บทที่ 62 องค์ชายต้าเยี่ยนอยู่ในอันตราย

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 62

องค์ชายต้าเยี่ยนอยู่ในอันตราย

เมื่อหลินซีเหยียนกลับมายังพระราชวังรัตติกาล หน่วยอันสองคนก็ได้กลับมาเช่นกัน จากการรายงานของพวกเขา หลินซีเหยียนจึงรู้ว่าเหล่าชายชุดดำกลุ่มนั้นได้ไปล้อมและลอบสังหารองค์ชายต้าเยี่ยน

เยี่ยนกุยอวี่นั้นเป็นถึงองค์รัชทายาทของต้าเยี่ยน ในเวลานี้เขาได้มาอยู่ในเขตแดนของรัฐเจียง รัฐเจียงจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของเขา และหากองค์รัชทายาทเกิดได้รับอันตราย ก็จะเกี่ยวพันไปถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศและอาจจะนำพาไปสู่สงครามครั้งใหญ่ได้

“ใครกันที่คิดฆ่าองค์ชายกันนะ? หรือว่าจะเป็นคนจากประเทศอื่น?” หลินซีเหยียนรู้สึกสงสัย สงครามนั้นเป็นสิ่งที่แย่มากอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วใครกันที่อยากจะเริ่มสงครามนี้

เป็นที่รู้กันดีกว่าสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้อยู่ในสภาพมั่นคงแล้ว ผู้คนใช้ชีวิตและทำงานกันอย่างสงบสุขและสำราญใจ และสถานการณ์ความสัมพันธ์ของทั้งสามรัฐอย่างต้าเยี่ยน, เจียง และจงนั้นก็มีความสัมพันธ์อันดีมาช้านาน จนไม่มีใครคิดว่าจะพังทลายได้ง่ายๆ

แต่ก็อาจจะไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นก็ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเตลิดไปไกล ตอนนี้นางได้แต่หวังว่าเยี่ยนกุยอวี่จะไม่ตายง่ายๆดีกว่า

วันต่อมาข่าวขององค์ชายต้าเยี่ยนถูกลอบสังหารก็ได้แพร่ออกไปทั่วทั้งเมืองหลวง ผู้คนต่างก็เริ่มกลัวว่าหากองค์ชายเสียชีวิตแล้วรัฐเจียงก็จะถูกถล่มโดยทั้งสองประเทศที่เหลือ แล้วพวกเขาก็จะต้องใช้ชีวิตอย่างคนไร้ที่อยู่และสิ้นหวัง

เมื่อฮ่องเต้เจียงได้ทราบข่าว ก็พิโรธตั้งแต่เช้าตรู่และสั่งให้มหาเสนาบดีออกไปสืบเรื่องนี้โดยทันทีและส่งหมอหลวงทั้งหมดในพระราชวังหลวงจนถึงโรงหมอหลวงต่างๆเพื่อไปทำการตรวจการและวัดชีพจรขององค์รัชทายาทต้าเยี่ยน

แต่ช่างโชคร้ายที่หมอเหล่านี้ต่างก็ส่ายหัวและบอกว่าพวกเขาไร้ความสามารถ ชีวิตขององค์รัชทายาทคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน

ฮ่องเต้จึงกริ้วมากและดุด่าหมอเหล่านี้แล้วจึงจับเอาพวกเขาคุก จากนั้นก็ประกาศเสนอรางวัลอย่างงามเพื่อมองหาวิธีการรักษาจากทั่วทั้งรัฐ แววตาของหลินซีเหยียนก็ไฟลุกโชนขึ้นมา โอกาสของนางมาถึงแล้วถึงแม้ว่าจะคลาดเคลื่อนไปจากที่นางคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็เถอะ แต่ก็ให้ผลเหมือนกัน

นางจึงได้เปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายแล้วแปลงตัวเองให้กลายเป็นชายชรา หลินซีเหยียนพร้อมด้วยชิงอวี่กับจี๋เฟิงก็ได้ไปที่พระราชวังหลวงเพื่อไปขอพบกับฮ่องเต้

“ไร้มารยาทยิ่งนัก พบฝ่าบาทแล้วทำไมถึงยังไม่คุกเข่า” ขันทีที่ติดตามฮ่องเต้เข้ามาในท้องพระโรง เมื่อเห็นหลินซีเหยียนที่ยังยืนด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่งแล้ว เขาจึงได้พูดดุหลินซีเหยียนอย่างช่วยไม่ได้

หลินซีเหยียนจึงได้ยักคิ้วและพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ชายชราผู้นี้คือหมอผี และคนที่ข้าเคารพมีเพียงพ่อกับแม่ที่ให้ชีวิตเท่านั้น ถ้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ของทั้งสองรัฐแล้ว ชายชราผู้นี้ก็คงไม่มาหรอก”

ฮ่องเต้นั้นตอนแรกก็โมโหกับท่าทีของหลินซีเหยียนมาก แต่พอนางเอ่ยว่าเป็นหมอผี เขาก็เริ่มมองเห็นความหวังขึ้นมา

