เล่ม 1 ตอนที่ 63 การชี้แนะของฉู่หลิวเยว่

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

“หน้า…หน้าข้า!”

ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกถึงความผิดปกติจึงรีบลูบไล้ใบหน้าของตนเอง และมือของนางก็สัมผัสได้ถึงความข้นหนืด!

แล้วความรู้สึกเจ็บแปลบนั้นยิ่งทำให้หัวใจของนางสั่นสะท้าน!

ฉู่หลิวเยว่เป็นผู้ที่ทำให้นางเสียโฉม!

ความโกรธถึงขีดสุดปะทุขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ และฉู่เซียนหมิ่นก็ระเบิดสติเฮือกสุดท้ายออกไป

นางมองไปที่ใต้ฝ่าเท้าของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นว่ามีใบมีดแหลมคมสองสามใบซ่อนอยู่ในนั้นจริงๆ ด้วย

เมื่อครู่นี้ฉู่หลิวเยว่ใช้การวิ่งนี้กรีดใบหน้าของนาง!

และต้องทิ้งรอยแผลเป็นแปดในสิบส่วนอย่างแน่นอน!

นางรีบเอามือกุมหน้าตนเองด้วยความลนลานแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ฉู่หลิวเยว่! เจ้ามีความแค้นอะไรกับข้านักหรือ ทำไมถึงได้ทำร้ายข้าขนาดนี้!”

ฉู่หลิวเยว่ก้มเก็บกระบี่ที่ตกพื้นของนางขึ้นมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง

“ก่อนหน้านั้น เจ้าคิดจะทำให้ข้าเสียโฉมก่อนมิใช่หรือ”

ทันใดนั้นฉู่เซียนหมิ่นก็พูดไม่ออก แล้วรู้สึกผิดขึ้นมา

อันที่จริง ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ตอนที่นางตัดสินใจฉวยโอกาสทำให้ฉู่หลิวเยว่เสียโฉม นางหันข้อมือเล็กน้อยในทันทีและไม่ทันมองเห็นสิ่งผิดปกติอย่างละเอียดรอบคอบ

แต่ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับเดาความคิดของนางได้ในทันที!

“ไม่จริง! ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำ! ข้า…ข้าก็แค่อยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้าเท่านั้น ข้าจะไปคิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง! เจ้า! ต้องเป็นเจ้าแน่ๆ ที่คิดจะทำเรื่องแบบนี้ใช่หรือไม่ มิฉะนั้น เมื่อครู่นี้เจ้าคงไม่เร็วขนาดนั้นหรอก!”

ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วประชดประชันอย่างไรความปรานี

“ที่ข้าเร็ว ก็เพราะข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้าอย่างไรล่ะ จุดนี้ เจ้าก็น่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ใช่หรือไม่”

คำพูดต่างๆ จุกอยู่ที่อกของฉู่เซียนหมิ่นและรู้สึกอึดอัดจนอยากจะระเบิดออกมา!

คำพูดของฉู่หลิวเยว่ นางมิสามารถโต้แย้งได้เลยสักคำ!

เมื่อครู่นี้ที่ทั้งสองต่างประชันฝีมือกัน ฉู่หลิวเยว่รวดเร็วกว่าจริง!

แต่ทว่าใบหน้าของนางเสียโฉมไปแล้ว นางจะยอมได้อย่างไร

ในใจของฉู่เซียนหมิ่นเต็มไปด้วยแรงอาฆาต และพุ่งเข้าใส่ด้วยความบ้าคลั่ง

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ฉู่เซียนหมิ่นกรีดร้องแล้วกระโจนเข้าหาฉู่หลิวเยว่

แม้ว่าใบหน้าของนางจะถูกกรีดเป็นรอย แต่ทว่าพลังของนางยังเหลืออยู่ ตอนนี้ ภายใต้ความโกรธแค้นถึงขีดสุด นางระเบิดพลังด้วยความเร็วที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา!

แม้กระทั่งพลังแห่งฟ้าดินที่อยู่รอบตัวก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดเข้ามาพร้อมกันเพื่อเข้าสู่ในร่างกายของนาง

ในระยะเวลาอันแสนสั้น พลังปราณในตัวของฉู่เซียนหมิ่นก็แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น!

“ดาวเพลิง!”

พลังสีแดงรวมตัวกันอย่างรวดเร็วบนฝ่ามือทั้งสองของนาง และกลายเป็นลูกไฟที่ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว!

จากนั้นนางก็ขว้างลูกไฟสีแดงนั้นออกไปอย่างแรง!

สิ่งนั้นลุกไหม้อย่างรวดเร็วแล้วพุ่งไปทางฉู่หลิวเยว่!

