บทที่ 40 ความกลัว

ด้วยความที่เป็นบริษัทใหญ่ในเมืองเฉิงไห่ มิดซัมเมอร์กรุ๊ปจึงตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองที่มีตึกสูงกว่า 10 ชั้น เซียวเฟิงที่สวมหมวกเพื่อปลอมตัวปรากฏตัวขึ้นในย่านนั้น ณ จุดที่ไม่ไกลออกไป เขามองไปยังตึกของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปและพบว่าผู้รักษาความปลอดภัยของที่นี่เป็นตำรวจจริง ๆ ทำให้สายตาของชายหนุ่มยิ่งเย็นชาขึ้นไปอีก

3 เดือนผ่านไป เซียวเฟิงไม่คิดว่านายตำรวจคนนั้นจะยังคุ้มกันที่นี่อยู่อีก ชายหนุ่มกดปีกหมวกของเขาลงและหายไปกับฝูงชน

ห้องประธานของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของตึกนี้ หลิวเฉียงเหว่ยกำลังอ่านข้อมูลจากแผ่นกระดาษในมือของเธอ เสื้อสีขาวและกระโปรงสีน้ำตาลช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของหญิงสาว เธอเป็นคนที่มองการณ์ไกล ด้วยความยอดนิยมของเกมมิธ และพลังในอุตสาหกรรมเกมของมิดซัมเมอร์กรุ๊ป ทำให้เธอสามารถเข้าถึงเกมนี้ได้ง่ายมาก

เธอยอมทุ่มทุกอย่าง และคว้าบริษัทมิดซัมเมอร์กรุ๊ปมาครอบครอง ตอนนี้เธอบอกได้เลยว่าตัวเองนั้นคิดถูก แม้ว่าจะมีปัญหาบ้างแต่เธอก็สามารถแก้ไขได้ แต่เมื่อหลิวเฉียงเหว่ยคิดถึงชะตากรรมของตัวเอง หญิงสาวก็ต้องกำหมัดแน่น

เธอจะต้องเป็นผู้เล่นระดับสูงให้ได้!

“เข้ามาได้!”

มีใครบางคนเคาะห้องของเธอ หลิวเฉียงเหว่ยไม่เสียเวลาเงยหน้าขึ้นไปมอง และบอกให้เขาเข้ามาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ประตูก็ยังไม่เปิดทันที ด้วยความสงสัยหลิวเฉียงเหว่ยจึงมองไปที่มัน บางทีเลขาของเธออาจจะเคาะห้องผิดก็ได้

“เธอคือโรสจากกิลด์มิดซัมเมอร์ใช่ไหม?” มีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเธอ

หลิวเฉียงเหว่ยตะลึงพร้อมกับปากกาที่หล่นจากโต๊ะ ทั้ง ๆ ที่ต้องมีแค่เธอในห้องเท่านั้น แต่นี่มัน! หญิงสาวหันหน้ากลับไปก็พบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างและมองมาที่เธอ

“นายเป็นใครน่ะ? แล้วทำไมถึงเข้ามาได้?”

หญิงสาวตกใจเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้เธออยู่ชั้นที่สูงสุด และไม่น่าจะมีใครเข้ามาได้แน่ ๆ นี่เขาต้องเสี่ยงชีวิตขนาดไหนกันนะ! เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็ว และพยายามตั้งสติไว้ จากนั้นก็พยายามคลำหาโทรศัพท์จากบนโต๊ะ

“เปล่าประโยชน์ ฉันตัดสายโทรศัพท์พร้อมกับล็อกประตูไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นห้องนี้ก็เป็นห้องเก็บเสียงซะด้วย นั่นหมายความว่าจะไม่มีใครได้ยินหรือรับรู้อะไรทั้งนั้น”

เซียวเฟิงถอดหมวกที่ใช้ปกปิดตัวตนออก แล้วหันมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา เขาเดินตรงเข้ามาหาหลิวเฉียงเหว่ย หน้าต่างด้านหลังของชายหนุ่มพัดเอาลมเข้ามาจนผมของเขาพลิ้วไปมา

“นายต้องการอะไร? เดี๋ยวนะ… นายนี่เอง เจ้านักบวชคนนั้น!”

