หมื่นสวรร์คสิ้นโลกา Online Ep.362 – ค้นพบ
ในสาธารณรัฐฟูซี เวโรน่าสวมมงกุฏ สถาปนาตนเองเป็นกษัตรีย์ต่อหน้าคนทั้งโลก
พิธีราชาภิเษกได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
ในช่วงเวลาเดียวกัน
ณ จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์
มนุษย์ปีศาจทั้งหมดได้ตายลงไปแล้ว
ในการโจมตีครั้งนี้ ตลอดทั้งเมืองหลวงของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้พบกับความสูญเสียอย่างแสนสาหัส
โบสถ์ใหญ่ได้กลายเป็นซากปรักหักพัง
อาคารที่งดงามทั้งหลัง บัดนี้มีเพียงส่วนชั้นใต้ดินเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้
ณ ห้องลับในชั้นใต้ดินของโบสถ์
ยี่ชายืนอยู่หน้าสระเลือดและถอนหายใจอย่างอ่อนล้า
“เอาล่ะ ข้าจะเริ่มอัญเชิญเจ้าแล้วนะ” เธอกล่าว
เหนือสระเลือด มีไพ่ใบหนึ่งลอยอยู่
ด้วยคำพูดของเธอ ไพ่ใบนั้นก็ส่งแสงสีเทาบางเบา สาดส่องลงไปในสระเลือด
“ไพ่เพรียกปีศาจ”
“คำอธิบาย : การใช้ไพ่ใบนี้ คุณจะสามารถสกัดจิตวิญญาณนับไม่ถ้วน และส่งพวกมันไปยังโลกอื่นได้”
บังเกิดเสียงดังก้องขึ้นในสระเลือด “ลำบากเจ้าแล้ว อีกไม่นานพิธีก็จะสมบูรณ์ แต่ข้ายังต้องการเวลาเล็กน้อยเพื่อเสริมพลังที่จะใช้เพื่อเข้าถึงโลกของเจ้า”
“แอสเมิร์ด เจ้าจะมาที่โลกนี้เพื่อปกป้องข้าจริงๆน่ะหรือ?” ยี่ชาเอ่ยถาม
แอสเมิร์ดมิได้ตอบกลับไป
ไพ่ลอยจากเหนือบ่อเลือด มาหยุดอยู่ตรงหน้ายี่ชาอย่างเงียบๆ
ไพ่ใบนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยชั้นเปลวเพลงอันงดงามที่เวียนวนอยู่ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นว่าสิ่งใดกันที่ถูกวาดอยู่ภายใน
“นี่มันอะไร?” ยี่ชาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไพ่ที่มิอาจกล่าวถึงได้ แต่หากเจ้าพกมันติดตัวไว้ แล้วเผชิญกับอันตรายถึงตาย มันจะถูกเปิดใช้งานขึ้น ‘ช่วงเวลาหนึ่ง’ เพื่อช่วยให้เจ้ารอดพ้นจากความตาย”แอสเมิร์ดกล่าว
ว่าจบ ไพ่ก็ตกลงไปในมือของยี่ชา
ยี่ชาลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็รับมันมา
‘ไพ่ที่มิอาจกล่าวถึงได้’ นั่นหมายความว่าไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันเป็นไพ่ประเภทใด หากเป็นในกรณีนี้ แน่นอนว่าเธอย่อมไม่กล้าใช้มัน
นอกจากนี้ สิ่งที่พวกปีศาจให้มา ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป
เธอกล่าว “ข้าต้องการที่จะตรวจสอบไพ่ใบนี้”
“เชิญทำตามที่เจ้าต้องการได้เลย”
ยี่ชายกไพ่ขึ้นมาแปะบนหน้าผากของเธอ และเพ่งการรับรู้ทางจิตลงไปยังมันอย่างระมัดระวัง
ยามเมื่อแปะลงบนหน้าผาก พลันบังเกิดกระแสพลังคุ้มภัยอันเปี่ยมล้น ถูกปลดปล่อยออกมาจากรอบตัวเธอ
ยามเมื่อเพ่งการรับรู้ทางจิตลงไป แม้ไพ่ใบนี้ที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง แต่มันกลับทำให้ยี่ชาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังป้องกันอันลึกล้ำจากมัน
ไพ่ใบนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ..
