ลู่เฮ่าหรานหันไปถามลู่หาวที่อยู่ด้านหลังด้วยเสียงเบา “ลู่ฝานล่ะ ไอ้เด็กนี่ไปไหนแล้ว ยังไม่กลับมาเหรอ”

ลู่หาวเห็นพ่อไม่พอใจ ไม่กล้ารอช้า รีบพูดว่า “ส่งคนไปหาแล้วครับ อีกไม่นานน่าจะถึงครับ”

ขณะกำลังพูด มีเสียงดังขึ้นข้างหลัง ลู่หาวหันไปมอง เห็นลู่ฝานพาองครักษ์ของตระกูลลู่ เดินเข้ามา

ตอนนี้ คนอื่นก็สังเกตมาทางลู่ฝานเช่นกัน เห็นสภาพลู่ฝาน พากันหัวเราะออกมาแทบจะทุกคน

“นี่ศิษย์ตระกูลไหนกัน ไม่ได้เรื่องจริงๆ เขาไม่รู้เหรอว่าควรแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วค่อยมา”

“ดูเขาน่าเวทนาขนาดไหน ฮ่าๆ กางเกงขาดขนาดนี้ จะโดนคนเสียมารยาทใส่ไม่ใช่เหรอ”

“ฉันนึกออกแล้ว เขาคือลู่ฝานแห่งตระกูลลู่ ไอ้สวะนี่ มาที่นี่ทำไม มาทำให้ขายหน้าหรือไง”

“ฉันได้ยินว่าเขาไม่ใช่สวะแล้วนะ ตอนเทศกาลประจำปี เขาปรากฏตัวอย่างโหดเหี้ยมเลยนะ”

“นายเชื่อด้วยเหรอ ตระกูลลู่ต้องสร้างเรื่องหลอกลวงขึ้นมาแน่ๆ สวะก็คือสวะ!”

……

ลู่ฝานไม่สนใจการถกเถียงของคนอื่น เดินตรงไปหาลู่หาว

ลู่หาวเห็นสภาพของลู่ฝาน สีหน้าแปลกประหลาดเล็กน้อย ลู่เฮ่าหรานขมวดคิ้ว มาถึงก็ทำให้เขาขายหน้าแล้ว

ลู่ฝานเดินมาด้านหลังลู่หาว แล้วพูดว่า “พ่อ”

ลู่หาวบอกให้ลู่ฝานนั่งลงก่อน จากนั้นพูดเบาๆ ว่า “ทำไมนายอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่รู้เหรอว่าวันนี้ตระกูลต่างๆ อยู่ที่นี่ด้วย”

ลู่ฝานพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ฝึกฝนไง หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะดูน่าเวทนาหน่อย”

ลู่หาวโบกมือไปมา แล้วพูดว่า “ช่างเถอะๆ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้ผลการฝึกตนของนาย เป็นอย่างไรบ้าง”

ลู่ฝานฉีกยิ้ม แล้วพูดว่า “ไม่ทำให้พ่อผิดหวังหรอก”

ลู่หาวได้ยินก็หัวเราะออกมา ตบไหล่ลู่ฝาน

ครั้งก่อนลู่ฝานพูดประโยคนี้ ทำให้เขาแปลกใจมาก หวังว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน

โม่เทียนหันมามองลู่ฝานเหมือนกัน จากนั้นหัวเราะ แล้วพูดว่า “ตาเฒ่าลู่ การอบรมของตระกูลนาย น่าสนใจจริงๆ ไม่สอนให้คนใส่เสื้อผ้าให้ดีหรือไง”

ลู่เฮ่าหรานเบิกตาโตมองโม่เทียน แล้วพูดว่า “ตาเฒ่าโม่ นายไม่รู้สึกว่านายกำลังพูดไร้สาระ มากเกินไปหน่อยเหรอ นี่เรียกว่าอิสระ ตอนนายวัยรุ่น ยังแก้ผ้าวิ่งอยู่เลย คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ”

โม่เทียนสีหน้าอึมครึม คิดไม่ถึงว่าลู่เฮ่าหราน จะขุดอดีตอันดำมืดของเขาออกมาในเวลานี้ เขาส่งเสียงหึ และไม่สนใจลู่เฮ่าหรานอีก

แต่จางเหยียน ผู้นำตระกูลจาง ที่อยู่ข้างๆ โม่เทียน กลับสนใจมาก ถามเบาๆ ว่า “เจ้าบ้านโม่ คุณแก้ผ้าวิ่งจริงๆ เหรอ”

โม่เทียนหันมาเบิกตาโตใส่จางเหยียน จางเหยียนหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ถามอะไรอีก

ทันใดนั้น เสียงกลองดังขึ้น กลองใหญ่สองด้านของหอคอย ถูกตีขึ้นมาพร้อมกัน

เสียงกลองดังสนั่น จนฝูงนกบินหนี เสียงกลองในตอนนี้ บ่งบอกว่าคนที่เข้าไปล่าสัตว์ในเขา กลับมาพร้อมความสำเร็จ