เสียงหลิวเฉียงเหว่ยเย็นชาดั่งดอกบัวในแดนน้ำแข็ง แต่เธอไม่อาจเก็บความตระหนกในใจไว้ได้ หญิงสาวหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็พบว่ามันใช้งานไม่ได้จริง ๆ

ถึงในเกมเซียวเฟิงจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาบางส่วน แต่ก็ยังคงมีเอกลักษณ์เฉพาะบางอย่างที่คงเดิมเป๊ะ ๆ จึงไม่ยากหรอกถ้าใครจะจำเขาได้ ไนท์ คูนเนอร์เองก็จำเขาได้ทันทีในโลกจริง ๆ

“ดูเหมือนว่าฉันจะมาหาถูกคนซะด้วย เธอคือประธานของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปใช่ไหม ทำไมเธอถึงส่งคนมาสืบเรื่องของฉัน?” เซียวเฟิงนั่งลงบนโต๊ะและถามหลิวเฉียงเหว่ยที่กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้

โรสเองก็พยายามปลอมตัวในเกมเหมือนกัน แต่ก็ไม่อาจปกปิดใบหน้าที่สวยงามของเธอในเกมได้ ซึ่งในโลกความเป็นจริงนั้นหลิวเฉียงเหว่ยก็น่ามองกว่าซือเยี่ยจิ๋ง และเซียวเฟิงก็ตกตะลึงกับความสวยของเธอ หญิงสาวมีผิวที่สวยงาม และผมสีดำคลับ ดวงตาที่คมคายมีเสน่ห์ชวนหลงใหลพร้อมด้วยปากสีชมพู เธอคือที่สุดแห่งความสวยที่ยากจะหาใครเปรียบได้ นี่คือหญิงสาวที่สวยที่สุดแล้ว!!

แม้ว่าเธอจะมีอายุแค่ 20 แต่ชายทุกคนคงยอมที่จะเสียทุกอย่างเพื่อเชยชมความงามของเธอแน่ เสื้อขาวและกระโปรงสีน้ำตาลนั่นช่วยเสริมรูปร่างของเธอได้เป็นอย่างดี รูปร่างของเธอนั้นสูง และผอมเพรียว ด้วยลำคอที่ได้รูป ข้อมือที่เรียวบาง และเอวที่เข้ารูป

หญิงสาวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ มองมายังชายหนุ่มเงียบ ๆ ตัดสินจากใบหน้าของเธอแล้ว ไม่น่าจะมีใครกล้าทำร้ายเธอหรอก แต่เซียวเฟิงคงไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่ ๆ

“ความโกรธของฉันก็มีขีดจำกัดเหมือนกันนะ เธอไม่ใช่คนแรกที่ฉันมาหา และฉันจะถามเธออีกครั้ง เขาส่งเธอมาสืบเรื่องของฉัน? หรือใครบอกให้เธอยึดบริษัทนี้?” เซียวเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว แต่เขาก็ยังสงบสติอยู่

“ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดถึงอะไรอยู่ และฉันไม่สนหรอกว่านายจะเข้ามาที่นี่ได้ยังไง แต่ช่วยออกไปแต่โดยดีได้ไหม ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจ!” หลิวเฉียงเหว่ยมองลึกไปยังดวงตาของเซียวเฟิง และพยายามสงบสติเอาไว้ ชายคนนี้ทำให้เธอกลัวก็จริง แต่เธอก็อยากจะให้เขาออกไปจากที่นี่แต่โดยดี

“หืม ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของเธอในตอนนี้สินะ” เซียวเฟิงส่ายหัว โน้มตัวลงมาหาหลิวเฉียงเหว่ย เขาได้กลิ่นกายหอม ๆ ของเธอ ทว่าหญิงสาวก็ยังคงสีหน้าตามเดิมเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจจับไปที่ลำคอระหงของหลิวเฉียงเหว่ย

“ทำอะไรน่ะ! ปล่อยฉันนะ!”

ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น และนุ่มละมุนของผิวเธอ เขาสามารถหักคอของเธอได้อย่างง่ายดายแค่เพียงออกแรงนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น

หลิวเฉียงเหว่ยกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว พยายามขัดขืน ทุบตีเขาด้วยกำลังอันน้อยนิด หากแต่ฝ่ามือของเซียวเฟิงนั้นก็แข็งแกร่งเหลือเกิน ชายหนุ่มออกแรงบีบมากขึ้น เขายกตัวเธอขึ้นมาจนหญิงสาวเริ่มหวาดกลัว ทว่าเธอก็ทำได้เพียงพยายามพยุงตัวเองไม่ให้ขาดอากาศจากแรงยกของเขาพร้อมกับใช้เท้าเตะไปที่เซียวเฟิง

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็แค่ทำให้รองเท้าของเธอหลุดเท่านั้น หญิงสาวไม่สามารถต้านทานเขาได้เลย ชายหนุ่มบีบบังคับเธอให้เดินไปข้างหน้า และมาหยุดอยู่ที่หน้าต่างบานซึ่งถูกเปิดไว้

“สามเดือนที่ผ่านมา เซี่ยกวางเหว่ย ประธานคนก่อนของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปพลัดตกตึกตาย เธอเคยได้ยินข่าวนี้ไหม?” ดวงตาของเซียวเฟิงนิ่งสงบ เขาดันตัวเธอออกไปด้านนอกหน้าต่าง ตอนนี้ร่างของหลิวเฉียงเหว่ยกำลังลอยอยู่เหนือตึกสูงสิบชั้น

“นายเป็นคน… ฆ่าเขา…”

ทั้งอาการขาดอากาศ และเสียงลมด้านนอก มันผสมรวมกัน… ทำให้ใบหน้าของเธอเริ่มกลายเป็นสีม่วงคล้ำ หญิงสาวไม่กล้าขัดขืนอีกแล้ว เธอกลัวเอามาก ๆ ว่าถ้าเกิดเขาปล่อยมือขึ้นมาเธอจะต้องตายแน่ ๆ หลังจากได้ยินที่เขาพูดออกมา ดวงตาของหลิวเฉียงเหว่ยก็เบิกกว้างขึ้น ยิ่งเธอขาดอากาศมากเท่าไหร่ก็ยิ่งจับมือของเซียวเฟิงแน่นมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อหญิงสาวเห็นผู้คนที่อยู่ด้านล่างพร้อมกับเสียงลมที่พัดเข้ามาปะทะร่าง หญิงสาวก็ไร้เรี่ยวแรงทันที ความหวาดกลัวที่จะถูกโยนลงมาจากตึกสิบชั้นทำให้เธอสิ้นหวังไปกันใหญ่ ความกลัวตายกัดกินเข้าไปถึงจิตใจ หลิวเฉียงเหว่ยเริ่มหมดสติเพราะขาดอากาศจะหายใจ นี่ฉันกำลังจะตายเหรอ? ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างที่ประธานคนก่อนของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปที่ตายไป…

เงาสีเทาปรากฏบนดวงตาของเธอ และใบหน้าของหลิวเฉียงเหว่ยก็เริ่มเป็นสีม่วง แต่หญิงสาวยังไม่สิ้นหวัง เธอพยายามขัดขืนอีกครั้ง ไม่! เธอจะตายไม่ได้! ความรู้สึกมากมายปนไปในดวงตาของหลิวเฉียงเหว่ย ท้ายที่สุดแล้วเธอก็มองไปยังชายคนนี้อย่างเรียบเฉย

เสียงน้ำสาดดังออกมา

น้ำเย็น ๆ ถูกสาดใส่ใบหน้าของหลิวเฉียงเหว่ยให้ตื่นจากอาการโคม่าเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้น ก็ต้องใช้เวลาราว ๆ 1 นาทีก่อนที่เธอจะจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้

เธอยังไม่ตาย!

