บทที่ 28 ราชาเทพโปรดเมตตากรุณา

บัญชามังกรเดือด

บทที่ 28 ราชาเทพโปรดเมตตากรุณา

ตอนพลบค่ำ ณ วิลล่าตระกูลซู
หลังจากที่เงียบสงบไปสิบกว่าวัน วิลล่าทั้งหลังก็มีโคมแขวนและติดเต็มไปด้วยสิ่งประดับ คึกคักเหมือนบรรยากาศวันเทศกาลตรุษจีนอีกครั้ง
บนใบหน้าของทุกคนล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ซูเป่ยซานพูดอย่างตื่นเต้น: “ซูยู่คุน เตรียมตัวเสร็จหรือยัง? เร็ว ขนพวกเครื่องปรุงยาจีนสุดล้ำค่าที่พ่อเก็บสะสมมาออกมาให้หมด!”
“เดี๋ยวสักพักเราจะมอบให้ฉินเทียน น่าจะช่วยให้อาการของซูซูดีขึ้นได้อยู่!”
ซูยู่คุนยกกล่องอยู่ในมือหนึ่งกอง แล้ววางลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพูดว่า:
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับพ่อ ของที่เราเก็บสะสมมานานสิบกว่าปีอยู่ที่นี่หมดแล้วครับ”
ซูเป่ยซานพูดอีกว่า: “เหวินเฉิง ขั้นตอนการดำเนินการของบริษัทและวิลล่าที่แกหลอกต้มมาจากมือคุณป้า แกเตรียมเสร็จหรือยัง?”
“คุณป้าแกเป็นคนที่ขี้ใจอ่อน สักพักถ้าเกิดฉินเทียนไม่ให้อภัย แกก็คุกเข่ากราบขอร้องป้าแกเลยนะ!”
“บอกไปเลยว่าก่อนหน้านี้แกหน้ามืดตามัว เป็นวัยรุ่นยังไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร!”
ซูเหวินเฉิงพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง: “คุณปู่ครับ ทำไมคุณปู่ยังเรียกชื่อฉินเทียนอยู่ล่ะครับ? ชื่อนี้ เป็นชื่อที่เราเรียกได้เหรอครับ!”
“ต้องเรียกว่าราชาเทพฉิน!”
เขาพูดอย่างจริงจังเข้มขรึม: “ผมเชื่อว่าราชาเทพฉินต้องให้อภัยผมแน่นอนครับ!”
ราชาเทพฉินเลยนะเนี่ย!
นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าราชาเทพที่ทำให้คนทั้งโลกสั่นคลอนจะเป็นฉินเทียนอย่างนั้นหรือ
ลูกเขยตระกูลซูของพวกเขา!
ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะทุ่มเทแรงใจทุกอย่างเพื่อเอาใจฉินเทียน
ขอแค่ได้รับการให้อภัยจากฉินเทียน ถ้าพึ่งพาบารมีต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ตระกูลซูก็จะพลอยได้ดีไปด้วยไม่ใช่หรือ!
ซูหนานและอู๋เฟยก็อยู่ข้าง ๆ เช่นกัน
พวกเขาทั้งสองคนต่างหวาดกลัวมาก ๆ เพราะว่าเมื่อเปรียบเทียบกับซูเหวินเฉิงและซูเป่ยซานแล้ว พวกเขารู้สึกละอายใจมากกว่า
“ผัวคะ คุณว่าเราควรจะทำยังไงดี?”
อู๋เฟยกัดฟันแล้วตัดสินใจ: “ราชาเทพฉินเป็นผู้เก่งกาจมีฤทธิ์เดชสามารถมาก ปิดบังเรื่องอะไรต่อเขาไม่ได้หรอก!”
“เรื่องดำเนินการมาจนถึงตอนนี้แล้ว เราทำได้แค่สารภาพอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจแล้วล่ะ!”
“มีแต่การทำแบบนี้ถึงจะมีโอกาสได้รับการยกโทษจากเขา!”
ซูหนานยังอยากพูดอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อเห็นเงาร่างที่เดินเข้ามาจากประตูใหญ่แล้ว เธอจึงพูดอย่างตื่นเต้นหวั่นไหวว่า: “ราชาเทพฉินมาแล้ว!”
ทุกคนในตระกูลซูต่างเดินออกไปต้อนรับ
ซูเป่ยซานนำหน้า เดินไปถึงตรงหน้าฉินเทียนแล้วคุกเข่าลง
พูดอย่างเศร้าเสียใจมาก: “ผมเป็นคนหลง ๆ ลืม ๆ เอง ได้โปรดราชาเทพช่วยกรุณา ปล่อยตระกูลซูของเราไปด้วยนะครับ!”
