ตอนที่ 62 วิธีป่าเถื่อนในชนบท

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 62 วิธีป่าเถื่อนในชนบท

“เดี๋ยวก่อน เราเคยเจอกันหรือไม่ ?” เกิ่งจื่อเจียงถามเจียงป่าวชิง

เจียงป่าวชิงกำลังดูยาจีนในลิ้นชักเครื่องปรุงยาอยู่ตรงนั้น นางหยิบตันผีออกมาหนึ่งชิ้น จากนั้นก็ดมและพบว่ามันมีกลิ่นหอมเล็กน้อย ผิวภายนอกเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง มีรอยเขียนที่ชัดเจน เนื้อแตกนิดหน่อย ซึ่งประเภทของมันไม่ได้ถือว่ายอดเยี่ยมขนาดนั้น แต่คุณสมบัติยากลับไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมายนัก

ได้ยินเกิ่งจื่อเจียงถามมาเช่นนี้ เจียงป่าวชิงก็พลั้งปากตอบออกไป “ครั้งที่แล้วในหมู่บ้านของเรามีเด็กผู้หญิงตัวเล็กป่วยเป็นโรคเหงื่อเหลือง และข้ากับนางเคยมาหาหมอที่นี่ด้วยกัน”

พูดถึงโรคเหงื่อเหลือง เกิ่งจื่อเจียงก็ถึงบางอ้อในฉับพลัน เขาชกกำปั้นเล็กน้อย “โอ้! ข้านึกออกแล้ว เจ้าเป็นขอทานตัวน้อยคนนั้นเองรึ ?!”

เจียงป่าวชิงเบะปากเล็กน้อย

เกิ่งจื่อเจียงเกิดความสนใจขึ้นทันที เขาเดินเข้าไปใกล้เจียงป่าวชิง เมื่อเห็นนางกำลังเปิดลิ้นชักและหยิบเครื่องปรุงยาข้างในออกมาราวกับกำลังแยกแยะคุณสมบัติของยาทำนองนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามนาง “เจ้ารู้จักเครื่องปรุงยาด้วยรึ ?”

เจียงป่าวชิงไม่มีความลุกลี้ลุกลนแม้แต่น้อย “ไม่รู้จักหรอก ข้าเพียงแค่ดูไปเรื่อยเปื่อย”

เกิ่งจื่อเจียงมองนางอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เจียงป่าวชิงกลับไม่สนใจเขาเลย

เกิ่งจื่อเจียงจึงต้องล้มเลิกไปเอง เขาอ้าปากหาวเล็กน้อย จากนั้นก็เกาศีรษะและนอนคว่ำหน้าลงกับตู้สินค้าต่อ  เขานั้นไม่รู้สึกเป็นกังวลเลยว่าหมอที่ห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิจะบอกว่ายาพวกนั้นเป็นยาปลอม เพราะแม้แต่หมอที่ไม่ชำนาญในการรักษาอย่างเขายังสามารถมองเห็นรายละเอียดที่ประณีตในใบสั่งยาที่ดูเหมือนง่าย ๆ นั้นได้ และเขาไม่เชื่อว่าหมอที่ทำอาชีพนี้มาตลอดเหล่านั้นจะดูไม่ออก

ตอนที่ความอดทนของฉือเชียนเชียนใกล้จะถึงขีดสุด ชิวเย่ก็ถือห่อยากลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของชิวเย่ ในใจฉือเชียนเชียนก็เหมือนมีอะไรมากระทบกันทันที นางจึงรีบถามอย่างรวดเร็ว “ยานี้มีปัญหาจริง ๆ อย่างนั้นรึ ?!”

ชิวเย่ก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย “มะ… ไม่ใช่เจ้าค่ะคุณหนู หมอที่ห้องโถงหวงคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิบอกว่ายานี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร”

ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทว่าใบสั่งยานี้กลับทำให้นางเกือบออกมาจากที่ห้องโถงหวงคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิไม่ได้อยู่รอมร่อ!

