนิดหน่อย เขาอ้าปากจะตำหนิจางซิ่วเอ๋อ
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร ก็ได้ยินจางซิ่วเอ๋อพูดขึ้น “ข้าจะพูดแค่ครั้งเดียว ข้าไม่ได้ตีจางอวี่หมิน!”
“เจ้าตี! เจ้าไม่ได้แค่ตีข้า เจ้ายังบอกว่าจะตีข้าให้ตายด้วย!” จางอวี่หมินโกหกได้หน้าด้าน ๆ คนทั้งคนดูราวกับแม่ไก่ที่โมโหจนขนพอง คนไม่รู้เรื่องมาพบเข้าคงคิดว่าจางซิ่วเอ๋อตีนางจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อมองจางอวี่หมินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม แล้วฟาดฝ่ามือออกไปทันที
เกิดเสียงดังเพี้ยะ เพราะฝ่ามือของจางซิ่วเอ๋อได้ไปอยู่บนใบหน้าของจางอวี่หมิน
จางอวี่หมินกุมหน้าและมองจางซิ่วเอ๋ออย่างตกตะลึง “เจ้าบังอาจตบข้า!”
จางซิ่วเอ๋อยิ้มตาหยี ส่งผลให้รอยยิ้มกว้างขึ้นไปอีก “เมื่อกี้ข้าตบไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เจ้าพูดแบบนี้…..ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ตีเจ้า?”
จางอวี่หมินกุมใบหน้าซีกซ้ายที่ปวดตุบ ๆ ของตัวเอง นางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจางซิ่วเอ๋อจะลงมือ
ถึงแม้ตอนนี้ในหมู่บ้านจะมีข่าวลือเรื่องความดุดันของจางซิ่วเอ๋อไม่น้อย นางเองก็รู้ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่เหมือนก่อนแล้ว แต่เมื่อก่อนนางเคยรังแกจางซิ่วเอ๋ออยู่หลายครั้ง นางจึงคิดว่าลึก ๆ แล้วจางซิ่วเอ๋อก็ยังเป็นจางซิ่วเอ๋อผู้อ่อนแอคนเดิม
แค่ตอนนี้ต้องออกไปตั้งตัวเองจึงต้องแกล้งทำเป็นแข็งกร้าวหน่อย
บัดนี้จางอวี่หมินกลับพบว่าตัวเองคิดผิด และผิดอย่างมหันต์ จางซิ่วเอ๋อเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ จากจางซิ่วเอ๋อผู้มีท่าทางหงอย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ตีได้ กลายเป็นหมาบ้าที่กัดคนเมื่อไรก็ได้
หลังจากที่อึ้งไปชั่วขณะ จู่ ๆ จางอวี่หมินก็กรีดร้อง เข้ามาตีจางซิ่วเอ๋อทั้งมือทั้งเท้า “เจ้าบังอาจตีข้า! บังอาจตีข้า! ข้าจะตีตัวขาดทุนอย่างเจ้าให้ตายเลย!”
จางอวี่หมินเคยโดนรังแกแบบนี้เสียที่ไหนกัน ต่อให้เป็นคนไร้เหตุผลอย่างแม่เฒ่าจางก็ประคบประหงมจางอวี่หมินอย่างดี
นางเหมือนเป็นยอดดวงใจของตระกูลจางเลยทีเดียว
ตอนนี้นางโดนจางซิ่วเอ๋อทำร้าย จะยอมเลิกราง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน นางมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น ก็คือไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมให้จางซิ่วเอ๋อได้เปรียบ
นางต้องตบคืน ขนาดทำให้จางซิ่วเอ๋อร้องไห้หาพ่อแม่
นาทีนี้จางต้าหูก็โมโห เอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “เจ้าตบอาเล็กเจ้าได้อย่างไร? ครั้งนี้ข้าเห็นกับตานะ เจ้ายังจะเถียงอีกรึ! ยังไม่รีบยืนให้อาเล็กเจ้าระบายอารมณ์อีก!”
ยืนให้จางอวี่หมินระบายอารมณ์? พ่อประหลาดของตัวเองหมายถึงให้ตัวเองยืนให้จางอวี่หมินตีเหรอ?
