บทที่ 59: พรปีใหม่ของนอร่า

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 59: พรปีใหม่ของนอร่า

สรุปแล้วที่ผ่านมามันเป็นคืนอันยากลำบากสำหรับโรเอล

การสวดมนต์อธิษฐานในวันปีใหม่นั้นเป็นงานมงคลอันสำคัญสำหรับเหล่าผู้ศรัทธาในเทพีเซีย งานนั้นเริ่มต้นขึ้นก่อนเวลาเที่ยงคืน แต่การท่องบทสวดทั้งหมดในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละครั้งต้องใช้เวลานานถึงสองชั่วโมง และต้องทำซ้ำถึงสามครั้ง กว่ากิจกรรมนี้จะจบลงก็ปาเข้าไปถึงรุ่งสางแล้ว

ในฐานะแขกพิเศษของพระสังฆราช โรเอลจึงได้รับสิทธิพิเศษให้ได้นั่งในส่วนที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับแขกกิตติมศักดิ์ ซึ่งมีแขกผู้มีเกียรติที่เดินทางมาจากทั่วทั้งทวีปมารวมตัวกัน

หากใครคิดว่าการถูกจัดให้อยู่ในส่วนสำหรับแขกกิตติมศักดิ์เป็นสิ่งที่น่ายินดีล่ะก็ พวกเขาพลาดถนัด ที่นี่ไม่ได้มีของว่างให้เคี้ยว และก็ไม่มีโซฟาให้นั่งเล่นแต่อย่างใด ในความเป็นจริงมันเป็นเพียงแค่ชื่อเรียกอันหรูหราในการได้นั่งในตำแหน่งที่ใกล้ที่สุดกับคุณปู่จอห์น

ใช่แล้ว มันไม่ได้มีเบาะใด ๆ มันเป็นเพียงพื้นที่ที่มีผ้าปูขนาดใหญ่หลายสิบผืนวางอยู่หน้าเวทีที่พระสังฆราชกำลังพูดอยู่ แขกกิตติมศักดิ์ทุกคนจะได้รับผ้าปูพื้นกระเบื้องส่วนตัวสำหรับการสวดมนตร์อ้อนวอน

แต่อย่างน้อย ๆ มันก็กว้างขวางกว่าพื้นที่ของบุคคลทั่วไปที่เปรียบได้กับฝูงปลาซาร์ดีนที่อัดแน่นอยู่ตลอดเวลาข้างหลังเขา

แต่โรเอลเองก็ต้องยืนเคียงข้างกับผู้ศรัทธาเหล่านี้ตลอดจนจบงาน หรือก็คือยาวไปจนถึงช่วงกลางวัน

นี่มันเป็นการทรมานอันน่าสะพรึงดี ๆ นี่เอง!

โรเอลผู้ไม่ได้มีความเชื่อนั้นได้แต่รู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่งกับสถานการณ์นี้

ในตอนแรกเขาแทบจะไม่สนใจงานนี้เลยด้วยซ้ำ! แต่ในฐานะที่เขาเป็นแขกรับเชิญของพระสังฆราช เด็กชายจึงไม่สามารถออกจากงานกลางคันได้ เพราะมันจะเป็นการแสดงความไม่เคารพต่อคุณปู่จอห์นอย่างโจ่งแจ้ง!

ผลก็คือโรเอลต้องทนยืนอยู่ในค่ำคืนแห่งความทุกข์ทรมาน เขายืนมาตลอดตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงช่วงกลางวัน โดยได้พักเพียงช่วงสั้น ๆ สองครั้งระหว่างช่วงคาบต่อเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อถึงตอนท้ายของการสวดมนต์อธิษฐานรอบที่สามเขาก็ได้รับการปลดปล่อย

แน่นอนว่ามีคนแบบโรเอลไม่มากเท่าไหร่นักที่คิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นความทุกข์ ผู้ศรัทธาส่วนใหญ่นั้นยังคงตื่นเต้นกับเทศกาลปีใหม่เช่นเคย

นอกจากนี้ หลังจากสวดมนต์กล่าวคำอธิษฐานปีใหม่จนเสร็จสิ้นแล้ว ทางราชวงศ์ก็จะออกมาแจกจ่ายลูกอมศักดิ์สิทธิ์รอบแรก

ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ดึงดูดความสนใจของมวลชนเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าใครก็ตามที่สามารถรวบรวมลูกอมศักดิ์สิทธิ์ได้มากที่สุดในรอบแรก จะได้รับพรมากที่สุดในปีนี้

คล้ายกับที่บางคนคิดว่าการไปถึงเป็นคนแรกในการไปเยี่ยมชมวัดและจุดธูปเทียนสำหรับปีใหม่จะนำมาซึ่งโชคลาภในอีกสิบสองเดือนข้างหน้า

นั่นเป็นผลให้มีฝูงชนออกมายืนอยู่ข้างถนนเพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาที่ผ่านไป

น่าเสียดายที่โรเอลไม่ได้สนใจโชคลาภที่มาพร้อมกับกิจกรรมนี้มากเท่าไหร่นัก ก่อนหน้านี้เขาได้รับพรโดยตรงจากพระสังฆราชแล้ว ก่อนที่การสวดมนต์ปีใหม่จะได้เริ่มต้นขึ้นเสียอีก ส่วนลูกอมศักดิ์สิทธิ์นั้น สิ่งที่เขาต้องทำก็คือพูดกับนอร่า เพื่อรับลูกอมทั้งขวดโหลมาจากเธอ

แต่แน่นอนว่าลูกอมของทูตสวรรค์ตัวน้อยนั้นไม่มีทางที่เธอจะให้กันฟรี ๆ แน่ เธอเชี่ยวชาญในการใช้ตัวแปรทุกประเภทเพื่อปลุกปั่นปัญหา แค่คิดถึงมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กระดูกสันหลังของโรเอลสั่นสะท้าน เด็กชายรู้สึกว่าสู้ไม่ได้ลูกอมศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นยังจะดีซะกว่า

ภายใต้การคุ้มกันของกองทหารอัศวิน โรเอลก็ได้เดินทางด้วยรถม้า มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์เขาวงกต ระหว่างทางกลับเขาก็มองผ่านหน้าต่าง เห็นเหล่าผู้คนที่กำลังเดินทางกลับบ้านไปพร้อมกับรอยยิ้มอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขบนใบหน้า

เมื่อมาถึงที่หมายโรเอลก็เดินลงมาจากรถม้า แล้ววางเหรียญทอง 10 เหรียญไว้ในมือของหัวหน้ากองทหารอัศวิน

“นี่คือ…?”

“วันนี้เป็นวันปีใหม่ ข้าไม่สามารถให้เจ้าทำงานล่วงเวลาได้โดยปราศจากค่าตอบแทน ขอบคุณสำหรับการคุ้มกันในวันนี้ด้วยนะ”

“ฮ่าฮ่า! ขอบคุณสำหรับความเอื้ออาทรของท่านเช่นกันนายน้อยโรเอล ขอให้เทพีเซียได้โปรดอวยพรแก่ท่าน!”

หลังจากที่ได้รับเงินมาแล้วหัวหน้ากองทหารอัศวินก็โบกมือลาโรเอลพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า โรเอลกล่าวอำลาตอบกลับไปก่อนที่จะเดินเข้าไปในคฤหาสน์เขาวงกต ภายใต้การคุ้มกันของเหล่าคนรับใช้ ก่อนที่จะตระหนักได้ว่ายังไม่มีใครกลับมาเลย

มาร์ควิสคาร์เตอร์ อลิเซีย หรือแม้แต่แอนนาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่

“หืม? พวกเขาไปอยู่ที่ไหนกันหมด?”

“ท่านมาร์ควิสได้ส่งข่าวมาว่า องค์ชายเคนได้นำเหล่าขุนนางไปออกล่าสัตว์ในเทศกาลปีใหม่ โดยท่านมาร์ควิสและนายหญิงอลิเซียเองก็ได้ไปร่วมงานกับพวกเขาด้วยเช่นกัน มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะกลับมาในคืนถัดไปค่ะ”

“เอ๋? คืนถัดไปอย่างนั้นเหรอ?”