ตอนที่หมอในห้องโถงหวงคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิเห็นใบสั่งยานี้ พวกเขาก็รู้ว่านี่เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ หลังจากที่พวกเขาแยกแยะจนละเอียดดีแล้ว พวกเขาก็ตบขาดังฉาดและจับนางมาถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่าเป็นหมอที่ไหนที่ออกใบสั่งยานี้ให้นาง หากไม่ใช่เพราะนางบอกว่านี่เป็นวิธีป่าเถื่อนที่ถ่ายทอดออกมาจากในหมู่บ้านบนภูเขาที่คนอื่นเคยบอกนาง นางก็เกือบจะไม่สามารถออกจากประตูห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว

นอกจากนี้ หมอที่ห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิก็เกือบจะชื่นชมและยกย่องใบสั่งยานี้อยู่แล้ว

ชิวเย่รู้สึกแค้นใจเล็กน้อย แต่นางกลับไม่กล้ากระทำการใดที่อาจก่อเกิดปัญหากับร่างกายของฉือเชียนเชียน ดังนั้น นางจึงต้องกลับมารายงานตามความจริงว่าใบสั่งยานี้ไม่ได้มีปัญหาใดเลย

แต่ทว่าหมดเพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องการชมเชยที่หมอพวกนั้นมีต่อใบสั่งยานี้ นางกลับไม่พูดถึงแม้แต่น้อย  นางจะไม่ยอมให้เจียงป่าวชิงได้หน้าได้ตาต่อหน้าฉือเชียนเชียนเด็ดขาด!

ในเมื่อใบสั่งยานี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉือเชียนเชียนจึงดีใจมาก นางโยนเงินก้อนโตลงไปบนตู้สินค้า

เกิ่งจื่อเจียงตกตะลึงไปทันที “คุณผู้หญิงท่านนี้ ไม่ต้องจ่ายมากขนาดนี้ก็ได้…”

ฉือเชียนเชียนจ้องเขาอย่างกดดัน “วันหลังข้ายังจะให้สาวใช้มาเอายาเพิ่มอีก”

ยาจีนใช่ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยการกินยาหนึ่งชุดหรือสองชุด ฉือเชียนเชียนเข้าใจหลักการนี้ดี เพียงแต่เดิมทีเครื่องปรุงยานี้ก็เป็นเครื่องปรุงยาง่าย ๆ ธรรมดาอยู่แล้ว แม้ว่าจะกินมันเป็นเวลาหนึ่งปี แต่ราคาก็ไม่ถึงกับเงินเท่าที่นางวางมานี้ด้วยซ้ำ

เกิ่งจื่อเจียงยังคงอยากพูดอะไรอีก แต่ฉือเชียนเชียนกลับพูดเตือนขึ้นมาเสียก่อน “อีกอย่าง หากว่าข้าได้ยินข่าวลือที่ไม่ดีแพร่กระจายออกไป ข้าจะทุบร้านเจ้าทิ้งเสียให้สิ้น!”

เกิ่งจื่อเจียงหุบปากอย่างตะลึงพรึงเพริด เข้าใจแล้ว… เงินที่ให้เกินมาก็คือค่าปิดปากนั่นเอง

ฉือเชียนเชียนเหลือบมองเจียงป่าวชิง นางเอียงตาและเบะปากเหมือนผู้มีเมตตากรุณาทำนองนั้น “ส่วนเรื่องกระโปรงของคนชั้นต่ำอย่างเจ้า ข้าจะให้เป็นรางวัลสำหรับเจ้าก็แล้วกัน แต่ถ้าข้าได้ยินข่าวลืออะไรที่ไม่ดี เจ้าก็เตรียมตัวเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในคุกได้เลย!” พูดเสร็จนางก็เดินนำชิวเย่ผู้เป็นสาวใช้กับพวกข้ารับใช้คนอื่น ๆ ออกไป

เหลือไว้เพียงเกิ่งจื่อเจียงที่กำลังมองเจียงป่าวชิงด้วยความมึนงง “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”

