บทที่ 60 องค์ชายแห่งรัฐต้าเยี่ยน

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 60

องค์ชายแห่งรัฐต้าเยี่ยน

หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ หลินซีเหยียนก็ได้พบคนที่กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เบาะหนังแกะ ทันทีที่นางเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่าคนคนนี้จะต้องร่ำรวยมากแน่ๆ ทั้งชุดผ้าไหมราคาแพงและเครื่องประดับบนหัวของเขาล้วนแต่เป็นของหายากทั้งนั้น

ในขณะที่หลินซีเหยียนมองไปที่เขา ชายคนนั้นก็ได้หันกลับมา หลินซีเหยียนจึงรีบหลบกลับมาเมื่อเห็นเขาและแอบถอนหายใจ “ทำไมช่วงนี้เราถึงพบแต่ชายงามมากมายขนาดนี้นะ”

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังถอนหายใจอยู่นั้น คนรับใช้ขององค์ชายเสี่ยวอันจื่อก็ได้เดินมาหา “แม่นาง องค์ชายของเรามาเชิญแม่นางไปพบเขาน่ะขอรับ”

“องค์ชาย?” หลินซีเหยียนไม่อยากจะเชื่อและส่ายหัวตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมนางถึงได้พบเจอแต่องค์ชายจังนะ

นางจึงได้ถอนหายใจแล้วกล่าว “ได้โปรดกลับไปบอกองค์ชายของท่านด้วยว่า ข้านั้นมีธุระยุ่งมากและไม่สะดวก ข้าขอตัวก่อน”

พอพูดจบหลินซีเหยียนก็ได้ให้อันอี้ขับรถม้าไปต่อ มันนานนักก็เป็นเวลาพลบค่ำและเริ่มไร้ผู้คน หลินซีเหยียนจึงได้คิดแวะพักที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองก่อนแล้วค่อยกลับเมืองหลวง

ในตอนค่ำ นางก็ได้ทำการเดินลมปราณของ เจียงหวายเย่ด้วยเข็มเงิน แล้วนางก็เริ่มรู้สึกเบื่อและออกมาเดินข้างนอก แต่แล้วนางก็พบกับองค์ชายอีกคนเข้า

“แม่นาง พวกเราช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ!” องค์ชายเดินเข้ามาหาหลินซีเหยียนด้วยรอยยิ้มในคิ้วของเขา “ข้าขอแนะนำตัว ข้าคือองค์ชายของรัฐต้าเยี่ยนมีชื่อว่าเยี่ยนกุยอวี่”

“แล้วองค์ชายมาทำอะไรที่ชายหาดผีเสื้อล่ะเจ้าคะ?” หลินซีเหยียนถาม

เยี่ยนกุยอวี่ก็บิดปากอย่างเสียดายแล้วกล่าว “ในเวลานี้ข้าได้เดินทางมาที่นี่ในฐานะเอกอัครราชทูตของต้าเยี่ยน ถ้าไม่ติดเรื่องของการเดินทางตอนกลางคืนไม่ปลอดภัยแล้ว ข้าจึงได้แวะพักที่ชายหาดผีเสื้อแห่งนี้และหวังพบกับนางฟ้า”

หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มและตอบกลับ “องค์ชายอยากจะพบนางฟ้าผีเสื้อจริงๆเหรอ?”

“ข้าได้ยินมาว่านางฟ้านั้นมีชื่อเสียงมากประเทศนี้ ทำให้มีผู้คนที่ยอมจ่ายมากมายเพื่อที่จะได้เห็นสักแวบหนึ่งก็ยังดี แล้วจะไม่ให้คนอย่างข้าอยากเห็นได้อย่างไร?” เยี่ยนกุยอวี่ที่ดูเหมือนจะสนใจในนางฟ้ามาก แต่ในขณะที่พูดๆอยู่บทสนทนาก็ได้เปลี่ยนไป “แต่วันนี้เมื่อข้าก็ได้พบกับแม่นาง ถึงแม้ข้าจะเป็นคนนอก แต่แม่นางก็งามไม่แพ้นางฟ้าผีเสื้อเลยแม้แต่น้อย”

ประโยคนี้ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกขบขัน “องค์ชายกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว อย่างข้าน่ะเทียบไม่ได้กับนางฟ้าผีเสื้อหรอก”

“ไม่ทราบว่าแม่นางพอจะบอกชื่อให้ข้าได้หรือไม่?” สายตาของเยี่ยนกุยอวี่แสดงถึงความหวังออกมา

หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาลง และมุมปากของนางก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “องค์ชายเรียกข้าว่าหลินซีเหยียนก็ได้เจ้าค่ะ”

“หลินซีเหยียน? พระชายาขององค์ชายเย่อย่างนั้นเหรอ?” แววตาของเยี่ยนกุยอวี่ปรากฏซึ่งความตกใจออกมา แล้วจากนั้นก็ได้หดหู่ลงไป “เฮ้อ ข้าคิดว่าโชคดีมากแล้วแท้ๆที่มีโอกาสได้พบสาวงามเช่นนี้เป็นครั้งแรก แต่ไม่นึกเลยว่าสาวงามคนนั้นจะเป็นดอกไม้ขึ้นชื่อที่มีเจ้าของแล้ว”

“ลืมเรื่องดอกไม้ขึ้นชื่อไปเสียเถอะเจ้าค่ะ องค์ชายก็น่าจะรู้ดีว่าตัวข้านั้นมีชื่อเสียงที่ไม่ดีนัก” หลินซีเหยียนยักคิ้วแล้วถามกลับ “แต่องค์ชายดูเหมือนจะคุ้นเคยกับองค์ชายเย่นะเจ้าคะ?”

