“หน้า…หน้าข้า!”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกถึงความผิดปกติจึงรีบลูบไล้ใบหน้าของตนเอง และมือของนางก็สัมผัสได้ถึงความข้นหนืด!
แล้วความรู้สึกเจ็บแปลบนั้นยิ่งทำให้หัวใจของนางสั่นสะท้าน!
ฉู่หลิวเยว่เป็นผู้ที่ทำให้นางเสียโฉม!
ความโกรธถึงขีดสุดปะทุขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ และฉู่เซียนหมิ่นก็ระเบิดสติเฮือกสุดท้ายออกไป
นางมองไปที่ใต้ฝ่าเท้าของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นว่ามีใบมีดแหลมคมสองสามใบซ่อนอยู่ในนั้นจริงๆ ด้วย
เมื่อครู่นี้ฉู่หลิวเยว่ใช้การวิ่งนี้กรีดใบหน้าของนาง!
และต้องทิ้งรอยแผลเป็นแปดในสิบส่วนอย่างแน่นอน!
นางรีบเอามือกุมหน้าตนเองด้วยความลนลานแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉู่หลิวเยว่! เจ้ามีความแค้นอะไรกับข้านักหรือ ทำไมถึงได้ทำร้ายข้าขนาดนี้!”
ฉู่หลิวเยว่ก้มเก็บกระบี่ที่ตกพื้นของนางขึ้นมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“ก่อนหน้านั้น เจ้าคิดจะทำให้ข้าเสียโฉมก่อนมิใช่หรือ”
ทันใดนั้นฉู่เซียนหมิ่นก็พูดไม่ออก แล้วรู้สึกผิดขึ้นมา
อันที่จริง ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ตอนที่นางตัดสินใจฉวยโอกาสทำให้ฉู่หลิวเยว่เสียโฉม นางหันข้อมือเล็กน้อยในทันทีและไม่ทันมองเห็นสิ่งผิดปกติอย่างละเอียดรอบคอบ
แต่ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับเดาความคิดของนางได้ในทันที!
“ไม่จริง! ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำ! ข้า…ข้าก็แค่อยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้าเท่านั้น ข้าจะไปคิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง! เจ้า! ต้องเป็นเจ้าแน่ๆ ที่คิดจะทำเรื่องแบบนี้ใช่หรือไม่ มิฉะนั้น เมื่อครู่นี้เจ้าคงไม่เร็วขนาดนั้นหรอก!”
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วประชดประชันอย่างไรความปรานี
“ที่ข้าเร็ว ก็เพราะข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้าอย่างไรล่ะ จุดนี้ เจ้าก็น่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ใช่หรือไม่”
คำพูดต่างๆ จุกอยู่ที่อกของฉู่เซียนหมิ่นและรู้สึกอึดอัดจนอยากจะระเบิดออกมา!
คำพูดของฉู่หลิวเยว่ นางมิสามารถโต้แย้งได้เลยสักคำ!
เมื่อครู่นี้ที่ทั้งสองต่างประชันฝีมือกัน ฉู่หลิวเยว่รวดเร็วกว่าจริง!
แต่ทว่าใบหน้าของนางเสียโฉมไปแล้ว นางจะยอมได้อย่างไร
ในใจของฉู่เซียนหมิ่นเต็มไปด้วยแรงอาฆาต และพุ่งเข้าใส่ด้วยความบ้าคลั่ง
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ฉู่เซียนหมิ่นกรีดร้องแล้วกระโจนเข้าหาฉู่หลิวเยว่
แม้ว่าใบหน้าของนางจะถูกกรีดเป็นรอย แต่ทว่าพลังของนางยังเหลืออยู่ ตอนนี้ ภายใต้ความโกรธแค้นถึงขีดสุด นางระเบิดพลังด้วยความเร็วที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา!
แม้กระทั่งพลังแห่งฟ้าดินที่อยู่รอบตัวก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดเข้ามาพร้อมกันเพื่อเข้าสู่ในร่างกายของนาง
ในระยะเวลาอันแสนสั้น พลังปราณในตัวของฉู่เซียนหมิ่นก็แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น!
“ดาวเพลิง!”
พลังสีแดงรวมตัวกันอย่างรวดเร็วบนฝ่ามือทั้งสองของนาง และกลายเป็นลูกไฟที่ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว!
จากนั้นนางก็ขว้างลูกไฟสีแดงนั้นออกไปอย่างแรง!
สิ่งนั้นลุกไหม้อย่างรวดเร็วแล้วพุ่งไปทางฉู่หลิวเยว่!
แรงอันทรงพลังหมุนออกไปด้วยความร้อนสูงและทิ้งร่องรอยสีดำไว้บนพื้น!
