บทที่ 67 กลับไปกินข้าวที่บ้านตระกูลจาง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 67 กลับไปกินข้าวที่บ้านตระกูลจาง

ครั้นแม่เฒ่าจางเดินออกมาจากลานบ้าน จางอวี่หมินก็ยืนชี้หน้าจางซิ่วเอ๋อด้วยความโมโหอยู่ที่เดิม “ท่านแม่ นังตัวขาดทุนตบข้า! ท่านรีบไปสั่งสอนนางเร็วเข้า!”

แม่เฒ่าจางเห็นใบหน้าจางอวี่หมินบวมแดงเล็กน้อย จึงหันไปมองจางซิ่วเอ๋ออย่างเดือดดาล พร้อมกับทำท่าจะพุ่งเข้ามาตบตี!

แต่ทันใดนั้นแม่เฒ่าจางก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป น่าจะนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าแฝงความอดทนไว้ นางส่งสายตาให้จางอวี่หมิน ประมาณว่าให้จางอวี่หมินอย่าเพิ่งสร้างเรื่อง

จากนั้นนางก็ยิ้ม “ซิ่วเอ๋อ นี่มันเวลาอาหารเย็นพอดี มาถึงหน้าประตูบ้านแล้วทำไมไม่เข้ามากินข้าวสักหน่อยล่ะ”

เหล่าคนที่อยู่ใต้ต้นหวายฉู่สังเกตเห็นความวุ่นวายตรงนี้ จึงค่อย ๆ กระเถิบกันเข้ามา บัดนี้กำลังชะโงกคอฟังอยู่

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าต้องกลับบ้านไปดูแลชุนเถา”

“โอ๊ย วันนี้ที่บ้านย่าน่ะตุ๋นเนื้อไว้พอดี เจ้ากินข้าวที่บ้านก่อน กินเสร็จแล้วค่อยเอากลับไปให้ชุนเถา เด็กสาวสองคนอย่างพวกเจ้าไปใช้ชีวิตข้างนอกคงลำบาก คงไม่ค่อยได้กินเนื้อ อย่างไรซะวันนี้ก็ต้องกินที่บ้านให้พอ!” แม่เฒ่าจางเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

รอยยับย่นระบายอยู่เต็มหน้า ยิ้มคราวหนึ่งก็แลดูราวกับดอกเบญจมาศ

จางซิ่วเอ๋อเห็นว่ามีคนมุงดูอยู่เยอะจึงไม่เย็นชาอีก เอ่ยขึ้น “ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ”

“เจ้านี่ ครอบครัวเดียวกันมัวแต่ผัดผ่อนไปทำไม? หรือเจ้ายังแค้นเรื่องก่อนหน้านนี้อยู่? แต่โบราณบอกไว้ว่าคนบ้านเดียวกันไม่โกรธกันข้ามคืนหรอก หม้อและทัพพียังต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ตอนนั้นที่บอกว่าไม่ให้กลับบ้านตระกูลจางก็พูดเพราะโมโหเท่านั้น ไม่ถือสาหาความอะไรหรอก!” แม่เฒ่าจางทำตัวดูมีคุณธรรมขึ้นมาทันที

จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าจางอย่างนึกขำ ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางเคยผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ที่แม่เฒ่าจางทำมาแล้ว เพียงแค่ฟังสิ่งที่นางพูดในตอนนี้ นางก็คงเข้าใจว่าแม่เฒ่าจางเป็นคนประเภทมีเหตุผลจริง ๆ!

จางซิ่วเอ๋อไม่คิดว่าแค่พริบตาเดียวแม่เฒ่าจางก็เปลี่ยนไปแล้วหรอก

แม่เฒ่าจางจะปฏิบัติต่อนางแบบนี้จริงหรือ? แสดงว่าต้องมีแผนอะไรในใจแน่ ๆ!