นี่หมายความว่าเราจะต้องใช้เวลาช่วงปีใหม่อยู่ตัวคนเดียวอย่างนั้นเหรอ? ต้องล้อกันเล่นแน่ ๆ! ชิ ถ้ารู้ล่วงหน้าล่ะก็ รู้อย่างนี้เราไม่รีบกลับมาที่นี่ซะก็ดีหรอก นี่มันโดดเดี่ยวเกินไปแล้ว

โรเอลจ้องมองไปทั่วคฤหาสน์อันว่างเปล่าและเหล่าคนรับใช้ที่เขาไม่คุ้นเคย ซึ่งประจำการอยู่ที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกแปลกประหลาดราวกับว่าเขาเป็นแขกภายในบ้านของเขาเอง

“ช่างมันเถอะ ฉันเหนื่อยมากแล้ว ไปนอนก่อนก็แล้วกัน”

หลังจากหาวเบา ๆ โรเอลก็นึกบ่นในใจที่ตนเองนั้นต้องใช้เวลาช่วงปีใหม่เพียงลำพังโดยไม่มีอลิเซีย พลางเดินกลับไปที่ห้องของตน จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมออกแล้วเอนลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง

ไม่นานนักเขาก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

——

เมื่อโรเอลลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทั้งคฤหาสน์ก็มืดสนิท มีเพียงแสงจาง ๆ ด้านหลังเขาที่ทำให้ห้องสว่างไสว ความรู้สึกไม่สบายตัวจากการนอนทับท้องนานเกินไป ทำให้เขาพลิกตัวไปด้านหลังก่อนที่จะหายใจออกยาว ๆ ด้วยความโล่งอก ท่านอนใหม่นี้ทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นมากเลยทีเดียว

“เฮ้อออ ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ?”

“หกโมงเย็น”

“เหวอ!”

การตอบสนองโดยไม่คาดคิดจากข้าง ๆ เตียงทำให้โรเอลสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ เขาเห็นร่างของเด็กสาวผมทองนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ เขา เธอหัวเราะอย่างเต็มที่หลังจากที่ได้เห็นปฏิกิริยาอันตื่นกลัวของเขา

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ปฏิกิริยาของเจ้านี่มันตลกจริง ๆ ให้ตายสิ ไม่เสียทีที่นั่งรอเจ้าตื่นเลย”

โรเอลจ้องมองไปยังองค์หญิงที่กำลังหัวเราะ พลางแยกเขี้ยวราวกับว่าเขากำลังจะชักดาบใส่เธอ ทำให้ในที่สุดนอร่าก็ตัดสินใจที่จะควบคุมเสียงหัวเราะของเธออย่างรวดเร็ว

“ไหนบอกมาสิว่าเธอเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง? ได้ขออนุญาตก่อนรึเปล่า?”

“เมื่อกี้ข้ายังเห็นเจ้าตื่นเต้นอยู่เลย ไม่ชอบงั้นเหรอ?”

“ตื่นเต้นก็บ้าแล้ว!”

โรเอลปฏิเสธอย่างไร้ความปราณี

เขามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อค้นหาคนรับใช้ของเขา แต่นอร่าก็ตัดบททิ้งในทันที

“ข้าเปลี่ยนคนรับใช้ของเจ้าออกไปหมดแล้ว ทุกคนที่นี่ทำงานให้กับข้า”

“???”

หมายความว่ายังไง? นี่เป็นการลักพาตัวงั้นเหรอ? เราแค่หลับไปแท้ ๆ แต่ก็แน่แหละ ระหว่างนั้นเธอจะทำอะไรก็ได้แล้วนี่นา?

“ขอถามตรง ๆ เลยนะ เธอมาทำอะไรที่นี่? แด่เทพีเซีย ในวันเทศกาลปีใหม่แบบนี้ปล่อยฉันไปสักวันก็ไม่ได้เหรอ?”

