ริมฝีปากทั้งคู่ประกบกันอย่างนุ่มนวล แฝงไว้ด้วยความเยียบเย็นเล็กน้อย
อูหลิงอวี่หรี่ตาทั้งสองน้อยๆ ความรู้สึกนี้ยอดเยี่ยมกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก
“โอ๊ย…” ซือหม่าโยวเย่ว์อาศัยจังหวะที่เขาไม่ทันระวังกัดลงไปบนริมฝีปากเขา หลังจากนั้นก็มุดตัวลงไปข้างล่าง หนีออกไปจากการสะกดนิ่งของเขา
“ท่านป่วยเป็นโรคจิตหรือไง!” เธอยืนห่างออกไปไกลพลางมองอูหลิงอวี่อย่างระแวดระวัง
อูหลิงอวี่ลูบริมฝีปากของตนเอง เขาได้กลิ่นคาวเลือดของเขา
“กัดได้รุนแรงจริงๆ นะ!” เขาพูดเสียงอ่อน มองไม่เห็นแววโกรธบนใบหน้า
“แน่นอนอยู่แล้ว!” ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตาใส่เขาแล้วพูดว่า “ข้าเป็นชายแท้นะ ไม่มีความสนใจในตัวบุรุษอย่างท่านหรอก!”
“หืม เหตุใดข้าจึงได้ยินว่าตอนเจ้าอยู่ในเมืองหลวงก็เอาแต่เกาะแกะบุรุษผู้หนึ่งไม่ห่าง คอยเอาอกเอาใจอยู่ตลอดเลยเล่า” อูหลิงอวี่เช็ดเลือดที่ริมฝีปากล่างแล้วพูดขึ้น
“ท่านก็บอกเองนี่ว่าเคยได้ยินมา ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าข่าวลือเชื่อถือไม่ได้ คุณชายเช่นข้าชมชอบหญิงงามต่างหากเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดปดหน้าตาเฉย
“หึๆ” เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของซือหม่าโยวเย่ว์ เขาก็หัวเราะขึ้นมาในทันใด
“ท่านชมชอบบุรุษอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์กลอกตาขึ้นลงหลายรอบ ในท้ายที่สุดก็จับใจความสำคัญได้จึงพูดว่า “ท่านเป็นพวกเบี่ยงเบนนี่นา!”
อูหลิงอวี่มองแววตาแดงก่ำของซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าว่าอะไรนะ”
“ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเบี่ยงเบนหรือไม่ ท่านบอกว่าจะจากไปอยู่แล้วนี่ ตอนนี้ก็มอบของตอบแทนอีกครึ่งหนึ่งมาให้ข้าเสีย หลังจากนี้พวกเราก็แยกทางเดินกันไปคนละทาง อย่าได้พบเจอกันอีกเลย”
“อย่าได้พบเจอกันอีกอย่างนั้นหรือ” อูหลิงอวี่ขยับร่างครั้งหนึ่งก็ไปปรากฏตัวอยู่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์โดยที่เธอไม่ทันแม้แต่จะเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างชัดเจนเสียด้วยซ้ำ รู้สึกเพียงแค่ว่าตนเองคล้ายจะถูกพลังคุกคามของเขากดดันจนร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้
อูหลิงอวี่หยิบเอาขวดหยกออกมาขวดหนึ่งแล้วดึงมือซือหม่าโยวเย่ว์มาก่อนจะวางลงบนฝ่ามือของเธอ หลังจากนั้นก็ก้มลงพูดข้างหูเธอว่า “ต่อจากนี้ไปจงจำเอาไว้ให้ดีว่าต้องเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายบนร่างของเจ้าเสีย ไม่อย่างนั้นหากพบกับสัตว์อสูรวิเศษที่ระดับขั้นสูงสักหน่อยเข้า เจ้าก็ไม่มีทางซ่อนตัวจากจมูกของพวกมันได้หรอกนะ แม่สาวน้อย”
ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจอย่างหนัก เขารู้ว่าตนเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือ!