จางซิ่วเอ๋ออยากจะตัดความสัมพันธ์กับแม่เฒ่าจางเสียเต็มประดา แต่เวลานี้นางไม่มีคำพูดใดจะปฏิเสธได้จริง ๆ ที่นี่มีคนมองอยู่ตั้งมากมาย ถ้านางยังเถียงแม่เฒ่าจางอีกจะเป็นการไม่รู้จักมารยาท อกตัญญู คนเป็นย่ายอมเป็นฝ่ายง้อแล้ว นางที่เป็นหลานกลับไม่ไว้หน้า มันจะเกินไปหน่อยนะ

จางซิ่วเอ๋อชายตาเล็กน้อยและยกยิ้ม “ท่านย่า มันก็เหมือนกับที่ท่านพูดนั่นแหละ เราเป็นคนครอบครัวเดียวกันไม่ทำตัวเหินห่าง พวกเราไม่โกรธกันข้ามคืนหรอก ถึงแม้ท่านจะเคยขายข้ากับชุนเถา แต่สุดท้ายก็ขายไม่ได้นี่? ว่ากันตามจริงก็ไม่ควรจะถือสากันแล้วล่ะ”

คนที่มุงอยู่พอได้ยินจางซิ่วเอ๋อเตือนก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้!

แม่เฒ่าจางยังมีหน้ามาพูดว่าไม่โกรธกันข้ามคืนอีก ถ้าเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่ควรโกรธกันข้ามคืนจริง ๆ แต่นี่นางจะขายหลานแท้ ๆ ของตัวเองนะ ยังจะคาดหวังให้หลานไม่ถือสาอีก แม่เฒ่าจางนี่หน้าไม่อายจริง ๆ

เหอะ ดูซิ่วเอ๋อสิ ใจกว้างขนาดนี้ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังให้อภัยแม่เฒ่าจางได้

ช่างเป็นเด็กดีและกตัญญูจริง ๆ ต่อให้ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ไม่ยอมมีปัญหากับคนในครอบครัว! หาดูได้ยากจริง ๆ!

จางซิ่วเอ๋อก้าวขาเดินเข้าไปในบ้านตระกูลจาง ที่นี่ไม่ใช่รังหมาป่ารังเสือเสียหน่อย ใช่ว่านางเข้าไปแล้วจะออกมาไม่ได้ วันนี้นางจะไปดูหน่อยสิว่าแม่เฒ่าจางมีแผนอะไร

จางอวี่หมินหน้าเสียทันใด “เจ้าออกมานะ! นั่นบ้านข้า ข้าไม่ให้เจ้าเข้าไป!”

แม่เฒ่าจางถลึงตาใส่จางอวี่หมิน อุตส่าห์เกลี้ยกล่อมให้จางซิ่วเอ๋อกลับมาได้ จะไปทำให้นางไม่พอใจตอนนี้ไม่ได้

แม่เฒ่าจางดึงจางอวี่หมินเข้ามา กระซิบบางอย่างข้างหูจางอวี่หมิน

จางอวี่หมินมีดวงตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่าคิดอะไรได้ เวลานี้กลับเงียบไม่พูดจา ไม่โหวกเหวกโวยวายว่าจะแก้แค้นจางซิ่วเอ๋อแล้ว

แม่เฒ่าจางแกล้งทำสีหน้าเย็นชาใส่จางอวี่หมิน “เจ้านี่ ถึงจะอายุไล่เลี่ยกับซิ่วเอ๋อ แต่เจ้าก็เป็นอาเล็กของนางนะ เจ้าเป็นผู้ใหญ่ยอมนางหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร?”

จางอวี่หมินก้มหน้าเตะก้อนหินเล็ก ๆ ใกล้เท้าก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะท่านแม่ เมื่อครู่นี้ข้าไม่ดีเอง ข้าควรจะยอมนางหน่อย”

แม่เฒ่าจางแสดงจุดยืนเต็มที่ จะให้คนอื่นคิดว่าจางอวี่หมินรังแกจางซิ่วเอ๋อไม่ได้ ถ้าเสียชื่อเสียงอีกหน่อยจะแต่งงานได้อย่างไรกัน?