แรงอันทรงพลังหมุนออกไปด้วยความร้อนสูงและทิ้งร่องรอยสีดำไว้บนพื้น!

“หากเป็นคนที่ใกล้จะบรรลุผู้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่แล้ว ตอนนี้นางใช้ทักษะการต่อสู้ออกมาหมดแล้ว สงสัยการประลองคราวนี้ สุดท้ายนางก็เป็นฝ่ายชนะอยู่ดี…”

อาจารย์ท่านหนึ่งกระซิบ

ความสามารถของฉู่เซียนหมิ่นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาพวกเขาอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นนางคงคว้าชัยอันดับหนึ่งของการสอบผู้ฝึกยุทธ์มาไม่ได้หรอก

ไป๋เชินแสยะยิ้ม

“อย่าว่าแต่นางยังไม่ทันได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่เลย หรือต่อให้นางเป็นก็ไม่ใช่คู่แข่งของฉู่หลิวเยว่หรอกนะจะบอกให้!”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ก็ดึงดูดความสนใจของอาจารย์หลายคนในทันที

“ไป๋เชิน ทำไมเจาถึงประเมินฉู่หลิวเยว่ไว้สูงนักเล่า เจ้าก็รู้นี่ว่าระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามและขั้นที่สี่มันมีช่องว่างขนาดใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถกระโดดข้ามขั้นได้อย่างใจนึก”

“ดูแล้ว การตอบสนองและการเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่เมื่อครู่นี้ น่าจะเคยผ่านการฝึกฝนขั้นพื้นฐานมาบ้างแล้ว ถึงได้แสดงความสามารถระดับนี้ออกมาได้ ซึ่งก็พิสูจน์ได้ว่านางมีพรสวรรค์ด้านผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ แต่ทว่าช่างน่าเสียดายที่…ชีพจรไม่สมบูรณ์ เมื่อต้องเผชิญทักษาการต่อสู้ เรียนไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี!”

ไป๋เชินขี้เกียจสนใจพวกเขาอีก

ต่อให้ในอนาคตฉู่หลิวเยว่จะไม่มีทางกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ แต่ความสามารถที่นางกำลังต่อสู้กับฉู่เซียนหมิ่นได้ก็เหลือเฟือแล้ว!

ภาพการทดสอบปรากฏขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง

ตอนที่ต่อสู้กับฉู่หลิวเยว่เขายังจำได้ขึ้นใจว่าเขาได้รับแรงข่มขู่อันน่าสะพรึงกลัวจนเกือบตาย

และในสนามการแข่งขัน ฉู่หลิวเยว่เผชิญหน้ากับฉู่เซียนหมิ่นที่กำลังสูญเสียการควบคุมอย่างเต็มกำลัง ไม่แม้แต่จะตื่นตระหนก แต่นางยังยักคิ้วแล้วหัวเราะอีกด้วย

“ในเมื่อเจ้าขอให้ข้าชี้แนะ เช่นนั้นก็ดูให้เต็มตา! ว่ากระบี่…ต้องใช้กันแบบนี้!”

นางพูดพลางเคลื่อนไหวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ตวัดปลายเท้ายกกระบี่บนพื้นขึ้นมาแล้วคว้าจับเอาไว้ทันที

“เร็วมาก!”

ผู้คนส่งเสียงร้องกันอย่างระทึกขวัญ

คราวนี้ฉู่หลิวเยว่ปราดเปรียวรวดเร็วกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก

เมื่อเทียบกันกับนางแล้ว ดูเหมือนฉู่เซียนหมิ่นจะเคลื่อนไหวช้าลงโดยเจตนา

ฉู่หลิวเยว่เดินยักหน้ายักหลังงอเข่าเล็กน้อย กล้ามเนื้อในร่างกายหดเกร็งและพร้อมที่จะส่งพลังที่สะสมมาทั้งหมดออกไป

นางถือกระบี่ในมือเอาไว้แน่น เมื่อเปลวเพลิงสีแดงกำลังจะลุกไหม้ร่างกายของนาง ทันใดนั้นนางก็ยกแขนขึ้น!

กระบี่ที่อยู่สูงประกายแสงเฉียบคม!

ชิ้ง!

ฉู่หลิวเยว่ฟันกระบี่ลงมาอย่างไม่ลังเล!

กระบี่นี้ว่องไวยิ่งนัก!

ทุกคนต่างไม่ทันได้เห็นว่าฉู่หลิวเยว่เคลื่อนไหวอย่างไร และเห็นเพียงแสงแห่งคมดาบพร่ามัวที่ตวัดผ่านไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น

เสียงแหวกอากาศดังผ่านหูนั้นทำให้ผู้คนต่างอกสั่นขวัญแขวน

วินาทีถัดมา แสงสีเงินส่องก็ผ่านกลางเปลวเพลิงสีแดง!

ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น!

แต่ในสายตาของทุกคน กระบี่นั้นของฉู่หลิวเยว่ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งสิ่งใดได้

กลุ่มพลังที่น่าสะพรึงกลัวนั้นยังคงโจมตีนางอย่างรวดเร็ว!

“ความสามารถเพียงแค่นี้ของเจ้า คิดจะหยุดยั้งทักษะการโจมตีของข้าได้อย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ…”

ฉู่เซียนหมิ่นยิ้มเย็นยะเยือก

คนกระจอกงอกง่อยที่ไม่ได้เป็นแม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ เกรงว่าแม้กระทั่งวรยุทธ์ใดๆ ก็คงไม่มีหรอกกระมัง”

แค่กระบวนท่านี้ ฉู่หลิวเยว่ไม่ตายก็พิการ!

หลังจากนั้นใยวินาทีต่อมานางก็ต้องยิ้มค้าง!

เพราะเปลวไฟนั้นก็หยุดอยู่ตรงหน้าห่างจากฉู่หลิวเยว่ไปไม่ถึงช่วงแขน

หลังจากเงียบสงบไปครู่หนึ่ง มันก็ระเบิดแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ!

ตู้ม!

ทันใดนั้น ลูกไฟก็ระเบิดเป็นประกายไฟละเอียดยิบนับไม่ถ้วน

พลังที่ห่อหุ้มมันเอาไว้ก็พลันหายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อประกายไฟที่กระจัดกระจายกำลังจะตกใส่ร่างกายของตน ฉู่หลิวเยว่ก็ยกกระบี่ขึ้นอีกครั้งแล้วพลิกข้อมือแล้วฟันไปตามแนวขวาง!

ทันใดนั้นพลังกระบี่ที่แข็งแกร่งก็ก่อรูปร่างเป็นม่านฉากล่องหนตรงหน้านางเพื่อสกัดกั้นทุกสิ่งที่อยู่ด้านนอก

ดวงดาวนับไม่ถ้วนร่วงหล่นใส่ร่างของนางราวกับดวงดาวอันเจิดจ้าในคืนที่มืดมิด แต่ร่างกายของนางก็สะอาดราวกับไม่เคยเปื้อนฝุ่น

และดวงตาดำขลับคู่นั้นของนางก็ดูเหมือนจะเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น

ทุกคนในสถานการณ์ต่างตกตะลึง

หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาก็คงไม่เชื่อแน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่จะสามารถใช้กระบี่เล่มนี้เป็นสกัดกั้นการโจมตีของฉู่เซียนหมิ่นได้สำเร็จ

ฉู่เซียนหมิ่นตกตะลึงเบิกตาโพลง และลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดบนใบหน้า

นางมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสมองว่างเปล่าขาวโพลน!

แล้ววินาทีถัดมา ฉู่หลิวเยว่ก็ขว้างกระบี่ยาวในมือของนางไปทางฉู่เซียนหมิ่น

เจตนาฆ่าอันเฉียบคมก็เคลื่อนมาปกคลุมรอบตัวนางเอาไว้

ความรู้สึกกลัวในใจลึกๆ ทำให้ฉู่เซียนหมิ่นอ่อนยวบและยากที่จะขยับลุกขึ้น

ฉับ!

กระบี่ยาวลอยประชิดศีรษะของฉู่เซียนหมิ่น และทันใดนั้นก็เฉือนหนังศีรษะของนางออกไปหนึ่งแผ่น

“อ๊าก….!”

ฉู่เซียนหมิ่นกรีดร้องออกมาแล้วทรุดลงไปกองกับพื้นทันที!

เมื่อครู่นี้นางเกือบตายไปแล้ว!

“การตอบสนองก็ช้า การเคลื่อนไหวก็ยิ่งช้า ทำแต่เรื่องโง่ๆ ดูแล้ว เจ้าก็คงได้แค่นี้แหละ”

เสียงที่เย็นชาและไม่แยแสดังมาจากเหนือศีรษะของนาง

ฉู่เซียนหมิ่นตัวสั่นงันงกเงยหน้าขึ้นมอง นางก็เห็นว่าหญิงสาวผู้อ่อนแอที่เคยโดนนางรังแกเหยียบย้ำอยู่ใต้ฝ่าเท่า บัดนี้ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

นางเปรียบเสมือนผู้ยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดทั้งปวงที่มิสามารถเอื้อมถึงหรือแตะต้องได้ ทำให้ผู้คนถ่อมตัวและยอมจำนนจากก้นบึ้งของหัวใจ และพวกเขาไม่กล้าที่จะต่อต้าน!

“น้องสาม การชี้แนะครั้งนี้เจ้าพอใจหรือไม่”