ได้รับการตัดสินโดยยี่ชาที่เป็นผู้ใช้เทียนซวนประเภทไพ่ รวมไปถึงได้รับการตัดสินโดยการรับรู้ทางจิตวิญญาณ … ดังนั้นไพ่ใบนี้ไม่สมควรที่จะผิดปกติใดๆ
“ขอบใจนะแอสเมิร์ด” ยี่ชาเก็บไพ่และกล่าวออกมา
“ด้วยความยินดี แต่ก่อนที่พิธีจะเสร็จสิ้น เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวให้ดี จงอย่าทำอะไรเกินงามเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าจะปลอดภัยก่อนที่ข้าจะมาถึง”
ในกระแสเสียงของเขา แฝงไว้ซึ่งร่องรอยของความกังวลอันหาได้ยากยิ่ง
ยี่ชาก็ตระหนักถึงมันเช่นกัน
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเคารพยิ่งกว่าเดิม “เข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ”
“ไปเถอะ” แอสเมิร์ดกล่าว
แล้วยี่ชาก็ออกจากสระเลือดไป
‘เฮ้อ … ’ ภายในสระเลือด บังเกิดเสียงถอนหายใจด้วยความกังวลออกมาเล็กน้อย
ยี่ชาขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน แล้วเธอก็พบกับหัวหน้าสาวกศักดิ์สิทธิ์ฮัทท์กับคาร์ดินัลคิดด์ที่กำลังวิ่งตรงมาอย่างเร่งรีบ
“มีเรื่องอะไร?” ยี่ชาเอ่ยถาม
“คิดด์บอกว่าเขาได้ข้อมูลเกี่ยวกับชายผู้นั้นแล้ว” ฮัทท์เอ่ยรายงาน
“ชายผู้นั้น?”
ยี่ชาตอบสวนกลับไป แต่แล้วไม่ต้องรีรอให้อีกฝ่ายบอก เธอก็ได้คำตอบทันที
จริงสิ ในงานเลี้ยงของมาดามดู่ ตนได้ลงมือเข้าต่อสู้ด้วยตัวเอง และในที่สุดก็ปล่อยให้นายทหารของรัฐบาลกลางหนีไป
ผู้ชายคนนั้น … กล้าดียังไงถึงมาเล่นตลกกับเธอ!
“รีบพูดมา” ยี่ชาเร่งกล่าว
“โปรดดูนี่”
คาร์ดินัลคิดด์เปิดสมองควอนตัมของเขา และฉายภาพขึ้นบนจอม่านแสง
ณ สาธารณรัฐฟูซี
เวโรน่าได้สวมมงกุฏ สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์
ภายใต้การเรียกขานของเธอ นักดาบในเกราะทองคำได้ปรากฏกายขึ้น เขาสังหารมอนสเตอร์และตัดสะบั้นศีรษะของรัฐมนตรีกลาโหม
“ชายคนนี้งั้นหรือ?” ยี่ชาเอ่ยถาม
คาร์ดินัลคิดด์ตอบ “ในช่วงเวลานั้น ตอนที่เขาได้หลบหนีจากงานเลี้ยงของมาดามดู่ เขาก็ได้สวมใส่เกราะทองคำเช่นกัน”
“เจ้าแน่ใจใช่ไหม?”
“ไม่ผิดพลาดแน่นอน แส้ของกระผมไม่สามารถทะลุเข้าไปในเกราะได้เลย ดังนั้นกระผมเกิดความประทับใจต่อมัน และจดจำได้เป็นอย่างดี” คิดด์กล่าว
ยี่ชาหรี่ตาแคบลง จ้องมองไปที่นักดาบเกราะทองคำชนิดหัวชนฝา
ทันใดนั้น วิสัยทัศน์ของเธอก็ตกลงบนดาบยาวของนักดาบเกราะทองคำ
“ใช่แล้วล่ะ นั่นต้องเป็นเขาแน่ๆ ข้าจดจำดาบเล่มนั้นได้!” เธอพยักหน้า
“เช่นนั้นเขาก็เป็นคนของฟูซี” ฮัทท์เอ่ยเสริม
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเราถึงไม่อาจค้นพบกับคนๆนี้ได้ในรัฐบาลกลาง” คิดด์พูดด้วยความตื่นเต้น
ยี่ชาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะกล่าวว่า “เราได้รับเชิญในพิธีราชาภิเษกของเวโรน่าอยู่ ถูกต้องหรือไม่”
“ขอรับ”
“ถ้าบินไปตอนนี้ จะต้องใช้เวลาแค่ไหน?”
