บทที่ 61 พบเจอนักฆ่า

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 61

พบเจอนักฆ่า

“เอาเถอะ, ขยันทำงานเข้าล่ะ ข้าไปหาเทียนเอ๋อก่อน” หลินซีเหยียนยักคิ้วแล้วกล่าว สีหน้าของนางรู้สึกตกใจนิดหน่อย ดูเหมือนว่าเทียนเอ๋อจะมีพรสวรรค์ในการเป็นนักค้าขายจริงๆ และสามารถฝากฝังเทียนเอ๋อให้ดูแลนางตอนแก่ได้

หลินซีเหยียนรู้ว่าห้องของเทียนเอ๋ออยู่ที่ไหน แต่นางไม่คิดว่าในตอนกลางคืนของที่นี่ ทุกชั้นของโรงเตี๊ยมซื่อฟางจะเต็มไปด้วยผู้คนเช่นนี้ แล้วนางก็ได้ขึ้นไปชั้นบนสุดแล้วเปิดเข้าห้องเทียนเอ๋อไป

“มีอะไรรึ?” เทียนเอ๋อที่หัวจมเข้ากับสมุดบัญชีและกล่าวโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา

หลินซีเหยียนจึงได้เดินไปหาแล้วแอบมองเข้าไปที่สมุดบัญชีของเทียนเอ๋อแล้วพูดด้วยความปลื้มใจ “ยอดมากเทียนเอ๋อ โรงเตี๊ยมซื่อฟางของเจ้าทำเงินได้ 500 ตำลึงเงินต่อวันเลย”

500 ตำลึงเงินนั้นแม้จะฟังดูไม่มาก แต่ก็เพียงพอที่จะให้คนธรรมดาๆใช้ไปตลอดชีวิตโดยไม่ต้องกังวลอะไร

เสียงที่คุ้นเคย การเรียกชื่อที่คุ้นเคย เทียนเอ๋อก็ได้รีบเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็โผเข้าอ้อมกอดของหลินซีเหยียน “ท่านแม่ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว เทียนเอ๋อคิดถึงท่านมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ท่านแม่ดูเทียนเอ๋อสิผอมลงไปตั้งเยอะ”

“จริงเหรอ? แม่ไม่เห็นรู้สึกอย่างนั้นนะ” หลินซีเหยียนรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่หนักอึ้งของสิ่งล้ำค่าที่น่ารักของนางแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะหยอกเขา “แม่ว่าเทียนเอ๋อดูน่าจะหนักกว่าไม่กี่วันก่อนด้วยนะ”

“หนักที่ไหนกัน?” เทียนเอ๋อกระโดดลงมาที่พื้นอย่างเขินๆ แล้วทำแก้มป่องแล้วกล่าว “ท่านแม่ไม่รักเทียนเอ่อแล้วใช่ไหม?”

หลินซีเหยียนก็ได้รีบง้อเขา “ไม่เอาน่าเทียนเอ๋อ แม่ก็แค่เข้าใจผิดนิดหน่อยเอง ดูซิแม่ไม่เจอเจ้าแค่ไม่กี่วัน เทียนเอ๋อผมลงไปจริงๆด้วย”

เทียนเอ๋อก็รู้สึกดีขึ้นมา แล้วจากนั้นก็เหมือนเขาคิดอะไรบางอย่างออกไป แล้วเขาก็ได้จูงมือท่านแม่ไปยังห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง แล้วจากนั้นก็ให้เสี่ยวเอ้อนำขนมมาให้

แล้วดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้เบิกกว้าง และนางก็สงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ นางไม่อยู่ที่นี่ไม่กี่วัน เทียนเอ๋อแอบมีความคิดอะไรแผลงๆออกมาบ้างรึเปล่า?

แต่แล้วก็มีชั้นขนมเค้กนำออกมาวางอยู่ตรงหน้าของ หลินซีเหยียน หลินซีเหยียนกัดไปหนึ่งคำก็ผงกหัวด้วยความพึงพอใจ “เทียนเอ๋อเป็นคนให้สูตรนี้ไปเหรอ?”