“ถ้าท่านหมอผีสามารถช่วยองค์รัชทายาทต้าเยี่ยนได้ ข้าจะให้ท่านทุกอย่างไม่ว่าท่านหมอผีต้องการอะไร?” ฮ่องเต้กล่าวอย่างกระตือรือร้น

หลินซีเหยียนยังคงทำหน้าเฉยๆ ราวกับว่าข้อเสนอของฮ่องเต้นั้นไม่ทำให้เขาสนใจแม้แต่น้อย

เมื่อฮ่องเต้เห็นเช่นนั้นก็ได้รีบกล่าว “ข้ารู้ดีว่าท่านหมอผีนั้นเป็นผู้ที่ความสามารถมากที่สุดในโลกจึงไม่น่าจะสนใจสิ่งของที่ธรรมดาๆเป็นแน่ ดังนั้นข้าจะขอมอบดอกหงส์ไฟที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกให้แก่ท่าน”

หลินซีเหยียนก็ดีใจขึ้นมา เพราะสิ่งที่นางอยากได้พอดี ทำให้นางไม่ต้องเสียเรี่ยวแรงมากเลย แต่นางจะทำสีหน้าดีใจไม่ได้

“เอาเถอะ ชายชราผู้นี้ขอขอบคุณฝ่าบาทล่วงหน้าก็แล้วกัน” หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวราวกับไม่ได้ฟัง

ในขณะที่ฮ่องเต้กับหลินซีเหยียนกำลังจะเดินทางไปหาองค์รัชทายาทที่อยู่อีกตำหนักหนึ่ง ก็มีขันทีคนหนึ่งก็ได้มารายงานเขา “ท่านหมอเทวดาเองก็ได้เสนอตัวเข้ามาเช่นกันขอรับ”

“เชิญเขาเข้ามา” ฮ่องเต้กล่าวอย่างดีใจมาก

หลินซีเหยียนก็คิ้วขมวด นางนั้นตั้งมั่นว่าจะต้องเอาชนะเพื่อดอกหงส์ไฟให้ได้ ต่อให้เป็นเซียนมา ก็จะมาแย่งไปจากนางไม่ได้

“หมอเทวดาเฉิน คารวะฝ่าบาท” หมอเทวดาเฉินกล่าวโดยไม่ทำความเคารพ ซึ่งมีท่าทีเช่นเดียวกับหลินซีเหยียน อย่างที่เขาว่าคนที่มีความสามารถด้านการแพทย์ที่สูงนั้น ย่อมมีแต่ต้องพึ่งพาเขา

“ท่านหมอเทวดาเฉินข้าขอแนะนำให้ท่านรู้จัก นี่คือท่านหมอผีที่มีชื่อเสียง ข้ายินดีมากที่พวกท่านเข้ามาให้การช่วยเหลือยามที่รัฐเจียงกับมีปัญหา” ฮ่องเต้เจียงกล่าวและมองไปที่พวกเขาทั้งสองคน

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา นางรู้ดีถึงแผนการในใจของฮ่องเต้ นางจึงไม่รู้สึกแปลกใจเมื่อนางได้ยินว่าหากใครก็ตามที่สามารถรักษาองค์รัชทายาทได้ก็จะมอบดอกหงส์ไฟให้กับคนคนนั้น

หมอเทวดาเฉินก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างบอกไม่ถูก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นสูง “หืม ข้าเองก็อยากจะเห็นฝีมือของหมอผีเหมือนกัน”

“ถ้าเช่นนั้นก็รอดูได้เลย!” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ที่มุมปากของนางและพูดอย่างเย็นชา

ในชั่วขณะนั้นหมอเทวดาเฉินก็รู้สึกกลัวขึ้นมา แล้วเขาก็ได้ทำสีหน้านิ่งเฉย แล้วเขาก็นึกถึงตำนานหมอผีที่เขาเคยได้ยินมา ว่ากันว่าสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยเนื้อและกระดูกของผู้ที่ตายไปแล้ว บางก็ว่าเป็นหมอธรรมดาๆ บางก็ว่าเป็นปีศาจ และยังมีอีกหลายๆเรื่องราว บางทีหลังจากเรื่องในครั้งนี้แล้ว เขาอาจจะรู้ได้ว่าหมอผีนั้นมีความสามารถสักกี่ชั่งกันแน่

แล้วทั้งสามคนก็ได้มุ่งหน้าไปยังตำหนักหลวงอย่างเร่งรีบ ที่ตำหนักนั้นหลินซีเหยียนก็ได้พบกับเยี่ยนกุยอวี่ ที่ในเวลานี้เขากำลังนอนหน้าซีดอยู่ที่เตียง ราวกับว่าจะหายใจเข้าน้อยลงและหายใจออกมากขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่ทราบว่าใครจะเป็นคนลงมือก่อน?” ฮ่องเต้มองดูอย่างตื่นเต้น