อูหลิงอวี่มองดูสีหน้าของซือหม่าโยวเย่ว์อย่างพึงพอใจแล้วฝากรอยจูบไว้บนริมฝีปากของเธออีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ชอบท่าทีร้องไห้งอแงของหญิงสาว แต่ในเมื่อพวกเราก็นอนร่วมเตียงเดียวกันมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว ข้าย่อมรับผิดชอบเจ้า จะถือเสียว่าเจ้าเป็นผู้หญิงของข้าก็แล้วกัน”
ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตาใส่อูหลิงอวี่ เจ้าคนผู้นี้ช่างรู้อะไรๆ ไปเสียหมด แต่ยังนอนร่วมเตียงเดียวกันกับตนเหมือนไม่มีเรื่องราวอันใด ตอนนี้ยังถึงกับพูดออกมาด้วยว่าตนเป็นผู้หญิงของเขา ถ้าหากมิใช่เพราะว่าตนถูกสะกดนิ่งเอาไว้ เธอจะต้องเข้าไปเอากริชปักลงกลางหัวใจเขาอย่างแน่นอน!
อูหลิงอวี่มองดูเพลิงโทสะตรงหน้าเธอแล้วแย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าเรียบเนียนของเธอแล้วเอ่ยว่า “ท่าทางตอนโกรธก็ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง หวังว่าคราวหน้าตอนที่พบกันเจ้าจะโตแล้วนะ คราวหน้าที่พบกัน จำเอาไว้ว่าต้องแต่งกายเป็นหญิงสาวให้ข้าดูด้วยล่ะ”
แต่งกายเป็นหญิงให้ดู!
“หึๆ” อูหลิงอวี่รู้สึกว่าตนเองดูเหมือนจะชอบมองท่าทีโมโหของเธอ เขาถอดแหวนมนตร์บนนิ้วของเธอออก ร่างกายของซือหม่าโยวเย่ว์ก็แปรเปลี่ยนไปในทันใด อย่างน้อยตรงหน้าอกก็มิได้แบนราบเป็นกระดานอีกต่อไปแล้ว
“ใช้ได้เลยทีเดียวนี่” เขาใช้มือจู่โจมพลางพยักหน้าน้อยๆ
เจ้าบ้า! คนลามก!
“ด่าข้าหรือ ข้าก็แค่ลองประเมินขนาดของมันเท่านั้นเอง” อูหลิงอวี่พูด จากนั้นเขาก็หยิบเอาแหวนอีกวงหนึ่งออกมาแล้วขูดไปบนนิ้วของซือหม่าโยวเย่ว์ หยดเลือดไว้ข้างบน พอหยดเลือดซึมเข้าไปหมดแล้วจึงค่อยสวมให้เธอก่อนจะหมุนสลักด้านบน ซือหม่าโยวเย่ว์ก็แปลงร่างกลับเป็นบุรุษอีกครั้ง
ตอนที่มองดูอูหลิงอวี่สวมแหวนให้ตน ซือหม่าโยวเย่ว์ก็นึกถึงท่าทางตอนเจ้าบ่าวสวมแหวนให้เจ้าสาวตอนที่ผู้อื่นแต่งงานกันในชาติก่อนขึ้นมาทันที
อูหลิงอวี่มองดูท่าทางของซือหม่าโยวเย่ว์ในตอนนี้อย่างพึงพอใจแล้วพูดว่า “เช่นนี้แล้ว แม้ว่าจะเป็นสัตว์อสูรวิเศษระดับสูงก็ไม่มีทางได้กลิ่นอิสตรีบนร่างของเจ้าแล้ว เอาล่ะ ตาเฒ่าผู้นั้นเร่งข้าอีกแล้ว ข้าต้องไปแล้ว จำเอาไว้ให้ดี เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าแล้ว ต่อจากนี้ไปห้ามล่อแมลงล่อผีเสื้อตัวอื่น และจำเอาไว้ว่าจะต้องคิดถึงข้าด้วย”
พูดจบแล้วเขาก็ประทับจูบบนริมฝีปากเธออีกครั้ง
“สาวน้อย อย่าได้ลืมสัญญาของพวกเราล่ะ คราวหน้าต้องแต่งกายเป็นหญิงให้ข้าดูด้วยนะ”
เจ้าคนบ้า!