ดูเหมือนว่าองค์ชายคนนี้จะไม่มีความคิดที่จะปิดบังอะไรจากหลินซีเหยียนเลย “ครั้งหนึ่งสมัยที่รัฐต้าเยี่ยนกับรัฐเจียงยังคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก กองทัพของรัฐเรากับกองทัพขององค์ชายเย่ได้เข้าต่อสู้กัน”

“แล้วใครแพ้ใครชนะเหรอเจ้าคะ?” หลินซีเหยียนถามอย่างสงสัย

“แน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นองค์ชายเย่ แต่องค์ชายเย่ส่งกองกำลังมาโดยพลการ จึงไม่มีบันทึกสงครามในครั้งนั้น ช่างน่าเสียดาย…..” เยี่ยนกุยอวี่มีสีน่าเสียดายราวกับเสียใจให้กับความไม่สมเหตุสมผลของศัตรูของเขา

“องค์ชายไม่จำเป็นต้องทำสีหน้าเช่นนั้นก็ได้ แม้ว่าจะไม่มีบันทึกถึงเจียงหวายเย่ แต่ข้าเชื่อว่าเขานั้นยังสามารถทำให้ผู้คนทึ่งได้อยู่ดี” หลินซีเหยียนกล่าวราวกับรู้จักเจียงหวายเย่เป็นอย่างดี

แล้วดวงตาขององค์ชายก็ได้มืดดำขึ้นมา “แล้วองค์ชายเย่อยู่ที่นี่ไหม?”

“องค์ชายอาการป่วยเก่ากำเริบและหมดสติอยู่เจ้าค่ะ” หลินซีเหยียนถอนหายใจ แล้วดวงตาของนางก็ดูเหมือนจะแดงขึ้นมา

เยี่ยนกุยอวี่ก็มองไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “องค์ชายเย่ป่วยอย่างนั้นเหรอ?”

หลินซีเหยียนผงกหัวอย่างพูดอะไรไม่ออก ด้วยสีหน้าที่เศร้าของนาง และไม่อยากพูดอะไรต่ออีกนางจึงได้กล่าว “ยังไม่ดึกนัก ขอเชิญองค์ชายพักผ่อนก่อน ส่วนข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”

เมื่อหลินซีเหยียนกลับเข้ามาในรถม้า นางก็พอจะพบวิธีเข้าไปเอาตัวยาในพระราชวังหลวงแล้ว ในตอนที่นางพบกับองค์ชายต้าเยี่ยนในวันนี้ นางพบว่าองค์ชายนั้นมีอาการป่วยแอบแฝงอยู่

จากการตรวจสอบของนาง อาการป่วยนี้น่าจะกำเริบในอีก 3 วัน บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสของนางก็เป็นได้

ในวันต่อมา, ทันทีที่หลินซีเหยียนออกมานางก็พบกับองค์ชายที่กำลังรอนางอยู่ หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลง แล้วรอยยิ้มของเขาก็ได้สดใสมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายหลินซีเหยียนกับองค์ชายก็ได้เดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกัน

มีเจ้าหน้าที่ยืนเรียงกันสองแถวอยู่ที่หน้าประตูเมืองหลวง หลินจิ้นโจว พ่อของหลินซีเหยียนก็เป็นคนที่นำขบวนนี้ คนเหล่านี้ล้วนถูกส่งมาโดยฮ่องเต้เพื่อมาต้อนรับองค์ชายแห่งรัฐต้าเยี่ยน หลินซีเหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็มีแววตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

“องค์ชาย ฝ่าบาทได้ทำการจัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านที่พระราชวังหลวงแล้ว ขอให้ข้าได้นำท่านพาเข้าไปยังพระราชวังด้วยเถิด พ่ะย่ะค่ะ” มหาเสนาบดีหลินก้มหัวแล้วกล่าว

เนื่องจากรถม้าของหลินซีเหยียนอยู่ข้างหน้า และรถม้าขององค์ชายอยู่ด้านหลัง พอหลินซีเหยียนเปิดผ้าม่านออกมา มหาเสนาบดีก็ตัวแข็งทื่อทันที

แล้วมหาเสนาบดีหลินก็ได้กล่าวด้วยสีหน้าประชดประชัน “นังลูกไม่รักดี องค์ชายอยู่ที่ไหนกัน?”

