บทที่ 27 เชิญผู้อำนวยการเกิ่งขึ้นเวที

บัญชามังกรเดือด

บทที่ 27 เชิญผู้อำนวยการเกิ่งขึ้นเวที

“สมแล้วที่เป็นผู้อำนวยการลู่!”
“มีแววในการมองคนจริง ๆ!”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นท่านจะสามารถเอาชนะเหล่ารองผู้อำนวยการ แล้วขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอย่างมีเกียรติได้ยังไงล่ะ”
ด้านล่างเวที เหล่าเถ้าแก่ร้านยาต่างพากันพูดด้วยความซึ้งใจ
คนที่ยัดบัตรเอทีเอ็มให้กับลู่ซินเจี้ยนในเมื่อกี้นี้ คือเถ้าแก่ของร้านยาเฉิงหนาน หลี่เฉิงหนาน
เขาตบ ๆ ชายวัยกลางคนรูปหน้าเหลี่ยมที่นั่งอยู่ข้างที่นั่งลู่ซินเจี้ยน แล้วพูดอย่างได้ใจ: “เห็นหรือยังครับรองผู้อำนวยการเกิ่ง? นี่แหละคือเกมล่าบัลลังก์”
“พอมาคิดดูแล้ว เมื่อก่อนคุณเป็นคนที่มีความหวังได้เลื่อนขั้นเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลที่สองมากที่สุดแล้วนะครับ สุดท้ายทำไมลู่ซินเจี้ยนถึงกลายเป็นผู้อำนวยการคนใหม่ได้ล่ะครับ ส่วนคุณกลับไม่ได้เลื่อนขั้น ในทางตรงกันข้ามยังถูกลดขั้นอีก?”
“บอกความจริงให้คุณก็ได้ครับ ผมเป็นคนใช้เงินติดสินบนให้กับการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้อำนวยการของลู่ซินเจี้ยนเอง”
“รองผู้อำนวยการเกิ่ง เริ่มแรกผมได้มอบโอกาสแบบนี้ให้คุณแล้วนะครับ แต่น่าเสียดายที่คุณไม่ได้คว้ามันเอาไว้”
ชายวัยกลางคนรูปหน้าเหลี่ยมคนนี้มีนามว่า เกิ่งกุ้ยจง
เขาพูดอย่างรู้สึกรำคาญ: “ผมจะคลุกคลีกระทำชั่วกับคนเห็นแก่ตัวเน่า ๆ อย่างพวกคุณไปทำไมล่ะ!”
“มันเป็นการดูถูกเหยียดหยามความตั้งใจเดิมและจรรยาบรรณแพทย์ของผม!”
ลู่ซินเจี้ยนแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “โง่เง่า!”
“คอยดูเถอะ ถ้าผู้อำนวยการลู่ขึ้นเป็นกรรมการเมื่อไหร่ ตำแหน่งพลาธิการรองผู้อำนวยการของคุณก็ยากที่จะรักษาไว้เช่นกัน”
“ถึงตอนนั้นถ้าตกงานเมื่อไหร่ ก็มาสมัครเป็นเภสัชกรที่ผมได้นะครับ”
“ในฐานะที่เห็นว่าเราเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี ผมไม่ทำให้คุณต้องอดตายแน่นอน”
เหล่าเถ้าแก่ร้านยาที่อยู่ข้าง ๆ ต่างพากันหัวเราะเบา ๆ
ในมุมมองของพวกเขา เกิ่งกุ้ยจงโง่เกินกว่าจะเยียวยาได้แล้วจริง ๆ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว คุณยังยึดมั่นในความตั้งใจเดิมและหลักการของตัวเองอยู่อีกเหรอ?
ตลกชะมัด!
“เจ้าสมาคมหวางครับ ได้โปรดคุณช่วยรับดอกไม้และการคุกเข่าของผมไว้ด้วยนะครับ!”
“นี่เป็นการแสดงถึงความศรัทธาและเลื่อมใสอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของผมที่มีต่อคุณนะครับ!”
ลู่ซินเจี้ยนวิ่งไปด้านหน้าเวที พุ่งไปตรงหน้าหวางโป๋เหนียน และชันเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งอย่างไม่คาดคิด!