พอจางซิ่วเอ๋อเข้ามาในบ้านตระกูลจาง ก็เห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางลานบ้าน

บนโต๊ะมีกับข้าวร้อนฉ่ากะละมังใหญ่ นางกวาดตามองก็เห็นว่ามันคือถั่วฝักยาวตุ๋นเนื้อ

มีเนื้อไร้มันวางอยู่บนนั้นไม่น้อย เนื้อไร้มันราคาถูก ถ้าแม่เฒ่าจางกินเองจะเลือกกินเนื้อที่ติดมัน แต่ถ้าให้จางซิ่วเอ๋อกินนางไม่ยอมซื้อที่แพงให้หรอก

แม่โจวเป็นคนทำอาหาร เดิมทีท้องนี้ของแม่โจวก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว แต่แม่เฒ่าจางไม่ได้ปล่อยแม่โจวไปเพราะเหตุนี้ แม่โจวรักษาตัวอยู่ได้ 3-4 วันนางก็ใช้ให้แม่โจวทำงาน

แต่ก็ถือว่าดีกับจางซิ่วเอ๋อ ถ้าแม่เฒ่าจางเป็นคนทำอาหารนางคงไม่อยากกินหรอก

ดูท่าทางแม่เฒ่าจางก็รู้แล้วว่าทำอาหารไม่สะอาดแน่นอน ส่วนเนื้อติดมันนั้น นางไม่สนใจพวกเนื้อขาวล้วนอยู่แล้ว ที่ชอบกินที่สุดคือเนื้อสามชั้นและเนื้อไร้มัน

แม่เฒ่าจางจุดตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะ

ที่จริงฟ้ายังไม่มืด ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจุดตะเกียงในลานบ้านเลย

จางซิ่วเอ๋อเห็นแบบนี้ แล้วมองเหล่าคนชอบแส่ที่ชะโงกหน้าเข้ามาดูจากนอกบ้านก็เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่เฒ่าจางถึงทำแบบนี้ นางต้องการอวดว่าตระกูลจางเลี้ยงเนื้อจางซิ่วเอ๋อน่ะสิ!

คนในหมู่บ้านนี้ได้กินเนื้อกันน้อยมาก ถึงเนื้อในมื้อนี้จะเป็นเนื้อไร้มันแต่ก็ถือว่าเป็นอาหารมื้อหรูแล้ว

จางซิ่วเอ๋อยังไม่นั่ง แต่เรียกให้พวกแม่เฒ่าจางนั่งลงก่อน

ไม่นานคนก็เบียดกันเต็มรอบโต๊ะกลม

เมื่อก่อนพวกนางสามพี่น้องไม่ค่อยมีโอกาสได้กินข้าวบนโต๊ะนัก ตอนนี้ทั้งนางและซานหยาได้กินข้าวที่โต๊ะ โต๊ะจึงเบียดขึ้นโดยปริยาย

จางอวี่หมินทำหน้าบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจ คอยมองดอกไม้ผ้าบนหัวจางซิ่วเอ๋อเป็นระยะ ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนอยู่เยอะ และแม่เฒ่าจางก็บอกอะไรบางอย่างกับนาง นางต้องเข้าไปแย่งแน่

จางอวี่หมินกัดฟันคิด จางซิ่วเอ๋อ เจ้าได้ใจไม่ได้นานหรอก

อีกไม่นานดอกไม้ผ้าบนหัวเจ้า รวมถึงเงินที่เจ้าได้มาจากตระกูลสวี่ล้วนต้องกลายเป็นสินสอดของข้า

จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วมองตะเกียงน้ำมัน หน้าร้อนมีแมลงมาก การตั้งตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะทำให้คนด้านนอกเห็นว่าคนด้านในกินอะไรก็จริง แต่อีกไม่นานพวกเขาคงต้องกินแมลงด้วย

นางจึงเอาตะเกียงน้ำมันออกและเอ่ยขึ้น “ฟ้ายังไม่มืดสนิทเลย จุดตะเกียงเปลืองแย่”

คนด้านนอกได้ยินดังนั้นก็อดชมว่าจางซิ่วเอ๋อรู้จักประหยัดไม่ได้

……………………………………………