จากนั้นซูยู่คุน เหวินเฉิงและคนอื่น ๆ ก็พากันคุกเข่าลงไป ต่างตะโกนเสียงดังโปรดราชาเทพช่วยเมตตาให้อภัย
หยางยู่หลันรู้สึกตะลึงจนยืนเหมอไปแล้ว
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉินเทียน ลูกรีบให้ทุกคนลุกขึ้นเร็ว”
ฉินเทียนเข็นซูซูพลางกวาดตามองดูรอบ ๆ หนึ่งรอบ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก: “เข้าไปคุยด้านในเถอะ”
“กราบเรียนเชิญราชาเทพครับ!”ซูเป่ยซานตะโกนพูดเสียงดัง
ทุกคนในตระกูลซูจึงพากันตะโกนพูดเสียงดังตาม พวกเขาแบ่งแยกออกเป็นสองข้าง เชิญฉินเทียนเข้าไปด้านใน
ฉินเทียนคือราชาเทพจริง ๆ หรือ?
ก่อนหน้านี้หยางยู่หลันแค่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
นั่งลงบนที่นั่งหลัก ฉินเทียนเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “ซูเป่ยซาน เรื่องที่ผมสั่งให้ไปจัดการ คุณคิดได้หรือยัง?”
ซูเป่ยซานรีบส่งจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นไปอย่างเคารพนอบน้อมแล้วพูด: “ในนี้คือรายชื่อของผู้ที่ขานเรียกให้ซูซูไปอยู่ดูแลปรนนิบัติในตอนนั้นครับ”
แววตาของฉินเทียนดูเยือกเย็นลงไป เขารับจดหมายมา แต่ไม่ได้รีบเปิดจดหมายออกแต่อย่างใด
“แล้วยังไงต่อ?”
ทันทีที่สิ้นเสียง ซูเหวินเฉิงก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าในทันที
“คุณป้าครับ ทุกอย่างเป็นเพราะหลานสับสน หลานถูกเงินทองครอบงำจิตใจ ต่ำทรามยิ่งกว่าหมูหมา!”
“ผมเป็นคนร่วมมือกับคนอื่น หลอกต้มบริษัทและวิลล่าของคุณป้าไปเองครับ!”
“โฉนดที่ดินและหนังสือโอนย้ายบริษัทอยู่ที่นี่หมดเลยครับ คุณป้าต้องรับไว้นะครับ!”
“คุณป้า คุณช่วยให้อภัยความไม่รู้จักคิดของหลานคนนี้ด้วยนะครับ!”
“ต่อไปผมจะเคารพเชื่อฟังคุณป้าแน่นอนครับ!” เขาฟูมฟายเสียใจอย่างมาก
เมื่อหยางยู่หลันเห็นว่าคนทั้งตระกูลเป็นแบบนี้ เธอก็รู้สึกเจ็บปวดจากใจจริงเช่นกัน
แต่ว่าเธอแค่รับโฉนดที่ดินมาเท่านั้น คืนหนังสือโอนย้ายบริษัทกลับไปให้ซูเหวินเฉิง
“ป้าเหนื่อยแล้ว ไม่อยากบริหารเรื่องในบริษัทอีกแล้ว”
“เหวินเฉิง แกเป็นคนที่ฉลาดมาก ขอเพียงตั้งใจเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง ป้าเชื่อว่าแกต้องทำออกมาได้ดีมากแน่นอน”
“อย่าทำให้ป้าต้องรู้สึกผิดหวังล่ะ!”
ซูเหวินเฉิงก้มกราบเสียงดังปึกปึก รู้สึกสำนึกในบุญคุณมาก
“พี่สะใภ้ครับ!”
“พี่ช่างเป็นคนดีจริง ๆ!”
“เครื่องปรุงยาจีนทั้งหมดนี้ เป็นยาที่ซูซูยกให้หมดเลยครับ”
“ฉินเทียน ไม่ใช่สิ ราชาเทพฉิน เมื่อมีเครื่องบำรุงยาจีนทั้งหมดนี้แล้ว เชื่อว่าท่านต้องสามารถทำให้ซูซูกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งแน่นอน!”
คู่สามีภรรยาซูยู่คุนเดินขึ้นมาพูดอย่างเคารพนอบน้อม
ครั้งนี้หยางยู่หลันไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไรการให้ร่างกายลูกสาวฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ เป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ
หากฉินเทียนสามารถทำให้ซูซูหายดีกลับมาเป็นปกติโดยการพึ่งพายาเหล่านี้จริง ๆ ล่ะก็ งั้นมันต้องเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งแน่นอน
สายตาของฉินเทียนได้หยุดลงที่ใบหน้าของซูหนานและอู๋เฟย: “พวกแกมีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่า?”
“พี่เขยโปรดให้อภัยด้วย!”ซูหนานใจสั่น คุกเข่าทั้งสองข้างลงไปกับพื้น
เธอกัดฟันแล้วพูด: “อันที่จริงคืนวันไหว้พระจันทร์เมื่อห้าปีก่อน ฉันเป็นคนเรียกพี่ซูซูออกไปเอง”
ว่าไงนะ?
ทุกคนต่างผงะไปชั่วขณะ
หยางยู่หลันตระหนักบางอย่างได้ ก่อนที่เธอจะรีบถาม: “ซูหนาน แกเรียกพี่ซูซูออกไปทำอะไร?”