ในตอนนี้หลิวเฉียงเหว่ยกลับเข้ามาอยู่ข้างในห้องทำงานเธอแล้ว ใบหน้าของหญิงสาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำเย็นที่ชโลมไปถึงเส้นผม ทำให้ยิ่งน่าดึงดูดมากขึ้นไปอีก

เซียวเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม ใช้สายตามองมายังเธอ

“ขอบคุณ…”

หลิวเฉียงเหว่ยเอ่ยปากขอบคุณเขา แต่เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดีว่าทำไมเธอถึงต้องขอบคุณชายที่กำลังจะฆ่าเธอด้วย ในตอนนี้หลิวเฉียงเหว่ยรู้สึกหนาวจนต้องนั่งกอดเข่าตัวเองไว้ และมองไปยังเซียวเฟิงด้วยใบหน้าที่สิ้นหวัง “นายอยากจะรู้อะไรล่ะ? ฉันจะบอกให้หมดเลย…”

“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำเท่าไหร่ แต่ถ้าเธอจำไม่ได้ล่ะก็… ฉันช่วยได้นะ” เซียวเฟิงนั่งขัดสมาธิ และมองไปยังหญิงสาว ซึ่งมันทำให้เธอกลัว

“ไม่… ฉันจำได้แล้ว…” หลิวมองไปยังเซียวเฟิงด้วยความหวาดกลัว

เธอครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วจึงบอก “ฉันไม่ได้ขอให้ใครตามสืบเรื่องของนายเลยนะ… แต่เดี๋ยวก่อน! ฉันเคยบอกให้เขาตามสืบเรื่องของลูกสาวประธานบริษัทคนก่อนที่ชื่อว่าเซียวหลิง ฉันไม่รู้จักนายจนกระทั่งวันนี้เลยนะ ต้องมีการเข้าใจผิดแน่ ๆ”

เซียวเฟิงขมวดคิ้วกับสิ่งที่หลิวเฉียงเหว่ยพูดออกมา และเขาก็ไม่เชื่อเธอ แต่เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโกหกตนเอง ดังนั้นจึงถามต่อ “ทำไมเธอถึงอยากจะตามสืบเรื่องเซียวหลิง?”

“สามเดือนก่อน เซี่ยกวางเหว่ยประธานคนก่อนกระโดดตึกตาย…” หลิวเฉียงเหว่ยมองเขาอย่างกังวลก่อนจะพูดต่อ “พวกเขาบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ฉันว่าจะต้องมีเรื่องลับลมคมในแน่ ๆ และเพราะฉันเป็นคนซื้อบริษัทนี้มา… ดังนั้นฉันจึงอยากรู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของครอบครัวนี้”

“เธอมีความสัมพันธ์กับเซี่ยกวางเหว่ยอย่างนั้นเหรอ? แล้วใครบอกให้เธอยึดบริษัทนี้?”

“ฉันไม่รู้จักเขาจนกระทั่งซื้อต่อมานี่แหละ… ฉันได้บริษัทนี้มาจากภรรยาของเขา และทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ฉันทำเอง…”

หลิวเฉียงเหว่ยกอดร่างของตัวเองแน่นขึ้นด้วยความหวาดกลัว เธอเริ่มหนาวอีกครั้งเพราะเซียวเฟิงสาดน้ำใส่เธอ

แต่สิ่งสำคัญที่เธอรับรู้ในตอนนี้ก็คือ เซียวเฟิงเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยกวางเหว่ย…