โรเอลทำได้เพียงแค่บ่นออกมา

“ทำไมเจ้าถึงพูดอะไรไร้เยื่อใยแบบนั้น เจ้าก็รู้ดีนี่นาว่าข้ามาที่นี่เพื่ออยู่กับเจ้า โอกาสแบบนี้ถือเป็นเกียรติสำหรับผู้คนนับไม่ถ้วนเลยนะ”

นอร่าเปิดเผยเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงมาที่นี่ด้วยรอยยิ้มที่ทำให้โรเอลพูดไม่ออก

พูดง่าย ๆ ก็คือเทศกาลล่าสัตว์ปีใหม่เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจอย่างกะทันหันของเหล่าขุนนางที่กำลังเมาสุรา ไม่เพียงแต่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดเท่านั้นที่ว่างเปล่า แต่ในพระราชวังเองก็แทบจะไม่มีใครอยู่เลยเช่นกัน โรเอลผู้ไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงเนื่องจากมีนัดกับจอห์น และนอร่าผู้ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันประสานเสียง จึงกลายเป็นหนึ่งในบรรดาคนไม่กี่คนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

พระสังฆราชจอห์นเองก็กำลังยุ่งอยู่ในช่วงเวลาปีใหม่เช่นกัน เขาต้องพบปะกับเหล่าผู้ศรัทธา ผู้มีอิทธิพลจากทั่วทั้งทวีป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแบ่งเวลาไปอยู่กับหลานสาวของเขาได้ตลอดเช่นกัน

เมื่อคาดว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ องค์ชายเคนจึงบอกให้นอร่า นำพ่อครัว คนขับรถม้า และคนรับใช้กลุ่มใหญ่ตรงไปที่คฤหาสน์เขาวงกตเพื่อไปหาโรเอล เด็กทั้งสองสนิทกันอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะให้พวกเขาได้ใช้เวลาปีใหม่ด้วยกัน สานสัมพันธ์กระชับมิตรภาพของพวกเขาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

โรเอลรู้สึกราวกับว่าตอนนี้มีสิงโตตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาในบ้านของเขาแล้วจับเขาเป็นเหยื่อของมัน

“เจ้าไม่ได้แวะมาดูการแสดงของข้าเลย ข้าก็หลงนึกอุตส่าห์รอที่จะได้มองหาเจ้าในหมู่ผู้ชม”

นอร่าจ้องมองไปยังโรเอลด้วยความไม่พอใจที่ความคาดหวังอย่างหนึ่งของเธอในช่วงปีใหม่ถูกปัดตก ตอนนั้นเองที่โรเอลสังเกตเห็นได้ว่าเธอนั้นยังคงสวมเสื้อคลุมคณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังใช้หยาดน้ำค้างปีศาจ ทำให้อารมณ์อันบริสุทธิ์และความเย้ายวนใจของเธอกลมกลืนเข้ากันเสียจนกลายเป็นเสน่ห์อันร้ายกาจเข้าไปอีก

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ฉันเหนื่อยเกินไปที่ต้องยืนสวดมนต์ตลอดทั้งคืน จะว่าไปแล้ว…เธอชนะรึเปล่า?”

“แน่นอนสิ”

คำตอบอันรวดเร็วตรงประเด็นของนอร่า ทำให้โรเอลถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่นอร่าก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยเขาไปง่าย ๆ แค่นั้น

“ถึงข้าอาจจะชนะ แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเจ้าได้ละเลยที่จะมาให้กำลังใจในฐานะสหายที่ดี”

“ถ้างั้น…เธอต้องการอะไรล่ะ?”

“ทำไมระแวงกันแบบนั้นเล่า ข้าเป็นคนมีเมตตากรุณานะ ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าได้อย่างไรกัน กับอีแค่ความผิดพลาดเล็กน้อยที่เจ้าก่อ อันที่จริงข้ามาที่นี่เพื่อเอาลูกอมมาให้เจ้าต่างหากล่ะ มีอา เอามันเข้ามาสิ”

“เพคะ ฝ่าบาท”

ทันทีที่นอร่าเรียก สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ถือภาชนะเข้ามาในห้อง นอร่าหยิบลูกอมศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากภาชนะ แกะเปลือกออก ถือขนมไว้ที่ระหว่างนิ้ว แล้วจึงมองไปที่โรเอลผู้งุนงงด้วยรอยยิ้มอันเต็มไปด้วยความปรารถนา

“มาเลียมันซะ ลูกอมน่ะ”