จางซิ่วเอ๋อมองจางต้าหูอย่างนึกขำ “ท่านพ่อ ข้าว่าท่านยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ ที่ข้าตบนางก็เพราะพวกท่านเอาแต่พูดว่าข้าตีนางไปเมื่อก่อนหน้านี้”
“ในเมื่อพวกท่านใส่ร้ายข้าแบบนี้ ข้าก็ต้องทำอะไรเพื่อให้มันกลายเป็นความจริงน่ะสิ อีกอย่าง…..ที่ข้าทำแบบนี้ก็เพื่อพิสูจน์ว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ตีนาง”
พูดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบุ้ยใบ้ปากไปทางจางอวี่หมิน “ถ้าเมื่อครู่นี้ข้าตีนางจริง ๆ นางคงพุ่งมาหาข้าแทบบ้าแล้ว ยังต้องรอให้ท่านพ่อมาผดุงความเป็นธรรมรึ?”
จางต้าหูมองจางอวี่หมินที่ไล่ตามจางซิ่วเอ๋ออย่างบ้าคลั่งก็รู้ในใจว่าที่จางซิ่วเอ๋อพูดน่าจะเป็นความจริง
ถ้าก่อนหน้านี้จางซิ่วเอ๋อตีจางอวี่หมินจริง ๆ งั้นจางอวี่หมินคงไม่ได้ยืนพูดดี ๆ ตรงนี้หรอก นางคงพุ่งเข้ามาตบคืนนานแล้ว
แต่จางต้าหูก็คิดอีก ไม่ว่าอย่างไรจางอวี่หมินก็เป็นผู้ใหญ่ จางซิ่วเอ๋อลงมือแบบนี้ไม่ถูก เมื่อกี้ไม่ได้ตี แต่ตอนนี้ตีแล้ว
ครั้งนี้เขาเห็นจะ ๆ เลย
จางต้าหูจึงเอ่ยเสียงเข้ม “ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ต้องยืนอยู่ตรงนั้นให้อาเล็กเจ้าตบคืน!”
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง มองจางต้าหูแล้วพูด “ข้ามีธุระ ไม่อยู่วุ่นวายกับพวกท่านแล้ว ไปก่อนล่ะ”
กับคนอย่างจางต้าหูคงคุยกันไม่เข้าใจหรอก
ในใจจางต้าหูมีแค่แม่กับน้องสาวเขา ส่วนพวกนางพี่น้องในสายตาจางต้าหูไม่มีค่าเลยสักนิด
เดิมทีนางคิดว่าผู้ชายคนนี้แค่อ่อนแอไปหน่อย ไม่กล้าขัดแม่เฒ่าจาง ตอนนี้ดูแล้วจางต้าหูไม่อ่อนแอเลยสักนิด เพราะจางต้าหูแข็งกร้าวในบ้านตัวเองได้ ไม่กล้าขัดแม่เฒ่าจาง แต่กล้าสั่งให้พวกนางพี่น้องทำนู่นทำนี่
จางต้าหูเห็นจางซิ่วเอ๋อจะไป ก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ ร้องเรียกด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “ท่านย่าเจ้าเรียกเจ้ากลับไปกินข้าวที่บ้าน”
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง “ข้าไม่กลับไปกินข้าวตระกูลจางดีกว่า ถึงเวลาโดนหาว่าเป็นตัวขาดทุน เสียข้าวสุก!”
เมื่อก่อนแม่เฒ่าจางชอบเอาคำพูดแบบนี้มาถากถางพวกนาง จนพวกนางพี่น้องกินไม่เคยอิ่มเลย
จางต้าหูยืนอยู่ที่เดิมอย่างกระอักกระอ่วน ไม่รู้ทำไม จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จักบุตรสาวคนโตเลย เมื่อก่อนนางมักจะพูดเสียงอ่อนเสียงค่อย เคยพูดจาแบบนี้กับเขาเสียที่ไหนกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไงล่ะ ซิ่วเอ๋อคนใหม่ ลิ้มรสพลังฝ่ามือไปซะอวี่หมิน
ต้าหูนี่เป็นตัวประกอบที่มีก็เหมือนไม่มีจริง ๆ มายืนให้เกะกะทำไมไม่รู้
ไหหม่า(海馬)