“ถ้าด้วยรถเหินเวหา อย่างเร็วที่สุดก็น่าจะทันช่วงเวลามื้อกลางวันของพิธีราชาภิเษก .. ”
“ดีมาก คิดด์ เจ้ารับหน้าที่ปกป้องที่นี่ ส่วนฮัทท์ฺ เจ้าไปฟูซีกับข้า”
“ขอรับ!” สองสาวกศักดิ์สิทธิ์โค้งกายลงเล็กน้อย ปากเอ่ยรับคำสั่ง
“ในที่สุดข้าก็เจอตัวเจ้า … อยากจะรู้จริงๆว่าสิ่งใดกันแน่นะที่เจ้าได้ขโมยมันไปจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์”
อย่างรวดเร็ว รถเหินเวหาก็ได้ทะยานตัวออกไป บินมุ่งตรงไปยังทิศทางเมืองหลวงของฟูซี
……
ณ สาธารณรัฐฟูซี
ภายในสถานที่พักของแขกรับเชิญ ในงานเลี้ยงอาหารกลางวัน
ทุกอย่างดูจะเรียบง่ายและเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ผู้นำจากทุกประเทศมารวมตัวกันที่นี่ หารือกันอย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับวิธีรับมือกับการรุกรานของนรก
ว่ากันว่านักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลกลางจะประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชิ้นสำคัญที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอีกด้วย
แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น ผู้นำทั้งหลายจะไม่ได้รับอนุญาตให้ท้องหิวในระหว่างที่ประชุม
ดังนั้น หลังพิธีราชาภิเษก ทุกคนจึงต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน และจะได้รีบกินมัน เพื่อที่จะได้พร้อมเข้าร่วมประชุมกันเร็วๆซักที
บนเวที สมเด็จพระจักรพรรดินีได้กล่าวสุนทรพจน์เพียงสั้นๆ
และงานอาหารกลางวันก็เริ่มต้นขึ้น
ผู้นำจากประเทศต่างๆ แต่ละคนเริ่มนั่งลงในตำแหน่งของตัวเอง
สมเด็จพระจักรพรรดินีได้พูดคุยทักทายกับผู้นำจากแต่ละประเทศ , เหล่านักการเมือง และบุคคลสำคัญที่มาเข้าร่วม
ท่าทีการแสดงออกของเธอดูสงบ สง่างาม และทรงเสน่ห์ ขับกล่อมด้วยมงกุฏทองคำบนศีรษะส่องแสงระยิบระยับก็ยิ่งดูโดดเด่นงดงาม
ทุกอย่างดูจะเป็นไปได้ด้วยดี
ในตอนนั้นเอง หนึ่งในองครักษ์วังก็วิ่งเหยาะๆเข้ามา และกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูสมเด็จพระจักรพรรดินี
สมเด็จพระจักรพรรดินีกล่าวขออภัยต่อทุกคน และแยกตัวออกไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทางการทูตและองครักษ์อีกหลายคน
ฉากนี้ ทำให้ผู้คนต่างเกิดความสงสัยและใคร่รู้
แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็ได้พบกับคำตอบ
ประตูทางเข้าหลักของห้องจัดเลี้ยงถูกเปิดออก สมเด็จพระจักรพรรดินีและคนอีกสี่คนเดินเข้ามาพร้อมกัน หัวเราะสนทนาด้วยรอยยิ้ม
ชายแก่ที่เป็นหนึ่งในนั้น ผู้คนทั้งหลายในที่แห่งนี้ต่างรู้จักกันดี
เขาคือประธานาธิบดีแห่งรัฐบาลกลาง
ส่วนอีกสามคนที่เหลือยังเป็นวัยรุ่นอยู่ แต่พวกเขาไม่รู้จัก
ทว่าในเมื่อทัศนคติของสมเด็จพระจักรพรรดินีที่แสดงออกมากลับดูเหมือนว่าจะสนิทสนมกับคนหนุ่มทั้งสามนั่นเป็นอย่างดี
นี่มันออกจะแปลกๆนะ
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านประธานาธิบดีก็ดูเหมือนว่าจะรู้จักเด็กหนุ่มทั้งสามอยู่ก่อนแล้วอีกด้วย
“ข้าต้องการทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับเด็กหนุ่มทั้งสามคนนั้น ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ในทันที!” ยี่ชากล่าว
เธอนั่งอยู่กับฮัทท์อย่างเงียบๆ โดยคนรอบข้างไม่มีใครกล้าที่จะพูดกับเธอเลย
“รับทราบ”
ฮัทท์เปิดสมองควอนตัมและทำการเชื่อมต่อกับระบบข่าวกรองของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์
ไม่นานนัก เขาก็ยื่นสมองควอนตัมไปให้พระสันตะปาปา
“หนึ่งคือราชานักฆ่าแห่งรัฐบาลกลาง อีกหนึ่งคือนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง และเอ่อ ..อีกหนึ่งไม่มีข้อมูล”
“ … นี่ช่างเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่แปลกประหลาดโดยแท้”
พระสันตะปาปากล่าวอย่างเงียบๆ “แต่นี่มันไม่ถูกต้อง เหตุใดข้าถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเจ้านักวิทยาศาสตร์คนนั้นกันนะ ..”
