ตอนที่ 51 ยังคงพูดคุยยามค่ำคืน (2)

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“ดูท่าคุณหนูเยี่ยนจะเหมือนกับที่จิงอิ๋งบอกว่าเป็นคนงามที่หาตัวจับยาก แม่เจ้าบอกว่าในยามนั้นเจ้าตกหลุมรักแม่ของนางเข้า ถึงได้ทำสัญญาแต่งงาน มีคนกล่าวว่า ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ ดีจริงดังคาด!” ซั่งกวนฮ่าวหัวเราะยกใหญ่ พลางกล่าวว่า จนถึงป่านนี้ ต่อให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง เขาก็ยังต้องพูดว่านางสวยสะคราญงดงามดุจบุปผา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์มีข้อดีไม่น้อยจริงๆ

“หญิงงามไม่ได้เจอกันง่ายๆ” ซั่งกวนเจวี๋ยนึกถึงมู่หรงชิงหวั่นที่เคยหลงใหลได้ปลื้มอยู่พักหนึ่ง นั่นก็เป็นคนงามที่หายากเช่นกัน แต่ว่านะ…ไม่เอ่ยถึงจะดีกว่า!

“เจ้ามีความเห็นอย่างไรบ้าง?” ซั่งกวนฮ่าวจ้องเขม็งมองซั่งกวนเจวี๋ยแวบหนึ่ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาชอบหาลูกสะใภ้ที่อัปลักษณ์? ไม่กลัวที่จะพาออกไปจะอับอายผู้คน?

“ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าข้ามีอคติอันใด แต่ท่านลองคิดดู จะให้อยู่ร่วมกับหญิงงามคนนั้นหรือ? ถึงแม้จะบอกว่าผู้หญิงโตขึ้นเปลี่ยนไปสิบแปดแบบก็ตาม จะสวยวันสวยคืนขึ้นเรื่อยๆ โดยทั่วไปแล้ว หญิงงาม โดยเฉพาะหญิงผู้เลอโฉมก็จะฉายแววสวยมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่งหน้าประทินโฉมย่อมต้องงดงามเป็นแน่ แต่เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ได้รับการต้อนรับและคำชื่นชมมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่ละคนมีความภาคภูมิใจในตนเองและอารมณ์แปรปรวนยิ่งนัก จะต้องให้ผู้คนประจบสอพลอ มิฉะนั้นจะรู้สึกเหมือนเป็นไข่มุกคลุกฝุ่นที่ไม่มีใครรู้ค่า และก็ทุกข์ทรมานมาก คนงามจะชอบผู้คนรุมล้อมเหมือนดาวล้อมเดือน พิศมัยในความฟุ้งเฟ้อ ชื่นชอบความพลุกพล่านและคึกคัก ชอบลู่ไปตามลมมากกว่า ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง แต่ถ้ามีจุดเล็กน้อยที่ไม่ได้สมดั่งใจนึกจะร้องไห้ฟูมฟาย บ่นตัดพ้อไปเอง อยู่ด้วยไม่ง่ายเลย!” ซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวด้วยประสบการณ์บางอย่างว่า “ถ้าแต่งกับคนงามเช่นนี้เข้าเรือนมา วันสบายๆ ของข้าก็จะสิ้นสุดลง ท่านก็จะเหนื่อยพอๆ กัน ลองคิดดูเถิด หากมีอะไรที่ไม่ถูกใจนางขึ้นมา นางจะไม่หลั่งน้ำตาออดอ้อนต่อหน้าท่านแม่หรือ? เมื่อถึงตอนนั้นเราจะเป็นอย่างไร?”

“อาจจะไม่ถึงขั้นนั้นหรอก” ซั่งกวนฮ่าวมองซั่งกวนเจวี๋ยที่จงใจ ‘ใส่ร้าย’ เยี่ยนมี่เอ๋อร์แล้วกล่าวว่า “ในขณะนั้นแม่ของนางเป็นหญิงที่โดดเด่นมีความสามารถมากที่สุดในเซิ่งจิง อาจพูดได้ว่าปราดเปรื่องเหนือกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่ช่วง หนึ่ง ไม่มีใครทัดเทียมได้ แม้แต่อาจารย์เฉายังตกปากรับคำมาสอนก็เป็นเพราะรู้ว่าลูกสาวของนางจะกลายเป็นภรรยาของเจ้า

จิงอิ๋งเด็กทโมนนั่น! ลูกสาวที่ได้รับการฝึกอบรมมาจากผู้ที่ปราดเปรื่องเหนือชั้นเช่นนี้ย่อมเป็นหญิงเก่ง!”