“ฮ่าๆๆ! ออกไปจากที่นี่ไม่ไกลมีเมืองอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นมีค่ายกลนำส่งไปยังเมืองหลวงอยู่” เมื่อเห็นท่าทีของซือหม่าโยวเย่ว์ เขาก็หัวเราะเสียงดังแล้วถอยหลังออกไป นิ้วชี้ทั้งสองประกบกัน จากนั้นห้วงมิติก็ดูคล้ายจะถูกฉีกแยกตามการเคลื่อนไหวของเขา แล้วอุโมงค์สีดำทะมึนอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
อูหลิงอวี่มาถึงตรงหน้าอุโมงค์แล้วหันมามองซือหม่าโยวเย่ว์แวบหนึ่งพลางเอ่ยว่า “แม่สาวน้อย จำเอาไว้ว่าอย่าให้ผู้อื่นล่วงรู้ถึงตัวตนที่เป็นหญิงสาวของเจ้าเป็นอันขาด มิฉะนั้นหากเกิดเรื่องอันใดขึ้นข้าก็ไปช่วยเจ้ามิได้หรอกนะ”
พูดจบแล้วเขาก็หมุนกายเดินเข้าไปในอุโมงค์นั้น พอเขาเข้าไปแล้วอุโมงค์นั้นก็สมานติดกันดังเดิมราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
“สมควรตาย!”
พออูหลิงอวี่จากไปแล้ว ร่างกายของซือหม่าโยวเย่ว์จึงขยับเขยื้อนได้ดังใจ เมื่อนึกถึงความรู้สึกที่โดนสะกดนิ่งเมื่อครู่แล้วเธอก็โมโหอย่างยิ่ง ถ้าหากเขาอยากจะสังหารตนแล้วล่ะก็ เธอคงไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงสู้กลับเลยเสียด้วยซ้ำ
แต่สิ่งนี้ก็ปลุกจิตวิญญาณในการต่อสู้ของเธอขึ้นมา คนที่อาศัยเพียงแค่ความรู้สึกอย่างเดียวแล้วสังหารศัตรูได้ในเสี้ยววินาที นั่นก็คือพลังของยอดฝีมือมิใช่หรือ
เธอมองดูแหวนมนตร์บนนิ้วมือ เมื่อนึกถึงว่าเขารู้ว่าตนเป็นผู้หญิง ทั้งยังจุมพิตตนถึงสามครั้ง เธอก็เกิดแรงผลักดันที่นึกอยากจะฆ่าเขาให้ตายอย่างหนึ่งขึ้นมา
“ฝากไว้ก่อนเถอะ! แค้นนี้ไม่ได้ชำระ ข้าก็จะรังควานท่านไม่เลิกเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์ตะโกนเสียงดังลั่นใส่บริเวณที่อุโมงค์ปรากฏขึ้นเมื่อครู่
นี่คือจูบแรกของเธอตลอดการดำรงชีวิตมาสองชาติเชียวนะ แต่มาถูกช่วงชิงไปเช่นนี้เสียได้ คิดๆ แล้วก็น่าโมโหเหลือเกิน
“เย่ว์เย่ว์…” เมื่อเห็นท่าทางเดือดดาลของซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าคำรามน้อยก็ส่งเสียงเล็กเสียงน้อยมาจากในมณีวิญญาณ
“ว่าอย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างอารมณ์ไม่ดี
“คือว่าข้าได้ยินเสียงสัตว์อสูรวิเศษจำนวนมากวิ่งมา ถ้าหากเจ้ายังมัวอยู่ที่นี่ละก็…”