แต่แล้วจู่ๆก็ราวกับมีแรงกระตุ้นให้เธอต้องการที่จะใช้ไพ่เพื่อมองดูโชคชะตาในทันใด
ทว่าสุดท้าย เธอก็พยายามฝืนอดกลั้นมันเอาไว้ได้ในที่สุด
นี่มันกลางงานเลี้ยงที่เป็นการรวมตัวของผู้นำจากทุกประเทศนะ หากเธอจั่วไพ่ขึ้นมาที่นี่ คนอื่นจะมองเธอด้วยสายตาอย่างไร?
ในเวลานั้นเอง ทหารวังก็เดินเข้ามา
ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับพระสันตะปาปา บนหน้าผากของเขาบังเกิดเม็ดเหงื่อขนาดเท่าลูกปัดผุดขึ้นเต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังตึงเครียดสุดๆ ทว่าเขาก็ยังคงฝืนยิ้มให้อีกฝ่าย
ทหารวังวางบัตรสี่เหลี่ยมลงเบื้องหน้าพระสันตะปาปา และโค้งกายคำนับให้แด่เธอ
พระสันตะปาปาเอื้อมมือไปหยิบบัตรขึ้นมาดู
‘ทันทีหลังจากที่งานเลี้ยงอาหารเที่ยงจบลง สหพันธ์โลกจะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่จะใช้ในการต่อต้านวันสิ้นโลก’
“ข้าจะไปที่นั่นตามที่ได้กำหนดการไว้” เธอกล่าว
“ขอรับ” ทหารวังพยักหน้าเล็กน้อย แล้วค่อยๆหมุนตัวเดินแยกออกมา
เมื่อเขาออกจากโต๊ะของพระสันตะปาปา ตนก็ลอบถอนหายใจโล่งอกอย่างลับๆ
ยี่ชามองไปที่เวโรน่า
สมเด็จพระจักรพรรดินียังคงทักทายแขกผู้มีเกียรติของรัฐบาลกลางอยู่ เดินส่งพวกเขาไปยังที่นั่ง จากนั้นก็สนทนากันเพียงไม่กี่คำ และเตรียมที่จะเดินจากไป
เธอเป็นเจ้าภาพของที่นี่ ดังนั้นจึงต้องรีบไปเตรียมการประชุมสภาโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น
ยี่ชาขบคิดเกี่ยวกับมัน ก่อนที่ตนจะยกมือสูงขึ้น และโบกไปมาทางสมเด็จพระจักรพรรดินี
แน่นอน ว่าทุกๆการเคลื่อนไหวของเธอน่ะถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อเธอยกมือขึ้น ผู้คนจำนวนมากจึงสังเกตเห็นฉากนี้
สมเด็จจักรพรรดินีเวโรน่าก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะสังเกตเห็นมันเช่นกัน
เวโรน่าหันศีรษะมองไปทางยี่ชา
ดวงตาของทั้งสองสบกัน
ยี่ชากล่าว “เวโรน่า พอจะมีเวลาสนทนากันสักหน่อยได้หรือไม่?”
