เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พริบตาเดียว ผ่านไปสองเดือนแล้ว

หิมะฤดูหนาวค่อยๆ ละลาย ทุ่งหญ้าสดใส ป่าลึกเขาซีซาน เป็นเดือนฤดูใบไม้ผลิ

ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินอยู่ในป่า มีคำว่าลู่ปักอยู่บนเสื้อ

“คุณชายลู่ฝาน คุณชายลู่ฝาน!”

ชายหนุ่มเดินพลางตะโกนเรียก นี่เป็นวิธีตามหาลู่ฝาน ที่เบื้องบนบอกเขามา แต่เขาตะโกนตลอดทางแล้ว เสียงดังก้องในป่าทึบ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับเลย

ชายหนุ่มลูบลำคอ ตะโกนจนคอแห้ง แต่เขาเป็นองครักษ์ตัวเล็กๆ ของตระกูลลู่ เขาต้องทำสิ่งที่ผู้นำตระกูลมอบหมาย ให้สำเร็จ

ตะโกนเรียกต่อไป ทันใดนั้น มีเสียงดังขึ้นที่พุ่มไม้ข้างๆ ชายหนุ่มพูดอย่างตกใจ “ใช่คุณชายลู่ฝานหรือเปล่า”

ยังไม่ทันพูดจบ หมาป่าตาสีฟ้าตัวหนึ่ง กระโดดออกมา

ตัวหมาป่าสูงประมาณคน สีดำทั้งตัว ข้างในตามีแสงสีฟ้า

ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง หมุนตัวเอากระบี่ยาวตรงเอวออกมา พละกำลังการต่อสู้ของหมาป่าตาสีฟ้า โตเต็มวัย ทัดเทียมกับนักบู๊ระดับแดนฝึกร่างชั้นหก แต่เขาอยู่แค่ระดับแดนฝึกร่างชั้นสี่เท่านั้น ครั้งนี้ซวยแล้ว

หมาป่าตาสีฟ้าจ้องชายหนุ่มเขม็ง เริ่มเคลื่อนไหวไปรอบๆ อย่างช้าๆ

ชายหนุ่มเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก การตะโกนเรียกของตัวเอง หาคุณชายลู่ฝานไม่เจอ แต่กลับเรียกหมาป่าออกมา ช่างน่าเศร้าจริงๆ

จู่ๆ หมาป่าตาสีฟ้าพุ่งเข้ามา กระโจนเข้ามาหาชายหนุ่ม แล้วอ้าปากกว้าง

ชายหนุ่มฟาดกระบี่ลงไป แต่พลานุภาพกระบี่ ยังไม่ทันออกมา ตัวกระบี่โดนหมาป่าตาสีฟ้ากัดเอาไว้ จากนั้นใช้แรงสะบัด กระบี่ยาวกระเด็นออกจากมือ

ชายหนุ่มรีบถอยหลัง ไม่มีกระบี่แล้ว เขาต้องใช้แรงมาก ในการจัดการกับหมาป่าตาสีฟ้า

หมาป่าตาสีฟ้าคำรามใส่เขาเบาๆ จากนั้นกระโจนเข้ามาอีกครั้ง

ชายหนุ่มพูดในใจเบาๆ ชีวิตฉันจบแล้ว

ขณะนั้น มีลมแรงพัดมาจากในป่า หมาป่าตาสีฟ้าโดนกระแทกจนกระเด็น ตกลงไปบนพื้น

ชายหนุ่มอึ้งไป หันขวับไปมอง เห็นกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง ปักอยู่ที่หัวของหมาป่าตาสีฟ้าอย่างแม่นยำ

สูดหายใจเฮือก ต้องใช้แรงเยอะขนาดไหน ถึงจะสามารถทำได้

ผู้อาวุโสท่านไหน เป็นคนช่วยเขา

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังตกตะลึง มีเงาคน เดินออกมาจากในป่า ใบหน้าสง่างาม กล้ามเนื้อแข็งแกร่ง แผลเป็นเต็มตัว มีหินก้อนเล็กๆ แขวนอยู่ที่คอ ต้องเป็นลู่ฝานอย่างไม่ต้องสงสัย

“คุณชายลู่ฝาน คุณคือคุณชายลู่ฝานใช่ไหม”

ชายหนุ่มพูดอย่างตื่นเต้น ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ฉันเอง นายเป็นคนตระกูลลู่ มาหาฉันทำไม”

ชายหนุ่มรีบพูดว่า “คุณชายลู่ฝาน คุณลืมแล้วเหรอ วันนี้เป็นวันล่าสัตว์ที่เขาซีซานของแต่ละตระกูลใหญ่ ผู้นำตระกูลรอคุณอยู่ที่ตีนเขา ให้คุณรีบไป”