คนทั้งสนามต่างส่งเสียงอื้ออึง
ทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้จริง ๆ เหรอเนี่ย!
ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง ต่างโทษตัวเองที่ไม่มีแววดั่งลู่ซินเจี้ยน
มองดูโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับเจ้าสมาคมใหญ่ถูกลู่ซินเจี้ยนแย่งไปต่อหน้าต่อตา
“ทำดีมาก!”หลี่เฉิงหนานอดไม่ได้ที่จะปรบมือพลางส่งเสียงชื่นชมอย่างดัง
หวางโป๋เหนียนมองลู่ซินเจี้ยนที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง: “เพื่อนคนนี้ ลำบากเลยนะครับ”
“รบกวนพนักงานที่อยู่ด้านหลังเวทีมาที่นี่คนหนึ่งครับ มารับดอกไม้ไปหน่อย”
ลู่ซินเจี้ยนชะงักไปชั่วขณะ ภาพในจินตนาการของเขา เขารู้สึกว่าหวางโป๋เหนียนต้องเดินเข้ามารับช่อดอกไม้ไปจากมือเขาด้วยไมตรีจิต และรวดประคองตัวเขาขึ้นมาด้วย
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ภาพฉากมันดูไม่ค่อยปกตินะ
หรือว่าตนล่วงเกินฝ่ายตรงข้าม?
เขาส่งดอกไม้ไปให้พนักงานด้วยใบหน้าที่เหยเก และลุกขึ้นมาจากพื้นเอง
หม่ายงเอ่ยปากพูด: “เดี๋ยวเจ้าสมาคมหวางก็จะประกาศสมาชิกในคณะกรรมการแล้ว ผู้อำนวยการลู่ คุณยังไม่กลับไปนั่งประจำที่อีกเหรอครับ?”
ลู่ซินเจี้ยนคิดเองเออเองว่าตนเป็นคนอารมณ์ขัน หัวเราะแล้วพูด: “ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งมาอีกรอบหรอกครับ เดี๋ยวผมรอตรงนี้ก็ได้ครับ”
หม่ายงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก
หวางโป๋เหนียนวอร์มเสียงและเริ่มอ่านรายชื่อ
“สมาคมการแพทย์สาขาหลงเจียง เจ้าสมาคมสาขา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชนที่หนึ่ง หม่ายง”
“สมาชิกคณะกรรมการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่หก จางซู่เจียง”
“ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ห้า หวางยู่เหอ”
“ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่สี่ สิงเชียง”
“ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่สาม เหยียนข่าย”
ทุกครั้งที่หวางโป๋เหนียนอ่านออกมาหนึ่งรายชื่อ ก็จะมีเสียงปรบมือที่กระตือรือร้นดังมาจากล่างเวที
ผู้อำนวยการที่ถูกขานชื่อก็เดินขึ้นเวทีเช่นกัน
อิงจากสถานการณ์ในตอนนี้ เหล่าผู้อำนวยการในโรงพยาบาลต่าง ๆ ล้วนเป็นสมาชิกคณะกรรมการ
ลำดับต่อไป หากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็ควรประกาศโรงพยาบาลที่สองแล้ว
อีกทั้งลู่ซินเจี้ยนรู้สึกว่าหวางโป๋เหนียนจงใจใช้วิธีประกาศแบบเรียงจากหลังไปหน้า ประกาศชื่อตนเป็นคนสุดท้าย แท้จริงแล้วที่ทำแบบนี้ก็เพื่อเน้นย้ำความสำคัญของตน
นี่ตัวเองจะได้ขึ้นเวทีด้วยวิธีที่โดดเด่นมากที่สุดนี่!
