เสียงของลู่ฝานมั่นคงและมีพลัง ทันใดนั้น ลู่หาวและคนอื่น มองมายังลู่ฝาน

ขณะนั้น ลู่หมิงหัวเราะออกมา ในเสียงหัวเราะ แฝงด้วยความเยาะเย้ย

“นายเหรอ จากพละกำลังระดับแดนฝึกร่างชั้นหกของนาย ถึงขึ้นไป ก็ต้านทานกระบวนท่าเดียวไม่ได้”

ลู่เฟิงขัดไม่ให้ลู่หมิงพูดต่อ ตบเขาเบาๆ ลู่หมิงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพูดผิดหรือไง

ลู่เฮ่าหรานไม่สนใจคำพูดของลู่หมิง จ้องลู่ฝานอยู่อย่างนั้น แล้วพูดว่า “นายมีความมั่นใจเหรอ”

ลู่ฝานพูดอย่างแน่วแน่ “มี!”

ลู่เฮ่าหรานแววตาเป็นประกาย หันไปมองลู่หาวแล้วพูดว่า “นายว่ายังไง”

ลู่หาวคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ในเมื่อลู่ฝานมีความมั่นใจ งั้นให้เขาขึ้นไปเถอะ แย่ที่สุด ก็แค่แพ้เท่านั้น”

ลู่หมิงได้ยิน อดพูดไม่ได้ “อะไรคือแค่แพ้เท่านั้น เขาขึ้นไปมีแต่จะทำให้ขายหน้า บ่งบอกว่าตระกูลลู่ไร้ความสามารถ”

ลู่เฟิงขมวดคิ้ว พูดตำหนิว่า “ลู่หมิง นายพูดอะไร ลู่ฝานเป็นน้องของนาย พูดอะไรระวังหน่อย”

นายอย่าคิดว่าผลการฝึกตนของตัวเอง เพิ่มขึ้นแค่เล็กน้อย ก็จะแบกเกียรติของตระกูลเอาไว้ได้ โม่หยุนเฟยกำลังจะฝึกพลังปราณได้แล้ว ถ้านายเผชิญหน้ากับเขา ต้องโดนโจมตีอย่างเวทนา บนหอคอยไม่สนเรื่องเป็นตาย

ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “ฉันรู้”

ลู่หมิงเห็นท่าทีแน่วแน่ของลู่ฝาน ความไม่พอใจสะสมมานาน แค่สวะคนเดียว คิดอยากจะโดดเด่นขึ้นมา

ลู่หมิงกำหมัดแน่น แล้วพูดกับลู่ฝานว่า “ให้ฉันดูหน่อยว่านายมีความสามารถ ที่จะขึ้นไปแข่งบู๊บนเวที จริงหรือเปล่า”

หมัดของลู่หมิงออกมาพร้อมเสียง หมัดที่เต็มไปด้วยความโกรธ พลังมาพร้อมกับเสียงกระแทกลม พลังของหมัดนี้ เพียงพอที่จะทำลายภูเขาได้

ปึก วินาทีต่อมา ลู่ฝานยกมือรับหมัดลู่หมิงเอาไว้

ง่ายดายและผ่อนคลายมาก ลู่ฝานไม่ต้องลุกขึ้นมาเลย เขาจับหมัดลู่หมิงเอาไว้ แล้วพูดว่า “นายนั่งพักผ่อนให้ดีเถอะ”

พูดจบ เขาใช้แรงสะบัดฝ่ามือ เห็นได้ด้วยตาว่าแขนของลู่หมิงกระเพื่อม ลู่หมิงรู้สึกเหมือนโดนหินก้อนใหญ่ทับ ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้

สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง จู่ๆ ลู่หมิงพูดอะไรไม่ออก

คนที่ตกตะลึง ไม่ได้มีแค่เขา ยังมีลู่เฟิง ที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วย

พวกเขาสองพ่อลูก ไม่คิดว่าพละกำลังของลู่ฝาน จะมากถึงขั้นนี้

ลู่เฮ่าหรานตาเป็นประกาย พูดออกมาว่า “ดี ลู่ฝาน อีกเดี๋ยวฝากนายด้วย”

ลู่ฝานปล่อยหมัดของลู่หมิง ตอนนี้ลู่หมิงเพิ่งเห็นว่าหมัดของตัวเอง ถูกลู่ฝานบีบจนเป็นรอยนิ้วมือทั้งห้า ที่เห็นได้อย่างชัดเจน

ลู่หมิงอึ้งไป ไม่อยากเชื่อความจริงที่ตัวเองเห็น

เป็นไปได้ยังไง คิดไม่ถึงว่าลู่ฝานจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ลู่หมิงรับไม่ได้ กับความจริงที่ลู่ฝานเหนือกว่าเขา สีหน้าไม่สู้ดีขึ้นมาทันที

นี่เพิ่งผ่านไปแค่สามเดือน แค่สามเดือนเองนะ!