“หากเป็นคนที่ใกล้จะบรรลุผู้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่แล้ว ตอนนี้นางใช้ทักษะการต่อสู้ออกมาหมดแล้ว สงสัยการประลองคราวนี้ สุดท้ายนางก็เป็นฝ่ายชนะอยู่ดี…”
อาจารย์ท่านหนึ่งกระซิบ
ความสามารถของฉู่เซียนหมิ่นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาพวกเขาอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นนางคงคว้าชัยอันดับหนึ่งของการสอบผู้ฝึกยุทธ์มาไม่ได้หรอก
ไป๋เชินแสยะยิ้ม
“อย่าว่าแต่นางยังไม่ทันได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่เลย หรือต่อให้นางเป็นก็ไม่ใช่คู่แข่งของฉู่หลิวเยว่หรอกนะจะบอกให้!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ก็ดึงดูดความสนใจของอาจารย์หลายคนในทันที
“ไป๋เชิน ทำไมเจาถึงประเมินฉู่หลิวเยว่ไว้สูงนักเล่า เจ้าก็รู้นี่ว่าระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามและขั้นที่สี่มันมีช่องว่างขนาดใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถกระโดดข้ามขั้นได้อย่างใจนึก”
“ดูแล้ว การตอบสนองและการเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่เมื่อครู่นี้ น่าจะเคยผ่านการฝึกฝนขั้นพื้นฐานมาบ้างแล้ว ถึงได้แสดงความสามารถระดับนี้ออกมาได้ ซึ่งก็พิสูจน์ได้ว่านางมีพรสวรรค์ด้านผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ แต่ทว่าช่างน่าเสียดายที่…ชีพจรไม่สมบูรณ์ เมื่อต้องเผชิญทักษาการต่อสู้ เรียนไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี!”
ไป๋เชินขี้เกียจสนใจพวกเขาอีก
ต่อให้ในอนาคตฉู่หลิวเยว่จะไม่มีทางกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ แต่ความสามารถที่นางกำลังต่อสู้กับฉู่เซียนหมิ่นได้ก็เหลือเฟือแล้ว!
ภาพการทดสอบปรากฏขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง
ตอนที่ต่อสู้กับฉู่หลิวเยว่เขายังจำได้ขึ้นใจว่าเขาได้รับแรงข่มขู่อันน่าสะพรึงกลัวจนเกือบตาย
และในสนามการแข่งขัน ฉู่หลิวเยว่เผชิญหน้ากับฉู่เซียนหมิ่นที่กำลังสูญเสียการควบคุมอย่างเต็มกำลัง ไม่แม้แต่จะตื่นตระหนก แต่นางยังยักคิ้วแล้วหัวเราะอีกด้วย
“ในเมื่อเจ้าขอให้ข้าชี้แนะ เช่นนั้นก็ดูให้เต็มตา! ว่ากระบี่…ต้องใช้กันแบบนี้!”
นางพูดพลางเคลื่อนไหวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ตวัดปลายเท้ายกกระบี่บนพื้นขึ้นมาแล้วคว้าจับเอาไว้ทันที
“เร็วมาก!”
ผู้คนส่งเสียงร้องกันอย่างระทึกขวัญ
คราวนี้ฉู่หลิวเยว่ปราดเปรียวรวดเร็วกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
เมื่อเทียบกันกับนางแล้ว ดูเหมือนฉู่เซียนหมิ่นจะเคลื่อนไหวช้าลงโดยเจตนา
ฉู่หลิวเยว่เดินยักหน้ายักหลังงอเข่าเล็กน้อย กล้ามเนื้อในร่างกายหดเกร็งและพร้อมที่จะส่งพลังที่สะสมมาทั้งหมดออกไป
นางถือกระบี่ในมือเอาไว้แน่น เมื่อเปลวเพลิงสีแดงกำลังจะลุกไหม้ร่างกายของนาง ทันใดนั้นนางก็ยกแขนขึ้น!
กระบี่ที่อยู่สูงประกายแสงเฉียบคม!
ชิ้ง!
ฉู่หลิวเยว่ฟันกระบี่ลงมาอย่างไม่ลังเล!
กระบี่นี้ว่องไวยิ่งนัก!
ทุกคนต่างไม่ทันได้เห็นว่าฉู่หลิวเยว่เคลื่อนไหวอย่างไร และเห็นเพียงแสงแห่งคมดาบพร่ามัวที่ตวัดผ่านไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น
เสียงแหวกอากาศดังผ่านหูนั้นทำให้ผู้คนต่างอกสั่นขวัญแขวน
วินาทีถัดมา แสงสีเงินส่องก็ผ่านกลางเปลวเพลิงสีแดง!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น!