ทันใดนั้น ทุกคนยืดคอมองเข้าไปในเขา เห็นเงาคนเป็นสิบเดินออกมาจากไกลๆ

คนเหล่านี้เป็นลูกศิษย์ที่แต่ละตระกูลส่งออกมา วันนี้พวกเขาล่าสัตว์ได้เท่าไร จะเป็นการตัดสินผลการแข่งขันล่าสัตว์ในรอบแรก

คนที่เดินมาข้างหน้าสุดคือโม่หยุนเฟยกับจางเยว่หาน ในมือของทั้งสอง มีสัตว์ที่ล่าได้ เต็มไปหมด พวกองครักษ์ข้างๆ รีบเข้าไปรับ และเริ่มนับจำนวน

เปรียบเทียบกับสองคนนี้ ผลการต่อสู้ของคนอื่น ไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น ส่วนใหญ่ล่าได้ประมาณ 1-2 ตัว

สายตาคนตระกูลลู่กำลังมองหาลู่หมิง ตอนนี้พวกเขาหวังว่าลู่หมิงจะโชคดี จำนวนสัตว์ที่ล่าได้มากกว่าโม่หยุนเฟยและจางเยว่หาน

เพราะการแข่งขันบู๊รอบที่สองบนหอคอย ลู่หมิงต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นถ้าชนะรอบนี้ได้ อาจกู้หน้ากลับมาได้นิดหน่อย

แต่ความจริงกระแทกเข้ามาในสายตาของคนตระกูลลู่อย่างไร้เยื่อใย ท้ายสุดของกลุ่มคน ลู่หมิงเดินกลับมาแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่มีสัตว์ที่ล่าได้สักตัว

ภาพนี้ ทำให้ลู่ฝานเห็นแล้ว ถึงกับขมวดคิ้ว ลู่หมิงไม่ควรขายหน้าขนาดนี้นะ

ลู่เฟิงพ่อของลู่หมิงเดินเข้าไปทันที จับไหล่ลู่หมิง ลู่เฟิงถามด้วยเสียงดังว่า “ลู่หมิง นายเป็นอะไรไป ไหนสัตว์ที่ล่าได้ล่ะ”

ลู่หมิงเงยหน้าขึ้น มองโม่หยุนเฟยอย่างอาฆาต แล้วพูดว่า “โดนเขากับไอ้คนต่ำตมนั่น แย่งไปแล้ว”

ประโยคเดียว ทำให้ทุกคนในที่นี้ได้ยินอย่างชัดเจน

โม่หยุนเฟยแสยะยิ้ม แล้วพูดว่า “ฝีมือเทียบไม่ได้ ยังมีหน้ามาพูดอีก”

จางเยว่หานไม่มองลู่หมิงสักนิด นั่งลงข้างจางเหยียนผู้เป็นพ่อตัวเอง

ลู่หมิงโมโหจนหน้าแดงไปหมด จากนั้นกระอักเลือดออกมา ตอนนี้ลู่เฟิงเห็นรอยฝ่ามือลึก ตรงหน้าอกของลู่หมิง เห็นได้ชัดว่าลู่หมิงได้รับบาดเจ็บ

ลู่เฮ่าหรานเห็นภาพนี้ เขาจ้องโม่เทียน แล้วพูดว่า “ทำร้ายคน แย่งของไป วิธีการช่างดีเหลือเกิน ศิษย์ตระกูลโม่ตามคาดจริงๆ”

โม่เทียนพูดอย่างราบเรียบว่า “ชมเกินไปแล้ว ชมเกินไปแล้ว พิธีกร ประกาศผลการแข่งล่าสัตว์รอบแรกได้หรือยัง ใครเป็นผู้ชนะ”

พิธีกรที่ยืนอยู่ข้างหอคอย รีบเดินขึ้นมาบนหอคอย พูดเสียงดังว่า “การแข่งขันล่าสัตว์รอบแรก โม่หยุนเฟยแห่งตระกูลโม่ จางเยว่หานแห่งตระกูลจาง ล้วนล่าสัตว์ป่ากลับมาได้สิบตัว ได้ที่หนึ่งร่วมกัน”

โม่เทียนขมวดคิ้วเบาๆ จางเยว่หานเหมือนกับโม่หยุนเฟยอย่างนั้นเหรอ นี่มันเกิดอะไรขึ้น

จางเหยียน ผู้นำตระกูลจาง มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ปรบมือเบาๆ ตระกูลอื่นด้านหลัง ก็ส่งเสียงอย่างดีใจ

พิธีกรประกาศเสียงดังว่า “การแข่งล่าสัตว์รอบแรกสิ้นสุดลงแล้ว การแข่งบู๊รอบสอง เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ”

ลู่เฟิงพาลู่หมิงกลับมานั่ง ลู่หมิงพูดด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม “ขอโทษครับ ผมกลัวว่าจะขึ้นไปแข่งไม่ได้แล้ว”

ลู่เฮ่าหรานถอนหายใจเบาๆ อย่าบอกนะว่าการล่าสัตว์ที่เขาซีซานครั้งนี้ ตระกูลลู่ของเขาจะกลับไปพร้อมความพ่ายแพ้งั้นเหรอ

ขณะนั้น ลู่ฝานพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “การแข่งบู๊ ให้ผมทำละกัน”