เจ้าคำรามน้อยยังพูดไม่ทันจบ เธอก็เห็นว่าด้านหลังภูเขามีสัตว์อสูรวิเศษจำนวนไม่น้อยปรากฏตัวขึ้นแล้ววิ่งตรงมาทางเธออย่างสุดกำลัง ตรงเส้นดำทะมึนนั้นอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีกว่าร้อยตัว นั่นก็คือแรดซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับตัวที่ตนเพิ่งสังหารไปเมื่อครู่ พวกมันจะต้องได้กลิ่นเลือดแล้วตามมาล้างแค้นอย่างแน่นอน
“ตายแล้ว!” ซือหม่าโยวเย่ว์โอดครวญไม่ทันแล้ว ได้แต่วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เธอวิ่งไปพลางเรียกตัวย่ากวงออกมา รอให้มันแปลงเป็นร่างเดิมแล้วก็ขี่มันวิ่งมุ่งหน้าไปยังรอบนอกของเทือกเขาผู่สั่ว
อุโมงค์มิติเปิดออกที่โลกอีกแห่งหนึ่ง อูหลิงอวี่เดินออกมาจากภายในนั้น เมื่อนึกถึงท่าทางโมโหของซือหม่าโยวเย่ว์เมื่อครู่แล้วเขาก็อดที่จะยกมุมปากยิ้มไม่ได้
เขาเรียกกิเลนเพลิงออกมา ให้มันแปลงเป็นร่างเดิมแล้วเขาก็นั่งลงไป
“เจ้านาย ท่าทีเมื่อครู่นี้ไม่เหมือนตัวท่านเลยจริงๆ นะ” กิเลนเพลิงเหาะเหินไปพลางพูดไปพลาง
“หา”
“ท่านคงจะมิได้ต้องการให้นางเป็นผู้หญิงของท่านจริงๆ กระมัง” กิเลนเพลิงถาม
“ไม่ได้ตรงไหนหรือ” อูหลิงอวี่ถามกลับ
“แต่ว่านางแตกต่างกับท่านมากเหลือเกิน แม้กระทั่งหญิงสาวภายในตำหนักเหล่านั้นก็ยังดีกว่านางเป็นร้อยเท่าพันเท่า แล้วท่านไปถูกใจนางเข้าได้อย่างไรกัน” กิเลนเพลิงไม่เข้าใจ ตัวเองไม่อยู่เพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้นเอง เหตุใดเจ้านายที่ไม่เคยใกล้ชิดหญิงใดมาโดยตลอดจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า!
“ข้าชอบอาหารที่นางทำ” อูหลิงอวี่พูดอย่างเรียบเรื่อย
ถ้าหากซือหม่าโยวเย่ว์ได้ฟังคำพูดนี้ เธอจะต้องนึกเสียใจไปถึงไหนต่อไหนอย่างแน่นอน ถ้ารู้ก่อนก็คงไม่ทำอาหารให้เขากินหรอก!
อูหลิงอวี่หัวเราะ อันที่จริงแล้วตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเพราะเหตุใดตนจึงพูดออกไปได้ว่าจะให้นางมาเป็นผู้หญิงของตน แต่ตอนที่พูดออกไปแล้วตนเองกลับมิได้รู้สึกต่อต้านแต่อย่างใด คล้ายกับว่าควรจะทำเช่นนี้อยู่แล้วอย่างไรอย่างนั้น ดวงหน้าน้อยๆ อันดื้อดึงของนาง ความกล้าหาญที่ไม่เคยย่อท้อยามเผชิญกับอันตรายทุกครั้ง อาหารที่ปรุงอย่างล้ำเลิศเหล่านั้น ทุกจุดล้วนแตกต่างจากสตรีนางอื่นทั้งสิ้น
นางก็แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของเขาทีละเล็กละน้อยเช่นนี้เอง
ผู้หญิงของเขา เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกเบิกบาน มุมปากยกยิ้ม คำเรียกหานี้ฟังดูไม่เลวเลยทีเดียว
…………………