เจียงป่าวชิงอธิบายสถานการณ์สั้น ๆ “คุณผู้หญิงคนนั้นนางชอบชุดกระโปรงของข้า แต่ข้าไม่เต็มใจที่จะยกให้นาง นางจึงโกรธและพาลจะจับข้า  ข้าจึงต้องอุทิศใบสั่งยานี้เพื่อป้องกันตัวเองเจ้าค่ะ”

“เจ้าก็เป็นคนที่ได้รับความเดือดร้อนที่ไม่มีเค้าลางมาก่อนเช่นกัน” เกิ่งจื่อเจียงจะเข้าไปตบไหล่เจียงป่าวชิงด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่เจียงป่าวชิงกลับเอียงตัวหลบ เกิ่งจื่อเจียงจึงตบได้เพียงความว่างเปล่า

เกิ่งจื่อเจียงหน้าเหยเกเล็กน้อย  เขาเห็นเจียงป่าวชิงกำลังจะกลับ จึงรีบเรียกนางไว้ก่อน “ประเดี๋ยว! รอก่อน”

เจียงป่าวชิงหยุดฝีเท้าลงด้วยความงุนงง นางเห็นเกิ่งจื่อเจียงค้นหลังตู้สินค้าสักพัก จากนั้นเขาก็เดินถือสิ่งของบางอย่างตามมา

ตอนที่ของสิ่งนั้นถูกนำมาวางในฝ่ามือเจียงป่าวชิงโดยเกิ่งจื่อเจียง นางถึงจะเห็นว่ามันเป็นเศษเงินซึ่งมีจำนวนมากอยู่พอสมควร ทั้งยังหนักเอาการอีกด้วย

เกิ่งจื่อเจียงยังคงรู้สึกเกรงใจอยู่เล็กน้อย “สาวน้าย หากว่ากันตามหลักแล้ว เจ้าเป็นคนออกใบสั่งยาที่ดีขนาดนี้ ข้าก็ควรที่จะให้เงินทั้งหมดกับเจ้า แต่หลัก ๆ คือเครื่องปรุงยาเหล่านี้ก็มีต้นทุนเช่นกัน…”

เจียงป่าวชิงกำเศษเงินเหล่านั้นไว้ เวลานี้มีหลากหลายความรู้สึกที่อยู่ในใจของนาง

พูดตามความจริง ครั้งนี้นางไม่ได้ตั้งใจจะฉวยเงินจากที่นี่เลยด้วยซ้ำ ที่นางพาพวกฉือเชียนเชียนมาที่นี่ ก็เพียงเพราะรู้สึกว่าเกิ่งจื่อเจียงผู้นี้เป็นคนดี จึงอยากให้เขามีรายได้ก็เท่านั้น

สามารถรักษากระโปรงของตนเองได้จากคนที่เรียกได้ว่าระดับสูงเช่นนั้น เจียงป่าวชิงก็รู้สึกพอใจมากแล้ว ส่วนเศษเงินที่ใช้เป็น ‘ค่าตรวจโรค’ พวกนี้ ก็ถือว่าเป็นความสุขใจที่เกินความคาดหมายก็แล้วกัน

แม้ว่าจะมีเงินแล้ว แต่เจียงป่าวชิงก็จะไม่หยุดหารายได้ นางยิ้มอย่างเจิดจรัสและยัดเศษเงินที่ปริมาณค่อนข้างมากลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง “ข้าต้องการซื้อของมากมายและขาดเงินอยู่พอดี ถ้าอย่างนั้นไม่ปฏิเสธแล้วนะเจ้าคะ”

……

เศษเงินพวกนี้นำมาซึ่งการมีเงินทุนจำนวนมากในการซื้อสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันของเจียงป่าวชิง ทันใดนั้น เจียงป่าวชิงก็มีภาพลวงตาที่เห็นตัวเองกลายเป็นเศรษฐีนีขึ้นมา

ทว่าเมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น เวลาที่เหลือให้เจียงป่าวชิงซื้อของกลับก็มีไม่เยอะแล้ว นางจึงต้องรีบลงมืออย่างเร่งด่วน