เสียงภายในห้องจัดเลี้ยงค่อยๆเงียบลง
หนึ่งคือผู้นำศาสนาที่สังหารครอบครัวของอีกฝ่าย ทำการยึดอำนาจรัฐ แถมยังเป็นหนึ่งในตัวตนขั้นห้าที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ส่วนอีกหนึ่งคือผู้ที่คนในครอบครัวถูกสังหารลง แม้กระทั่งสามีก็เสียชีวิต แต่ในที่สุดเธอก็สามารถลุกขึ้นยืนหยัดและควบคุมปกครองทั้งประเทศจนได้
ความเกลียดชังระหว่างทั้งสองราวกับผืนดินและผืนทะเลที่ไม่ว่าฝ่ายใดล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตตน ก็จะถูกกลืนกินไปทันที
แต่ในเวลานี้ พระสันตะปาปากลับยิ้มหวานและเชื้อเชิญสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเพื่อต้องการที่จะพูดคุยกับเธอ
สมเด็จพระจักรพรรดินียังไม่ทันจะได้เอ่ยตอบ หนึ่งในองครักษ์วังก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวขึ้นมาทันที “หากท่านต้องการจะกล่าวอันใด ขอให้พูดมันออกมาตรงๆ ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้กับสมเด็จพระจักรพรรดินี!”
แน่นอน มันเป็นความจริงที่ว่าทั้งโลกน่ะรับรู้กันทั่ว ว่าพระสันตะปาปาคือมืออาชีพขั้นห้าที่แข็งแกร่งที่สุดเฉกเช่นเดียวกันกับองค์จักรพรรดิแห่งฟูซีที่พึ่งล่วงลับไป
แม้ว่าสมเด็จพระจักรพรรดินีจะเป็นมืออาชีพเช่นกัน แต่ในด้านความแข็งแกร่ง เธอก็มิอาจเทียบเปรียบได้กับคนตรงหน้า
ดังนั้นหากพระสันตะปาปาต้องการที่จะสังหารสมเด็จพระจักรพรรดินีแล้วล่ะก็ ตราบใดที่ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากพอ มันย่อมสำเร็จได้อย่างแน่นอน
“เวโรน่า เจ้ากลัวข้ากระนั้นหรือ?” ยี่ชาเอ่ยถาม
รอยยิ้มหยันผุดขึ้นบนมุมปากของเวโรน่า เธอเอ่ยสวนกลับไปว่า “เจ้าควรเรียกว่าข้าสมเด็จพระจักรพรรดินีนะ ยี่ชา”
ยี่ชามองดูเธอและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่างงั้นหรือ แต่เจ้าก็เรียกขานข้าด้วยชื่อเช่นกันนี่”
“แน่นอน หรือเจ้าอยากจะให้ข้าเรียกขานด้วยชื่อเสียงอื่นที่เจ้ามี อย่างเช่น ผู้ยึดอำนาจประเทศ? หรือผู้ลอบสังหารกษัตริย์ดีเล่า?”
“บังอาจ! ข้าคือพระสันตะปาปาแห่งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์นะ!”
เวโรน่า “คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์เป็นของตระกูลเมดิซี และหัวหน้าตระกูลในรุ่นนี้ แอนนา เมดิซี ก็ไม่เคยยอมรับอำนาจของเจ้า”
รอยยิ้มบนใบหน้าของยี่ชาเริ่มที่จะค่อยๆจางหายไป
เวโรน่ามองไปยังเหล่าบุคคลสำคัญในห้องจัดเลี้ยง ก่อนจะมาหยุดลงที่ยี่ชาอีกครั้งและกล่าวว่า “สิ่งที่เจ้าต้องการจะพูด มีเพียงแค่นี้ใช่หรือไม่?”
ยี่ชา “สิ่งนี้มันเกี่ยวโยงกับเรื่องอื้อฉาวของราชวงศ์ฟูซี เจ้ามาพูดคุยกับเราเป็นการส่วนตัวจะดีกว่า”
เธอเท้าศอกลงบนโต๊ะ และก้มวางแก้มลงบนมือ ปากเอ่ยกล่าวด้วยความสนใจ “หรือเจ้าไม่กล้าที่จะมา? ในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดินี เจ้าเกรงว่าข้าจะสังหารเจ้างั้นหรือ?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ เวโรน่าทำได้แค่เพียงลอบกัดฟันอย่างลับๆ
อีกฝ่ายอันตรายเกินไปสำหรับเธอ
ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม เธอจะไม่โยนตนเองให้ไปตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด!
เพราะการต่อสู้ด้วยความโกรธน่ะ มันเป็นการกระทำของพวกเด็กๆที่เลือดยังร้อนเท่านั้น
ในหัวเธอกำลังคิดประโยคปฏิเสธดีๆอยู่หลายประโยค แต่แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาในหูของเธอ
“ไปฟังในสิ่งที่เธอจะพูดเถอะ หากยังมีผมอยู่ที่นี่ ขอท่านโปรดวางใจได้เลย ” กู่ฉิงซานกล่าว