ใครที่เริ่มก่อนก็จะได้เปรียบมากและสามารถรู้ถึงสภาพของผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำ แล้วหลินซีเหยียนกับหมอเทวดาเฉินก็ได้มองหน้าเข้าหากัน แล้วหลินซีเหยียนก็ได้พูดอย่างประชดประชันแล้วกล่าว “เชิญท่านหมอเฉินก่อนเลย”

“ท่านหมอผีช่างถ่อมตัวยิ่งนัก ถ้างั้นหมอเทวดาคนนี้ก็ไม่ขอเกรงใจ” หมอเทวดาเฉินก็ได้กล่าวอย่างไร้ยางอาย และได้เริ่มลงมือรักษาเยี่ยนกุยอวี่ก่อนหลินซีเหยียน

หมอในสมัยโบราณนั้นมักจะใช้วิธีไม่เกินไปจากการฝังเข็ม, การต้มยา, การนวด และอื่นๆ ดังนั้นหลินซีเหยียนจึงได้ยืนมองดูหมอเทวดาเฉินอยู่ห่างๆ

นางยืนมองดูอยู่วงนอกอย่างสนใจ และอุทานเป็นครั้งคราว ซึ่งสามารถพูดได้ว่าหมอเทวดาเฉินนั้นมีความสามารถสมฉายาจริงๆ หลินซีเหยียนก็ได้มองดูและเรียนรู้จากเขาบ้าง

แต่วิธีการของหมอเทวดาเฉินนั้นก็ยังไม่เพียงพอ ด้วยพิษบาดแผลทำให้เยี่ยนกุยอวี่หมดสติแล้ว แต่ยังมีอาการบาดเจ็บภายในที่แฝงอยู่มานานของเขาอีกด้วย

ไม่นานนักก็ถึงเวลาค่ำ หลินซีเหยียนกับฮ่องเต้ได้กลับไปที่ลานกว้างเพื่อรับประทานขนมร่วมกัน เมื่อพวกเขากลับมาที่ห้องของเยี่ยนกุยอวี่ ก็พบว่าเยี่ยนกุยอวี่ยังคงไม่ฟื้น แต่หมอเทวดาเฉินนั้นเหงื่อแตกพลั่ก ซึ่งจะเห็นได้ว่าเขานั้นพยายามอย่างมากเพียงใด

“ท่านหมอเฉิน อาการขององค์ชายเป็นอย่างไรบ้าง?” ฮ่องเต้นั้นรู้ถึงความสามารถของท่านหมอเฉินดี เขาจึงได้รู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อเขาเห็นว่าท่านหมอเฉินนั้นก็ช่วยไม่ได้

หมอเทวดาเฉินถอนหายใจและวางสิ่งของของเขาลง “กราบเรียนฝ่าบาท อาการบาดเจ็บขององค์ชายนั้นร้ายแรงมาก ข้าไม่อาจช่วยเขาได้จริงๆ”

ฮ่องเต้ก็ได้มีแววตาที่มืดมิดในดวงตาของเขา แล้วจากนั้นก็มองไปที่หลินซีเหยียน “ท่านหมอผี ข้าหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

หลินซีเหยียนผงกหัวแล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “ข้ามีวิธีการที่แปลกๆในการรักษาผู้ป่วย ขอให้ทุกท่านออกไปก่อน”

หมอเทวดาเฉินนั้นอยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ได้ถูกขัดโดยฮ่องเต้เสียก่อน ในสายตาของเขานั้นหมอผีคือความหวังสุดท้ายของเขา เขาจึงไม่ยอมให้ใครก็ตามเข้าไปขัดการรักษาของหมอผี

ไม่นานนักก็เหลือแค่เพียงหลินซีเหยียนกับเยี่ยนกุยอวี่อยู่ในห้องตามลำพัง หลินซีเหยียนก็ได้ตรวจดูบาดแผลของเขาก่อน แล้วจากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา บาดแผลที่หมอเฉินพันเอาไว้นั้นดีมาก หลินซีเหยียนจึงได้สัมผัสชีพจรของเยี่ยนกุยอวี่ แล้วจากนั้นจึงได้หยิบเอายาออกมาป้อนให้เยี่ยนกุยอวี่ทาน ถึงแม้ว่ายาตัวนี้จะมีค่ามากจนทำให้นางรู้สึกเสียดาย แต่แล้วนางก็ตัดสินใจใช้มันเมื่อนางนึกถึงดอกหงส์ไฟที่นางจะได้

หลังจากนั้นสักพัก เยี่ยนกุยอวี่ก็ได้กระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง หลินซีเหยียนก็ได้พูดพึมพำเบาๆอย่างช่วยไม่ได้ “อุ๊บ ข้าลืมไปเลยว่ายาตัวนี้มีฤทธิ์ที่แรงมาก ข้าจำเป็นต้องป้องกันหัวใจของเขาก่อน”