แต่ในสายตาของทุกคน กระบี่นั้นของฉู่หลิวเยว่ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งสิ่งใดได้
กลุ่มพลังที่น่าสะพรึงกลัวนั้นยังคงโจมตีนางอย่างรวดเร็ว!
“ความสามารถเพียงแค่นี้ของเจ้า คิดจะหยุดยั้งทักษะการโจมตีของข้าได้อย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ…”
ฉู่เซียนหมิ่นยิ้มเย็นยะเยือก
คนกระจอกงอกง่อยที่ไม่ได้เป็นแม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ เกรงว่าแม้กระทั่งวรยุทธ์ใดๆ ก็คงไม่มีหรอกกระมัง”
แค่กระบวนท่านี้ ฉู่หลิวเยว่ไม่ตายก็พิการ!
หลังจากนั้นใยวินาทีต่อมานางก็ต้องยิ้มค้าง!
เพราะเปลวไฟนั้นก็หยุดอยู่ตรงหน้าห่างจากฉู่หลิวเยว่ไปไม่ถึงช่วงแขน
หลังจากเงียบสงบไปครู่หนึ่ง มันก็ระเบิดแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ!
ตู้ม!
ทันใดนั้น ลูกไฟก็ระเบิดเป็นประกายไฟละเอียดยิบนับไม่ถ้วน
พลังที่ห่อหุ้มมันเอาไว้ก็พลันหายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อประกายไฟที่กระจัดกระจายกำลังจะตกใส่ร่างกายของตน ฉู่หลิวเยว่ก็ยกกระบี่ขึ้นอีกครั้งแล้วพลิกข้อมือแล้วฟันไปตามแนวขวาง!
ทันใดนั้นพลังกระบี่ที่แข็งแกร่งก็ก่อรูปร่างเป็นม่านฉากล่องหนตรงหน้านางเพื่อสกัดกั้นทุกสิ่งที่อยู่ด้านนอก
ดวงดาวนับไม่ถ้วนร่วงหล่นใส่ร่างของนางราวกับดวงดาวอันเจิดจ้าในคืนที่มืดมิด แต่ร่างกายของนางก็สะอาดราวกับไม่เคยเปื้อนฝุ่น
และดวงตาดำขลับคู่นั้นของนางก็ดูเหมือนจะเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น
ทุกคนในสถานการณ์ต่างตกตะลึง
หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาก็คงไม่เชื่อแน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่จะสามารถใช้กระบี่เล่มนี้เป็นสกัดกั้นการโจมตีของฉู่เซียนหมิ่นได้สำเร็จ
ฉู่เซียนหมิ่นตกตะลึงเบิกตาโพลง และลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดบนใบหน้า
นางมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสมองว่างเปล่าขาวโพลน!
แล้ววินาทีถัดมา ฉู่หลิวเยว่ก็ขว้างกระบี่ยาวในมือของนางไปทางฉู่เซียนหมิ่น
เจตนาฆ่าอันเฉียบคมก็เคลื่อนมาปกคลุมรอบตัวนางเอาไว้
ความรู้สึกกลัวในใจลึกๆ ทำให้ฉู่เซียนหมิ่นอ่อนยวบและยากที่จะขยับลุกขึ้น
ฉับ!
กระบี่ยาวลอยประชิดศีรษะของฉู่เซียนหมิ่น และทันใดนั้นก็เฉือนหนังศีรษะของนางออกไปหนึ่งแผ่น
“อ๊าก….!”
ฉู่เซียนหมิ่นกรีดร้องออกมาแล้วทรุดลงไปกองกับพื้นทันที!
เมื่อครู่นี้นางเกือบตายไปแล้ว!
“การตอบสนองก็ช้า การเคลื่อนไหวก็ยิ่งช้า ทำแต่เรื่องโง่ๆ ดูแล้ว เจ้าก็คงได้แค่นี้แหละ”
เสียงที่เย็นชาและไม่แยแสดังมาจากเหนือศีรษะของนาง
ฉู่เซียนหมิ่นตัวสั่นงันงกเงยหน้าขึ้นมอง นางก็เห็นว่าหญิงสาวผู้อ่อนแอที่เคยโดนนางรังแกเหยียบย้ำอยู่ใต้ฝ่าเท่า บัดนี้ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
นางเปรียบเสมือนผู้ยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดทั้งปวงที่มิสามารถเอื้อมถึงหรือแตะต้องได้ ทำให้ผู้คนถ่อมตัวและยอมจำนนจากก้นบึ้งของหัวใจ และพวกเขาไม่กล้าที่จะต่อต้าน!
“น้องสาม การชี้แนะครั้งนี้เจ้าพอใจหรือไม่”