“หรือว่าแก——”
ซูหนานผงกหัวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ: “หนูเป็นคนวางยาให้พี่ซูซูเอง”
“เพราะหนูอยากแต่งงานกับอู๋เฟยแทนพี่”
โครม!
คนจำนวนมากในตระกูลซูไม่รู้เรื่องนี้ หลังจากที่ได้ยินแล้วจึงรู้สึกช็อกเป็นอย่างมาก
หยางยู่หลันอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก
หวางเหมยรีบพูดอย่างร้อนรน: “พี่สะใภ้คะ ตอนนั้นซูหนานยังเด็กไม่รู้อะไรควรอะไรไม่ควร เธอทำผิดไปแล้วจริง ๆ”
“แต่ว่ามันก็เป็นความโชคดีในความโชคร้ายสำหรับซูซูอยู่นะ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะหนานหนาน ซูซูจะผูกพันกับราชาเทพฉินได้ยังไงล่ะคะ? พี่ว่าจริงไหมล่ะ”
สภาพจิตใจของหยางยู่หลันซับซ้อนมาก
ฉินเทียนยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “แล้วถ้าเกิดฉันถูกฆ่าตายตั้งแต่ตอนนั้นล่ะ?” สายตาของเขาได้จับจ้องไปบนใบหน้าของอู๋เฟย
ร่างกายของอู๋เฟยสั่นสะดุ้งไปชั่วขณะ กัดฟันแล้วคุกเข่าลง
“เชิญราชาเทพลงโทษเลยครับ!”
“คืนแต่งงานของคุณและคุณซูซูเมื่อห้าปีก่อน ผมเป็นคนส่งคนบุกเข้าไปจับกุมตัวคุณเองครับ”
เป็นข่าวสุดอึ้งทึ่งอีกข่าวหนึ่ง!
ที่แท้เมื่อห้าปีก่อนคนที่อู๋เฟยชอบคือซูซู
เพราะความอิจฉา ซูหนานจึงวางแผนทำร้ายซูซู พร้อมทั้งขึ้นมาทดแทนซูซู แต่งงานกับอู๋เฟย
แม้อู๋เฟยจะไม่ได้ครอบครองซูซู แต่เขากลับรู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจ เพราะฉะนั้นเขาจึงจะฆ่าฉินเทียนให้ตาย!
ความจริงทุกอย่างได้ปรากฏแล้ว
ทุกคนต่างมองไปทางฉินเทียนด้วยท่าทางที่เป็นทุกข์และหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเขาจะลงโทษอู๋เฟยยังไง
ใบหน้าของฉินเทียนเย็นชา: “ตอนนั้นแกให้คนหักแขนขาทั้งสี่ข้างของฉัน ตอนนี้ในฐานะที่เห็นว่าแกสำนึกผิดเอง งั้นก็หักขาข้างหนึ่งแล้วกัน”
“ถ้าแกไม่กล้าลงมือเอง สามารถหาคนช่วยลงมือแทนแกได้”
อู๋เฟยลงนั่งล้มลงไปกับพื้นด้วยใบหน้าที่ขาวเผือก
ท่ามกลางความเงียบสงัด จู่ ๆ ซูเหวินเฉิงก็ยกเก้าอี้ขึ้นมาหนึ่งตัว แล้วตะโกนเสียงดัง: “พี่เขย พี่เป็นคนหาเหาใส่หัวเอง จะโทษคนอื่นไม่ได้!”
“ตอนนี้ราชาเทพมีบัญชา เดี๋ยวน้องเขยคนนี้จะช่วยพี่เอง!”
ปัง!
เพื่อเป็นการเอาอกเอาใจฉินเทียน ไอ้หมอนี่ลงมือได้โหดเหี้ยมจริง ๆ!
ขาข้างหนึ่งของอู๋เฟยถูกฟาดจนหักทั้งเป็น กรีดร้องโหยหวน เจ็บปวดจนแทบจะเป็นลมหมดสติ
ซูหนานพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน: “นึกไม่ถึงเลยว่าแกจะกล้าลอบทำร้ายราชาเทพ ตอนนี้แค่หักขาข้างหนึ่งของแก ช่างเป็นการผ่อนปรนที่เมตตากรุณาจริง ๆ”
“ยังไม่รีบกราบขอบคุณราชาเทพอีก!”
แม้อู๋เฟยจะปวดร้าวไปถึงหัวใจ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความตายแล้ว การถูกหักขาข้างหนึ่งถือว่าฉินเทียนผ่อนปรนเมตตากรุณามากแล้วจริง ๆ
เขาคลานพลางก้มกราบอยู่บนพื้นพลางพูด: “ขอขอบพระคุณราชาเทพที่โปรดเมตตากรุณาครับ!”
“ต่อไปผมอู๋เฟยและตระกูลอู๋จะรับฟังคำสั่งของราชาเทพแต่เพียงผู้เดียว!”