เจียงป่าวชิงใช้เงินสามสลึงซื้อตะกร้าหวายมาจากริมถนน และซื้อพวกจานชามกับของที่ใช้สำหรับรับประทานอาหารมาจากในร้านที่ค่อนข้างเป็นของดีราคาถูกที่นางเพิ่งเลือกเมื่อสักครู่ จากนั้นก็นำไปวางด้วยกัน

เนื่องจากในบ้านมีกันเพียงสองคนพี่น้อง ของที่ซื้อมาจึงถือว่าไม่เยอะและไม่หนักเท่าไหร่นัก เจียงป่าวชิงถือได้อย่างสบายพอสมควร

หละงจากนั้น นางก็ไปที่ร้านขายเมล็ดพันธุ์พืชที่อยู่ติดกัน เพื่อซื้อเมล็ดพืชผักและผลไม้มาสองสามห่อ

เจียงป่าวชิงไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งที่ดินห้าไร่ที่เอากลับมาจากท่านปู่เจียงให้รกร้าง

นางหิ้วตะกร้าและตั้งใจจะไปซื้อพวกเครื่องนอนกับปุยฝ้าย เพื่อนำกลับไปทำผ้าห่มและที่นอนด้วยตัวเอง อย่างไรเสียนางกับพี่ชายก็ไม่สามารถนอนบนกองหญ้าได้ตลอดไป  การนอนบนกองหญ้านั้น ทำให้ตื่นมาในทุก ๆ เช้าจะต้องทำความสะอาดเส้นผมกับเสื้อผ้าก่อน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ยุ่งยากอยู่พอสมควร

อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าตอนที่นางกำลังผ่านหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง ประตูสีแดงสดของบ้านหลังนั้นกลับเปิดออกอย่างกะทันหัน จากนั้นคนที่แต่งตัวเป็นข้ารับใช้นายหนึ่งก็โยนหญิงชราที่ถูกอุดปากและมัดมือมัดเท้าออกมานอกบ้าน

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาพากันหลีกเลี่ยงแต่ก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นควบคู่ไปด้วย แต่แม้ว่าจะเกิดความอยากรู้อยากเห็นเพียงใด พวกเขาก็ยังคงยืนดูอยู่ห่าง ๆ  เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะหาเรื่องยุ่งยากให้ตัวเอง

เดิมทีเจียงป่าวชิงก็ไม่เต็มใจที่จะหาเรื่องยุ่งยากให้ตัวเองเช่นกัน ทว่าตอนที่นางกำลังจะเดินอ้อมไปทางอื่น กลับพบว่าคนที่กำลังตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นดูคล้ายกับป้าตู่อยู่พอสมควร

เมื่อนางเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็นป้าตู่จริง ๆ

ข้ารับใช้นายนั้นยืนอยู่ตรงหน้าป้าตู่ เขามองป้าตู่ที่ตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า และพูดเสียดสีใส่นาง “ผู้หญิงบ้านนอกอย่างเจ้านี่น่าสนใจมากเลยจริง ๆ หลานสาวของเจ้าลงนามในสัญญาการตายและขายให้ตระกูลหยางของพวกข้าในฐานะสาวใช้ ตอนนี้เจ้ากลับถ่อสังขารมาถึงที่บ้านของพวกข้าและโวยวายหาว่าหลานสาวของเจ้าแต่งเข้ามาในตระกูลหยางของพวกข้า ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ!”

ผู้คนที่กำลังดูเรื่องสนุกอยู่ได้ยินเหตุการณ์นี้เข้า พวกเขาก็พากันนินทาป้าตู่ที่กำลังตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น คำที่นางพูดพ่นออกมานั้นก็ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่นัก

กว่าป้าตู่จะคายผ้าขี้ริ้วที่อุดอยู่ในปากออกมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ใบหน้านางแดงก่ำ จากนั้นนางก็ส่งเสียงตะโกนเหมือนกับหมูถูกเชือดอย่างไรอย่างนั้น

“แล้วหลานสาวข้าล่ะ ?! เจ้าให้หลานสาวข้าออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”

.