เทียนเอ๋อผงกหัว “เพราะเจ้าสิ่งนี้มันอร่อยมาก เทียนเอ๋อเลยได้จดสูตรที่ท่านแม่ทำเอาไว้ และหลังจากที่ทดลองทำหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดก็ออกมาเป็นเช่นนี้ขอรับ”

หลินซีเหยียนรู้สึกพอใจมาก เมื่อนางพบว่าลูกชาย 5 ขวบของนางนั้นได้กลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเมื่ออยู่เพียงลำพัง

และในขณะที่นางคิดจะสอนเทียนเอ๋อถึงวิธีทำขนมชนิดอื่น ก็ได้มีเสียงเอะอะดังมาจากชั้นล่าง

เทียนเอ๋อก็เหมือนจะเคยชินกับเรื่องแบบนี้ดี จึงได้ลงไปที่ชั้นล่างอย่างสงบ และพบเจอคนไร้มารยาทกลุ่มหนึ่งในห้องส่วนตัวในชั้นสอง ซึ่งพวกเขากำลังทะเลาะกับเสี่ยวเอ้อในเรื่องของราคา

“8 ตำลึงเงินงั้น? จะบ้ารึไง ข้าไม่เคยเห็นอะไรที่แพงเช่นนี้มาก่อนเลย” แล้วชายหน้าบากก็ได้เตะเสี่ยวเอ้อลงไปกองกับพื้นน้ำลายฟูมปากด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว

หลินซีเหยียนนั้นคิดที่จะลงมือเอง แต่หลังจากที่เห็นเจ้าตัวน้อยที่ดูช่ำชองเรื่องนี้ที่อยู่ตรงหน้านางแล้ว นางก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาและตัดสินใจมองดูอยู่ห่างๆ

นางมองไปที่ชายหน้าบากที่มองไปรอบๆแล้วจากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างโอหัง “เจ้าไปตามเถ้าแก่มาซิ ลุงคนนี้อยากที่จะคุยกับเขาหน่อย”

“เถ้าแก่ของที่นี่ก็คือข้านี่แหละ” เทียนเอ๋อออกมายืนด้านหน้า ส่วนอันเอ้อที่ออกมาจากไหนไม่รู้ได้มายืนอยู่ข้างหลังเทียนเอ๋อแล้ว

หลังจากที่ชายที่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนหน้าได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว ก็ได้หลุดหัวเราะออกมาทันที “เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าเนี่ยนะ? อย่ามาล้อข้าเล่นเลยไปตามพ่อกับแม่ของเจ้าออกมา”

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้ว แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สวัสดี, ข้าคือแม่ของเขาเอง”

แล้วชายหน้าบากก็ได้หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เห็นแก่เด็กกำพร้าพ่อและแม่ม่าย เอาเงินมาให้ลุงคนนี้สัก 300 ตำลึงเงินเสีย แล้วข้าจะจากไปดีๆ”

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เทียนเอ๋อ เขากำลังขู่เอาเงินพวกเราแน่ะ”

“ทำอย่างไรดีขอรับ ท่านแม่?” เทียนเอ๋อเองก็ได้ยิ้มโดยปราศจากรอยยิ้ม

“พวกเราเป็นพลเมืองดี จึงทำอะไรรุนแรงมากไปไม่ได้ ก็เอาให้เขาพอมีลมหายใจแล้วก็นำไปส่งที่ว่าการก็แล้วกัน” หลินซีเหยียนคิดอยู่สักพักแล้วจากนั้นก็ตัดสินโทษชายหน้าบาก

แขกคนอื่นๆในโรงเตี๊ยมที่มาเห็นเข้า ต่างก็ชี้มาที่แม่ลูกไม่ธรรมดาคู่นี้แล้วพูดประมาณว่าแม่ลูกคู่นี้จะต้องมีคนหนุนหลังอยู่เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์แบบนี้ได้หรอก

ชายหน้าบากก็ได้ยิ้มอย่างโมโหแล้วตะโกนออกมา “ช่างน่าเสียดายจริงๆ เด็กๆจัดการพังที่นี่ให้ข้าที”

แล้วคนอื่นๆรอบตัวเขาก็ได้รับคำสั่งและเดินไปรอบๆอย่างก้าวร้าว แต่น่าเสียที่พวกเขาล้มลงไปกองกับพื้นก่อนที่จะได้แตะเก้าอี้เสียอีก

ผู้คนต่างก็มองดูร่างเล็กๆที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างน่าทึ่ง เป็นเด็กคนนี้ที่จัดการล้มทุกคนลงไปนอนกับพื้นห้อง ท่ามกลางสายตาที่ไม่อยากเชื่อและหวาดกลัว แล้วเสียงที่โหดเหี้ยมของเทียนเอ๋อก็ได้ดังขึ้นมา “ดูเอาไว้ซะ นี่คือผลที่จะตามมาหากมีใครก่อปัญหาขึ้นมาในโรงเตี๊ยมซื่อฟางของข้า

หลังจากที่พูดจบเทียนเอ๋อก็ได้สั่งให้คนจับมัดพวกคนรีดไถตังไว้แล้วจับโยนพวกเขาไว้ที่ตรงหน้าที่ว่าการเมือง

เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นการเตือนอย่างหนึ่ง เตือนให้ทุกคนในโรงเตี๊ยมซื่อฟางรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คนจะมาก่อปัญหาได้ง่ายๆ ซึ่งหลังจากที่เรื่องนี้จบลง โรงเตี๊ยมซื่อฟางก็ได้ทำการปิดร้านก่อนเวลา

เทียนเอ๋อนั่งอยู่ในรถม้าและหันมามองจ้องหน้า หลินซีเหยียน ในเวลานี้เขากลับกลายเป็นเทียนเอ๋อเจ้าเด็กตัวแสบอีกครั้งแล้ว

“ท่านแม่ ท่านอาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง? ทำไมเขาถึงไม่ได้มากับท่านแม่ด้วย” เทียนเอ๋อถามอย่างสงสัย

หลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก “อาจารย์ของเจ้านั้นไม่เชื่อฟังแม่ ตอนนี้เขาเลยป่วยหนักไปแล้วน่ะ”

เทียนเอ๋อก็ตกใจ แล้วจากนั้นก็ไปนั่งข้างๆหลินซีเหยียนแล้วกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านแม่จะต้องช่วยท่านอาจารย์ให้ได้ใช่ไหมขอรับ?”

“แน่อยู่แล้วสิ เจ้าคิดว่าแม่ของเจ้าเป็นใครกัน” หลินซีเหยียนกล่าวและยักคิ้ว

เทียนเอ๋อก็ได้ถอนหายใจโล่งอกและบ่นพึมพำ “ท่านอาจารย์จะต้องไม่เป็นอะไรแน่ เพราะเขาคือท่านพ่อของข้านี่นา!”

เนื่องจากเทียนเอ๋อพูดด้วยเสียงที่เบามาก หลินซีเหยียนจึงได้ฟังไม่ค่อยชัด จึงได้หันไปมองเทียนเอ๋อแล้วถาม “เมื่อสักครู่ลูกบ่นพึมพำอะไร?”

แต่ก่อนที่เทียนเอ๋อจะได้ตอบอะไร ก็ได้ยินเสียงม้าร้องขึ้นมาแล้วจากนั้นรถม้าก็ได้เขย่าและหยุดลง

“อันอี้เกิดอะไรขึ้น?” หลินซีเหยียนถามอันอี้ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแล้วจับเทียนเอ๋อไว้อยู่ข้างตัวของนาง

อันอี้ที่ดูเหมือนจะบาดเจ็บ ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงและฝืนๆ “พระชายา พวกเราถูกล้อมขอรับ”

ถูกล้อม? หลินซีเหยียนเปิดม่านออกไปและมองดูข้างนอกก็พบผู้คนมากมายในชุดสีดำที่กำลังล้อมพวกนางอยู่ นางก็ได้ยักคิ้วของนางแล้วถาม “พวกเจ้าเป็นใครกัน?”

ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากชายชุดดำ กลับกันพวกเขาก็ได้จ้องมาที่หลินซีเหยียนอย่างสงสัย จากนั้นพวกเขาก็ตะโกนออกมาว่าแย่แล้ว และพาผู้คนหนีไป

“พระชายา ท่านต้องการให้คนตามพวกเขาไหม?” อันอี้ก้มหัวแล้วถาม

หลินซีเหยียนก็ผงกหัว แล้วจากนั้นก็จ้องมองไปที่อันอี้ แล้วก็มีคนสองคนตามคนเหล่านั้นไปในความมืด

“ดูเหมือนว่าเราจะถูกล้อมรถม้าผิดคันสินะ มีรถม้าของตระกูลไหนกันนะที่ยังคล้ายกับของพระราชวังรัตติกาลได้อีก?

หลินซีเหยียนกล่าวอย่างสงสัย แล้วจากนั้นนางก็ได้กลิ่นเลือดเมื่อนางหันไปมองหาที่มา ก็พบว่าอันอี้นั้นโดนอาวุธลับเข้าไปที่หน้าท้องด้านล่าง หลังจากที่ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีพิษ นางก็ได้ดึงอาวุธลับออกมาแล้วจัดการพันผ้าพันแผลให้อันอี้

“อันอี้เข้ามาพักด้านในก่อน ส่วนอันเอ้อขับรถม้าแทนอันอี้ที” หลินซีเหยียนสั่ง

หลินซีเหยียนนั่งอยู่ในรถม้าพรางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ดูจากท่าทางของเหล่าคนชุดดำเมื่อสักครู่แล้ว นางก็เกรงว่าคนที่จะถูกล้อมนั้นคงได้รับอันตรายไม่มากก็น้อยแน่