ลู่ฝานอ้าปากค้าง เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ ช่วงนี้ฝึกวิชาอย่างบ้าคลั่ง จนลืมเรื่องสำคัญไปหมด

ลู่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเค งั้นเราไปกันเถอะ”

พูดพลาง ลู่ฝานเดินไปด้านล่างภูเขา

ชายหนุ่มเดินตามหลังลู่ฝาน มองแผ่นหลังลู่ฝาน และมองหมาป่าตาสีฟ้า ที่นอนตายอยู่อีกด้าน คิดในใจเงียบๆ

ครั้งนี้คุณชายลู่ฝาน ต้องทำให้ทุกคนประหลาดใจแน่นอน!

ไม่ใช่สิ บางทีอาจเรียกว่าตกใจถึงจะถูก

……

หอคอยสูง ที่ตีนเขา

ทุกปีในช่วงนี้ แต่ละตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงหลิน จะวางหอคอยสูงไว้ที่นี่ แข่งขันล่าสัตว์ แข่งขันบู๊

ต้องส่งคนเข้ามาล่าสัตว์อสูรในเขา เพื่อรักษาความสงบเอาไว้ แต่ตอนนี้ เหมือนสัตว์อสูรในเขาซีซานแทบจะหายไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ อย่างมากเป็นแค่พวกสัตว์ป่าเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ ตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลจึงเอาประเพณีล่าสัตว์มอบให้ทายาทรุ่นหลัง และเพิ่มการแข่งขันบู๊เข้าไปด้วย ใช้แก้ไขความขัดแย้งของตระกูลใหญ่แต่ละตระกูล

ประเพณีนี้ สืบเนื่องต่อกันมาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ตระกูลใหญ่สิบตระกูล แก่งแย่งกันเป็นใหญ่ในเมืองเจียงหลิน จนกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างตระกูลลู่กับตระกูลโม่

แต่ปีนี้แตกต่างกัน เพราะปีนี้มีจางเยว่หานเพิ่มเข้ามา ดังนั้นตระกูลจางจึงมีคุณสมบัติในการแย่งกันเป็นใหญ่

ล่างหอคอย คนของแต่ละตระกูลใหญ่ นั่งกันตามลำดับ

นี่เป็นงานใหญ่เพียงงานเดียวในปีนี้ ของเมืองเจียงหลิน ตระกูลที่ร่ำรวยหรือตระกูลที่มีชื่อเสียง ล้วนมารวมตัวกัน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ตระกูลที่นั่งอยู่หน้าสุด คือตระกูลลู่ ตระกูลโม่ ตระกูลจาง นั่งเรียงกัน ห่างกันสิบเมตร

สีหน้านายท่านลู่เฮ่าหราน ไม่ค่อยสู้ดีนัก โม่เทียน ผู้นำตระกูลโม่ กลับมีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า จางเหยียน ผู้นำตระกูลจาง ก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเช่นกัน

“ตาเฒ่าลู่ ทายาทของตระกูลนาย ไม่ได้เรื่องจริงๆ ลู่หมิงไปสถาบันสอนวิชาบู๊สามเดือน คิดไม่ถึงว่าจะไม่ก้าวหน้าสักขั้น ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”

ขณะที่โม่เทียนได้ใจเหลือล้น ก็ไม่ลืมพูดแซะลู่เฮ่าหราน ไม่ใช่เหตุผลอื่นใด เพราะโม่หยุนเฟย ของตระกูลพวกเขา ใกล้จะฝึกพลังปราณออกมาได้แล้ว ขาดแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่ลู่หมิงของตระกูลลู่ ยังอยู่แค่ระดับแดนฝึกร่างชั้นแปด ไม่ได้แตกต่างจากสามเดือนก่อนเท่าไรนัก

ลู่เฮ่าหรานพูดอย่างราบเรียบ “โม่หยุนเฟยของตระกูลนาย เข้าสถาบันสอนวิชาบู๊หนึ่งปีแล้ว ยังฝึกพลังปราณไม่ได้ ก็ไม่ต่างกันนะ”

โม่เทียนหัวเราะ แล้วพูดว่า “ตาเฒ่าลู่ นายกำลังหลอกตัวเองอยู่เหรอ นายรู้อยู่แล้วว่าหยุนเฟย ใกล้จะฝึกได้แล้ว อย่าบอกนะว่าสายตาของนาย ถดถอยจนถึงขั้นนี้แล้ว”

ลู่เฮ่าหรานส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรอีก

โม่เทียนเห็นลู่เฮ่าหรานยอมแพ้ ยิ่งหัวเราะอย่างชอบใจเข้าไปใหญ่