“หญิงเก่งไม่เห็นจะดีตรงไหน!” จู่ๆ ซั่งกวนเจวี๋ยก็นึกถึง ‘นาง’ ผู้นั้นขึ้นมา เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นหญิงเก่งที่จิตใจกว้าง ขวาง สง่างาม เป็นอิสระ และไม่ถูกควบคุมถึงจะทำให้ทุกคนเข้ากันได้ดีต่างหาก!

“แล้วเป็นเพราะเหตุใดเล่า?” ซั่งกวนฮ่าวค่อนข้างเห็นด้วยในจุดนี้ ถ้าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเป็นหญิงเก่งทำนองนั้นจริงๆ บางทีเขาอาจจะไม่อยากรักอย่างจริงใจเช่นนี้กระมัง!

“ท่านพ่อคงเข้าใจอย่างลึกซึ้งไม่ใช่หรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเหลือบมองค้อนบิดาแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าท่านพ่อทนพิษร้ายของ ‘หญิงเก่ง’ เหล่านั้นไม่ได้ จึงเลือกท่านแม่หรอกหรือ?”

ซั่งกวนฮ่าวยิ้มหน้าม้านพลางกล่าวว่า “นั่นเป็นเพราะข้าได้เห็นหญิงเก่งอย่างแท้จริง จึงเคารพหญิงที่มีความสามารถเพียงเล็กน้อยและเชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินไปเหล่านั้นอยู่ห่างๆ แต่อย่างแม่เจ้า ก็มิวายเจ้ายังทนไม่ได้! ตามที่แม่เจ้าบอกไว้ แม่ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นคนที่น่าทึ่งจริงๆ และรู้จักพลิกแพลงสถานการณ์หาตัวจับยาก และไม่ยกตนข่มผู้อื่นเพียงเพราะพรสวรรค์ของตัวนางเองเพราะพรสวรรค์ของตัวนางเอง”

เมื่อพูดถึงหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ ซั่งกวนฮ่าวมักจะรู้สึกว่าเขามีน้ำตาจนเจ็บปวดรวดร้าวใจ หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเป็นของล้ำค่าในใจเขา แต่บางครั้งนางก็เชื่องช้าไม่เข้าใจความรักระหว่างชายหญิงจนถึงขั้นหงุดหงิด โดยเฉพาะช่วงที่คนสองคนเพิ่งแต่งงานกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนที่เพิ่งข้าวใหม่ปลามัน มักจะคิดหาทางช่วยเหลือครอบครัวของนาง ไม่ได้ถือคติว่า ‘บุตรสาวที่ออกเรือนแล้วเปรียบดั่งน้ำที่สาดออกนอกบ้านไป[1]’ และไม่มีความคิดจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนายหญิงของตระกูลซั่งกวน ทำให้ซั่งกวนฮ่าวค่อนข้างปวดหัว เพื่อนางแล้วจึงจัดการกับปัญหาจากทุกด้าน ต่อมาต้องใช้ข้อบังคับมากมาย แต่สิ่งที่ได้มาคือ…เฮ้อ อดีตนั้นเหลือทน!

จนกระทั่งจิงอิ๋งเกิด หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่รู้ว่าได้คำแนะนำอะไรมาจากแม่ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์หรือไม่ ทันใดนั้นก็ฉุกคิดได้และ เข้าใจสถานะที่เหมาะสมที่สุดของตัวเอง ถึงได้ทำสิ่งที่เหมาะสมกับฐานะของนาง ทำให้ซั่งกวนฮ่าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ปฏิบัติต่อนางดีขึ้น แต่ในเวลานั้น ซั่งกวนฮ่าวมีอนุภรรยาสามคนแล้ว จึงต้องรับผิดชอบผู้หญิงสามคนที่พึ่งพาเขา ในบรรดาผู้หญิงสามคน หนิงซินมีความทะเยอทะยานมากที่สุด และเป็นคนที่ไม่มองสีหน้าผู้คนมากที่สุดด้วย นอกจากซั่งกวนฮ่าวจะเคยโปรดปรานนางอยู่ระยะหนึ่ง นางก็ยังมีบารมีของบุตรชายและบุตรสาว ทั้งได้รับการคุ้มครองจากทั่วป๋าซู่เยวี่ย ส่วนหวังชิ่นเซียนฉลาดที่สุด และเป็นคนที่เข้าใจทุกสิ่ง นางต้องการอยู่อย่างสงบและมั่นคง นางจะยืนอยู่ข้างหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออย่างชัดเจนและยึดมั่น ไม่เคยร่วมมือกับอนุภรรยาคนอื่นๆ และไม่เป็นศัตรูกับพวกนาง มีทักษะเฉพาะตัวที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ สำหรับอนุภรรยาอู๋เป็นคนที่มีแผนการมากที่สุด และขาดความช่วยเหลือของซั่งกวนฮ่าวไม่ได้เลย เพราะเขานางถึงสามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้ ทั้งวิธีและแผนการของนางค่อนข้างร้ายกาจ ซั่งกวนฮ่าวได้ตัดสินใจมานานแล้ว…เขาจะให้นางกำเนิดลูกไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ภรรยาและลูกของเขาจะตกเป็นเป้าโจมตีของนาง สำหรับซั่งกวนฮ่าวแล้ว นางเป็นผู้ช่วยมือดีที่สามารถแบ่งเบางานในบ้านที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่อาจทำได้ ทั้งยังแบกภาระคอยบรรเทาความขัดแย้งระหว่างหวงฝู่เยวี่ยเอ้อกับหนิงซิน แน่นอนว่ายังคงเป็นตัวกระตุ้นให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อและซั่งกวนฮ่าวระหองระแหงกัน นับว่าความสามารถนั้นหลากหลายพอตัว