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่มหาเสนาบดีแล้วยักคิ้วขึ้นมาและกล่าว “ทำไมท่านมหาเสนาบดีถึงได้โกรธเกรี้ยวด้วยเล่า ข้ายังไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย”

ในขณะที่มหาเสนาบดีหลินกำลังโกรธจัดและอยากที่จะพูดอะไรสวนกลับไปก็ได้มีเสียงคนดังมาจากด้านหลัง “ท่านมหาเสนาบดีขอรับ องค์ชายอยู่ที่นี่ขอรับ”

แล้วมหาเสนาบดีจึงได้หันไปมองแล้วพบว่าองค์ชายกำลังหันมายิ้มให้กับเขา เขาจึงได้รีบวิ่งไปหาโดยไว “องค์ชาย ฝ่าบาทกำลังรอท่านอยู่ ได้โปรดขอให้ข้าได้นำท่านไปพระราชวังหลวงนะ พ่ะย่ะค่ะ!”

เยี่ยนกุยอวี่ก็ผงกหัว “เชิญมหาเสนาบดีหลินนำทางได้เลย”

หลังจากที่กล่าวจบ เดิมทีเขาอยากที่จะบอก หลินซีเหยียนให้ไปด้วยกัน แต่หลังจากที่มองไปรอบๆแล้วรถม้าของพระราชวังรัตติกาลก็ได้หายไปตอนไหนไม่รู้ เขาจึงได้กลับมานั่งในรถม้าอย่างเสียดาย

การจัดงานเลี้ยงต้อนรับถูกเตรียมการโดยฮ่องเต้เพื่อเยียนกุยอวี่ ในอดีตนั้นการจัดงานเลี้ยงเต้นรำเช่นนี้เป็นงานที่เหนื่อยอย่างมาก

เยี่ยนกุยอวี่ก็ได้นั่งประจำที่ของเขา โดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมาที่เขา เขาได้นั่งดื่มเหล้าเงียบๆอยู่คนเดียว พรางคิดถึงสาวงามผู้ที่ทำให้เขาประทับใจ

ไม่นานนักหลังจากที่งานเลี้ยงจบลง เขาก็ได้มอบตะเกียงแก้วซึ่งเป็นสมบัติของรัฐต้าเยี่ยนให้ ซึ่งฮ่องเต้เจียงก็ชื่นชอบเป็นอย่างมากและทดลองจุดไฟทันที จากนั้นก็นำไปแขวนในที่มืด ซึ่งได้ส่องแสงมีสีสันออกมาราวกับอยู่ในโลกเซียน

“ข้าทราบมาว่าองค์ชายมาที่รัฐเจียงของเราเพื่อหาคู่แต่งงาน ดังนั้นข้าจะจัดงานเลี้ยงให้องค์ชายเป็นเวลาสองวันเพื่อให้ท่านหาคู่ที่เหมาะสม” ในวันนี้ฮ่องเต้นั้นเหมือนจะอารมณ์ดีมาก เขาจึงได้เห็นด้วยกับการแต่งงานขององค์ชายจากต้าเยี่ยน

“ถ้าเช่นนั้นก็ขอขอบพระคุณฮ่องเต้เจียงมาก” เยี่ยนกุยอวี่ลุกขึ้นมา แล้วยกแก้วเหล้าของเขาแล้วมอบให้กับฮ่องเต้หนึ่งจอเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณจากเขา จากนั้นเขาก็ได้อธิบายว่าเขานั้นรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรและขอตัวกลับก่อน

ณ พระราชวังรัตติกาล หลินซีเหยียนที่ได้จัดแจงเรื่องของเจียงหวายเย่เรียบร้อยแล้วก็ได้ออกไปตามหาเทียนเอ๋อ แล้วพบว่าเทียนเอ๋อนั้นไม่ได้อยู่ในตำหนักของเขา ซึ่งอันเอ้อก็ไม่อยู่ แล้วก็ไม่พบจิ่งชุนด้วยเช่นกัน

นางจึงได้รีบออกมาจากพระราชวังเพื่อตามหา แต่แล้วนางก็ต้องตกใจกับโรงเตี๊ยมที่อยู่ตรงหน้านาง นี่ยังเป็นโรงเตี๊ยมซื่อฟางของลูกชายนางจริงๆเหรอ? นางพบแสงไฟที่ส่องสว่างมาจากด้านใน และการตกแต่งที่ดูหรูหราและแพงอย่างมากภายใต้แสงเทียนสีเหลืองที่อบอุ่น และมีผู้คนมากมายอยู่ด้านใน

หลินซีเหยียนที่เดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงของจิ่งชุนดังขึ้นมา “ลูกค้า ไม่ทราบว่าท่านจะมาทานอาหาร หรือว่า…..”

ก่อนที่นางจะได้พูดจบ จิ่งชุนก็ได้อุทานอย่างตกใจ “คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”

“การค้าคงจะดีมากเลยสินะ เทียนเอ๋ออยู่ที่ไหน?” หลินซีเหยียนถามอย่างคิดไม่ซื่อ

จิ่งชุนก็ได้ปาดเหงื่อที่หน้าผากของนางแล้วจากนั้นก็ได้ยิ้มและกล่าว “นายน้อยอยู่ชั้นบนกำลังคิดเงินอยู่เจ้าค่ะ!”