“บัดนี้ ผมจะขอประกาศรายชื่อกรรมการคนสุดท้าย——” หวางโป๋เหนียนหยุดชะงักไปสักพัก จู่ ๆ เขาก็ได้เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่อัดแน่นด้วยความน้ำใสใจจริง:
“การจัดซื้อของทางการแพทย์และการจัดจำหน่ายเป็นขั้นตอนที่สำคัญและเข้มงวดมาก ๆ”
“และเหล่าผู้อำนวยการของเราต่างตั้งอกตั้งใจต่อการวิจัยทางการแพทย์ ไม่ค่อยถนัดด้านการเจรจากิจการค้า”
“เพราะฉะนั้นกรรมการคนสุดท้ายนี้ ผมอยากแต่งตั้งให้กับคนที่มีประสบการณ์ด้านการจัดจำหน่าย อีกทั้งเป็นคนที่ซื่อสัตย์เชื่อถือได้มากที่สุด”
“ขอบคุณความรักและความเมตตาของเจ้าสมาคมหวางด้วยนะครับ!”
“จากการนำพาของเจ้าสมาคมหวางและผู้อำนวยการหม่า กระผมจะตั้งใจทำงานด้านการจัดซื้อด้วยความระมัดระวังรอบคอบ และทุ่มเทสติปัญญาทั้งหมดจนถึงที่สุดกว่าชีวิตจะหาไม่แน่นอนครับ!”
ลู่ซินเจี้ยนพุ่งตรงเข้ามา
เขาตื่นเต้นดีใจจนรูปหน้าเปลี่ยนไปแล้ว
ช่างเป็นคนสุดท้ายที่ถูกเปิดตัวอย่างโดดเด่นและเลิศเลอที่สุดจริง ๆ ด้วย!
แม้แต่เขาเองก็ยังคาดไม่ถึงเลยว่า หวางโป๋เหนียนจะฝากงานที่มีรายได้ดีขนาดนี้ไว้กับเขา
ดูท่าการคุกเข่าในเมื่อกี้นี้มีประสิทธิผลจริงด้วย!
“เถ้าแก่หลี่ ครั้งนี้คุณทุ่มถูกคนอีกแล้วนะครับ ลู่ซินเจี้ยนไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกผิดหวังจริงด้วย”
“ผลประโยชน์ก้อนใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเถ้าแก่หลี่กินคนเดียวไม่หมด อย่าลืมพวกเราที่เป็นเพื่อนนะครับ”
หลังจากที่รู้สึกอิจฉาจบแล้ว เถ้าแก่ร้านยาเหล่านั้นก็เริ่มประจบประแจงหลี่เฉิงหนาน
หลี่เฉิงหนานทำหน้าบานเป็นกระด้งแล้วพูด: “หยุดพูดได้แล้ว สักพักถ้าเลิกงานเมื่อไหร่ไปเจอกันที่คลับเฮาส์ เรียกผู้อำนวยการลู่ด้วย ไม่ใช่สิ ควรจะเรียกว่ากรรมการลู่ เดี๋ยวผมจะจัดแจงทุกอย่างเอง!”
หวางโป๋เหนียนมองลู่ซินเจี้ยนด้วยสายตาที่แปลกประหลาดรอบหนึ่งพลางพูด: “คุณชื่ออะไรนะครับ?”
รอยยิ้มของลู่ซินเจี้ยนแข็งทื่อลงไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบกลับว่า: “ลู่ซินเจี้ยนไงครับ!”
“เจ้าสมาคมหวาง ผมเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลที่สอง ลู่ซินเจี้ยนครับ และเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของคณะกรรมการ”
หวางโป๋เหนียนยิ้มอย่างเย็นชาพลางพูด: “ผมยังไม่ได้ประกาศรายชื่อสุดท้ายเลย คุณรู้ได้ยังไงครับว่าคุณเป็นสมาชิกคนสุดท้าย?”
“กรุณาอย่ารบกวนลำดับระเบียบของงาน”
ว่าไงนะ?
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าลู่ซินเจี้ยนแข็งทื่อลงไปชั่วขณะ
เห็นเพียงหวางโป๋เหนียนกระแอมทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างเสียงดัง: “สำหรับสมาชิกคนสุดท้ายนั้น ขอเรียนเชิญคุณผู้หญิงหยางยู่หลันเดินขึ้นเวทีครับ!”
……
เงียบสงัดไปสักพัก
ได้ยินชื่อของตัวเองอย่างกะทันหัน ทำให้หยางยู่หลันที่จิตใจห่อเหี่ยวลงไปในตอนแรกรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน
ต้องหูฝาดไปแล้วแน่ ๆ!