ลู่หาวหัวเราะจนหุบปากไม่ได้แล้ว ไม่ว่าอีกเดี๋ยวลู่ฝาน จะแสดงออกมาอย่างไร แค่ภาพเมื่อครู่ ก็ทำให้เขามีความสุขไปสามวันแล้ว

บนหอคอย การแข่งบู๊เริ่มขึ้น

ศิษย์ของพวกตระกูลเล็กๆ ต่อสู้กันบนหอคอยอย่างเต็มกำลัง แต่พละกำลังของพวกเขาด้อยมาก แค่ระดับแดนฝึกร่างชั้นห้า-หก เท่านั้น การต่อสู้ไม่น่าดูสักนิด

ตอนนี้โม่เทียนหันมามองลู่เฮ่าหราน แล้วพูดว่า “ตาเฒ่าลู่ อีกเดี๋ยวตระกูลนาย ใครจะขึ้นไปต่อสู้ ปรึกษากันได้หรือยัง ฉันว่า ใครขึ้นไปก็แพ้ สู้ออกไปตอนนี้ดีกว่า”

รอยยิ้มเต็มหน้าโม่เทียน ราวกับกุมชัยชนะอยู่ในมือ

แววตาลู่เฮ่าหรานวูบไหว หลังคิดครู่หนึ่ง จึงพูดว่า “ตาเฒ่าโม่ ในเมื่อนายมั่นใจขนาดนี้ สู้เรามาเสี่ยงดวงกันหน่อยดีไหม”

โม่เทียนพูดอย่างตกใจ “ตาเฒ่าลู่ นายเอาจริงใช่ไหม อย่าบอกนะว่า ลู่หมิงไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด ของทายาทตระกูลลู่ของนาย น่าสนใจๆ นายจะเสี่ยงดวงอะไรล่ะ”

ลู่เฮ่าหรานพูดว่า “ถ้าตระกูลโม่ชนะ แล้วฉันแพ้ ฉันจะให้ร้านค้าในเมืองสองร้านกับพวกนาย”

โม่เทียนพูดอย่างสบายใจ “ได้ แต่พูดกันให้ดีก่อน ร้านค้าสองร้านไหน ฉันเป็นคนเลือก”

ลู่เฮ่าหรานหรี่ตาลง แต่ก็รับปาก พูดว่า “ไม่มีปัญหา แต่ถ้าตระกูลลู่ชนะการแข่งบู๊ นายต้องให้ฉันของหนึ่งเหมือนกัน”

โม่เทียนหัวเราะ “นายไม่ต้องการร้านค้าเหรอ อะไรในตระกูลโม่ที่ทำให้นายชอบขนาดนี้”

ลู่เฮ่าหรานยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร แค่อยากยืมหมัดทำลายล้างของตระกูลโม่เท่านั้น”

รอยยิ้มบนหน้าโม่เทียนชะงักไป เขาพูดว่า “ที่แท้ชอบทักษะบู๊ของตระกูลโม่นี่เอง ได้ ฉันรับปากนาย เอาเป็นว่าตกลงกันเช่นนี้”

ลู่เฮ่าหรานยิ้มบางๆ

โม่เทียนยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า “ฉันอยากดูสิว่า ตระกูลลู่ยังจะมาไม้ไหนได้อีก ฉันได้ร้านค้าสองร้านแน่ๆ”

ขณะนั้น จางเหยียนที่นั่งเงียบๆ อยู่อีกด้าน พูดขึ้นมาว่า “เจ้าบ้านโม่ เจ้าบ้านลู่ การเดิมพันของพวกคุณ ผมร่วมด้วยได้หรือเปล่า”

โม่เทียนหันไปมองจางเหยียน แล้วพูดว่า “หืม เจ้าบ้านจางอยากร่วมด้วยเหรอ ไม่มีปัญหา ไม่ทราบว่าเจ้าบ้านจาง จะเอาอะไรออกมาเป็นสิ่งเดิมพัน”

จางเหยียนคิด แล้วพูดว่า “เอางี้ละกัน ตระกูลจางของผม มีเงินและอำนาจไม่เท่าตระกูลทั้งสองท่าน และไม่มีเคล็ดวิชาบู๊ งั้นผมเดิมพันด้วยเหรียญทองสองหมื่นเหรียญ เป็นไงครับ”