“ท่านก็รู้ว่ามีหญิงเก่งไม่กี่คนที่สมควรจะได้รับ หญิงเก่งส่วนใหญ่ต้องคอยยกยอปอปั้น หลิงหลงยังเรียกว่าหญิงเก่งด้วยไม่ใช่หรือ? แต่ท่านดูนางสิ มีความสามารถที่แท้จริงมากแค่ไหนกัน? มีเพียงพรสวรรค์สามส่วนเท่านั้น ความพยายามสามส่วน ความเฉลียวฉลาดเจ็ดส่วน แต่แล้วอย่างไรกัน? เพราะความเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลซั่งกวน นางได้รับการถ่ายทอดอะไรมาบ้าง? ต่อให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะเป็นบทกวีตำรา แล้วเช่นไรเล่า? หญิงเก่งส่วนใหญ่จะอาศัยพรสวรรค์ของตน จึงมีสายตาเหนือกว่า ไม่แยแสผู้อื่น ใจเพียงแสวงหาความไพเราะของพิณ หมากล้อม พู่กันจีน และการวาดภาพ หากผู้ชายไม่สามารถทำงานศิลปะ เช่น บทกวีภาพวาด ต้มชากวาดหิมะ และเล่นพิณได้ พวกนางจะมองว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ หยาบคายและไม่เหมาะสม แต่ถ้าทำเช่นนั้นก็ไม่ต้องพึ่งกระบี่ เป็นเพียงบัณฑิตที่อ่อนแอ ไม่อาจฝากชีวิตไว้ได้  ไม่สามารถจะประจบประแจงเอาใจพวกนางได้ นั่นเป็นคนหยาบที่ไม่รู้จักทะนุถนอมสตรี คนที่รู้แต่สรรเสริญเยินยอนั่นคือคนถ่อยที่ไม่มีอารยธรรม เป็นที่ชื่นชอบยาก!” ซั่งกวนเจวี๋ยส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ถ้าหญิงเก่งเช่นนี้เป็นหญิงงามด้วย มันก็เป็นโศกนาฏกรรม มู่หรงชิงหวั่นเคยเป็นหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุด แต่ท่านมองดูนางเถิดว่าสุดท้ายผลที่ตามมาเป็นอย่างไร? อย่างนี้มันก็เหมือนกับว่าได้แต่งภรรยาอย่างมู่หรงชิงหวั่นมิใช่หรือ? ข้าทนไม่ได้!”

“ชิงหวั่นก็เป็นเด็กดี แต่น่าเสียดายที่นางจงใจพะเน้าพะนอ ประจบประแจง เอาอกเอาใจผู้อื่นจนหลงลืมแก่นแท้ชีวิต ในท้ายที่สุดก็เหลิงไปแล้ว ไม่รู้คุณค่าของตัวเอง และยังลืมตัวตนไปด้วย การทำสิ่งเหล่านั้น บางครั้งก็ตำหนินางไม่ได้ ในตอนนั้น นางอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี ไม่รู้จักบังคับตัวเอง นับประสาอะไรกับการแยกแยะผิดชอบชั่วดี บวกกับตระกูลมู่หรงมีเจตนาจะยกฐานะของนาง หวังว่านางจะมีทุนเดิมมากขึ้น หลังจากแต่งกับองค์รัชทายาทเป็นสนมก็จะได้รับการโปรดปรานเป็นพิเศษ แต่ใครจะรู้ว่ามีคนรอบตัวนางจงใจสาดเรื่องทำนองชู้สาวที่ยุ่งเหยิงให้นาง ทำเรื่องพรรค์นั้น นั่นไม่เพียงทำลาย ‘ศักยภาพ’ ที่ตระกูลมู่หรงพิถีพิถันสร้างให้นาง ยังทำให้ตระกูลมู่หรงพลาดโอกาสจะได้เป็นฮองเฮาองค์ต่อไป ทำลายชื่อเสียงของนางเองจนป่นปี้!” ลึกๆ ในใจซั่งกวนฮ่าวยังรู้สึกเสียดายยามเอ่ยถึงมู่หรงชิงหวั่น แต่นั่นก็เป็นผลจากที่หลายตระกูลกระทำอย่างลับๆ เพราะทุกคนต่างไม่ต้องการเห็นตระกูลมู่หรงสืบทอดตำแหน่งฮองเฮาอีก มู่หรงชิงหวั่นเป็นเพียงเหยื่อของการวางหมากเท่านั้นเอง…แน่นอนว่าถ้านางฉลาดพอ จะไม่สูญเสียความเป็นตัวเองยามที่เต็มไปด้วยคำสรรเสริญ ดอกไม้ และเสียงปรบมือ ทั้งยังไม่ตกเป็นเหยื่อ…เรื่องนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจชั้นยอด