“แม่ครับ เจ้าสมาคมหวางอยากเชิญแม่ไปเป็นกรรมการน่ะครับ”
“ยินดีด้วยนะครับแม่”ฉินเทียนยิ้มพลางพูด
“อย่าพูดจาเหลวไหลน่า!”ใบหน้าของหยางยู่หลันแดงก่ำ“ต้องหูฝาดแน่นอน”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
บนเวที ลู่ซินเจี้ยนฝืนยิ้มพลางพูด: “เจ้าสมาคมหวาง คุณอ่านรายชื่อผิดหรือเปล่าครับ?”
“ผมชื่อลู่ซินเจี้ยนนะครับ”
หวางโป๋เหนียนพูดอย่างเคร่งขรึม: “จากการตรวจสอบและการวิจัยที่มากพอของเรา เรารู้สึกว่าในฐานะที่คุณผู้หญิงหยางยู่หลันเป็นผู้จัดจำหน่ายยามานานหลายปี ไม่ว่าจะเป็นความเป็นมืออาชีพ จรรยาบรรณทางการค้า หรือเจตนาเดิมของการเป็นมนุษย์ เธอล้วนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”
“บัดนี้ ผมขอเชิญคุณผู้หญิงหยางยู่หลันเข้าร่วมคณะกรรมการอย่างเป็นทางการ เน้นรับผิดชอบในขั้นตอนการจัดจำหน่ายยา”
โครม!
ครั้งนี้ทุกคนต่างได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว!
ถูกต้อง คนคนนั้นคือหยางยู่หลัน!
หยางยู่หลันลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เหมือนอยู่ในความฝัน
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
“หยางยู่หลัน มึงสารภาพมาเดี๋ยวนี้ว่ามึงใช้วิธีการสกปรก ๆ อะไร?”
“นังกระดังงาลนไฟ มึงมีสิทธิ์อะไรกันแน่?”แทบจะมีไฟพ่นออกมาจากดวงตาของลู่ซินเจี้ยน เขาสูญเสียสติปัญญาไปแล้ว
หวางโป๋เหนียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ลู่ซินเจี้ยน คุณคิดว่าเราไม่รู้เรื่องทั้งหมดที่คุณทำเลยงั้นเหรอ?”
“ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการ แต่กลับทำสิ่งที่ไม่เข้าเรื่องเข้าราว วัน ๆ เอาแต่มั่วสุมอยู่กับนักธุรกิจต่ำ ๆ”
“ช่างเป็นการเหยียดหยามลบหลู่สถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์จริง ๆ!”
“บัดนี้ ในนามของเจ้าสมาคมสมาคมการแพทย์ ผมขอประกาศให้คุณทราบไว้ว่า คุณถูกไล่ออกแล้ว”
“ผู้อำนวยการหม่าครับ คุณมาแต่งตั้งผู้อำนวยการคนใหม่เถอะครับ”
“ทางเราก็จะเชิญเขามาเป็นกรรมการสำรองในคณะกรรมการเช่นกันครับ”
หม่ายงรีบตอบกลับเสียงดัง: “เกิ่งกุ้ยจงจากโรงพยาบาลที่สอง รองผู้อำนวยการเกิ่งมาแล้วใช่ไหมครับ?”
“รองผู้อำนวยการเกิ่งไม่เพียงมีความสามารถทางการแพทย์ที่เลิศล้ำ มีฉายาหมอเทวดาอยู่ในแผนกหัวใจ สมองและแผนกอายุรกรรม อีกทั้งเป็นหมอที่จิตใจชอบธรรมด้วยความเมตตากรุณา ควักกระเป๋าช่วยคนไข้อย่างใจกว้างอยู่บ่อย ๆ เกื้อกูลคนไข้ยากจน”
“บัดนี้ผมขอประกาศให้รองผู้อำนวยการเกิ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนลู่ซินเจี้ยนอย่างเป็นทางการ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงพยาบาลที่สอง อีกทั้งเป็นกรรมการสำรองในคณะกรรมการ”
“ขอเรียนเชิญผู้อำนวยการเกิ่งขึ้นเวทีครับ”