“เยี่ยนมี่เอ๋อร์จากปากของจิงอิ๋งก็หน้าตาดูดีไม่ด้อยกว่ามู่หรงชิงหวั่น ทั้งยังฉลาดและมีความสามารถพอๆ กับมู่หรงชิงหวั่น ข้าคิดว่านางก็เป็นผู้หญิงแบบเดียวกับมู่หรงชิงหวั่น!” ซั่งกวนเจวี๋ยใส่ร้ายอย่างไม่ลดละ สำหรับเขาแล้วเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นภาระที่สลัดไม่พ้น จึงต้องรับเผือกร้อน แม้กระทั่งเป็นเสือขวางทางที่ทำให้เขาไม่อาจไล่ตามหญิงงามได้

“เจ้ามีคนที่ชอบอยู่แล้วหรือ?” ซั่งกวนฮ่าวถามขึ้นอย่างกะทันหัน

“เหตุใดท่านพ่อพูดเช่นนี้?” ซั่งกวนเจวี๋ยสั่นสะท้านโดยไม่ปฏิเสธ

“ตอนนี้เจ้าเป็นเหมือนเด็กที่ความฝันถูกทำลาย แล้วโยนความผิดให้กับคนที่ปลุกเจ้าขึ้นมา” ซั่งกวนฮ่าวพูดประหนึ่งว่าเป็นเช่นนั้น “ข้าเองก็เคยประสบสถานการณ์ที่เจ้าเป็นอยู่ในตอนนี้ เคยเจอหญิงงามสง่าเช่นนั้น ไม่เพียงข้าเท่านั้น แต่ยังมีลูกหลานของหลายตระกูลที่อายุอานามไล่เลี่ยกับข้า บรรดาลุงของเจ้าก็เคยคลั่งไคล้นางมาก แต่นางก็โบกแขนเสื้อ ไม่มีหวังเลย!”

ซั่งกวนเจวี๋ยไม่เคยได้ยินซั่งกวนฮ่าวเอ่ยถึงใครเช่นนั้นเลยจึงถามอย่างสงสัย “แล้วนางในยามนี้ล่ะ?”

“นางมีคนที่รักด้วยชีวิต และคนคนนั้นก็ตายด้วยน้ำมือของเราทางอ้อม นางรู้สึกว้าวุ่นใจจึงหันมาเป็นศัตรูกับเรา” ซั่งกวนฮ่าวถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ข้าแต่งงานกับแม่เจ้าหลังจากที่ยอมแพ้นางอย่างสิ้นเชิง ต่อมายังเคยเห็นนางหลายครั้ง นางเปลี่ยนเป็นคนละคนด้วยความเคียดแค้นที่กัดกินในเวลานั้น จากนั้นมาก็ข่าวคราวเงียบหาย ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย”

“นางสวยมากหรือไม่?” ซั่งกวนเจวี๋ยรู้สึกว่าตัวเองดูเบาปัญญาหลังจากเอ่ยถาม ถ้าเป็นเพียงเพราะความงาม ซั่งกวนฮ่าวอาจลืมนางไปตั้งนานแล้ว

“สวยมาก! แต่ความงามของนางอยู่ที่ความสามารถในการเบ่งบานได้อย่างอิสระ เป็นความตื่นเต้นที่แตกต่างกัน ความสง่างามแตกต่างกันถึงทำให้ผู้คนหลงใหลลุ่มลึก นางดุร้ายดุจเปลวเพลิง และทั้งๆ ที่รู้ว่าจะทำให้เรากลายเป็นเถ้าถ่าน แต่ก็อดเป็นแมงเม่าบินเข้าไปไม่ได้!” ซั่งกวนฮ่าวส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนั้นทั้งรักและเกลียดรุนแรงเท่ากัน ไม่เหมาะจะเป็นภรรยา เป็นได้เพียงคนสนิทเท่านั้น ได้แต่มองนางจากที่ไกลๆ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชอบผู้หญิงแบบไหน คิดว่าจะต้องไม่ธรรมดาแน่ แต่นางมิอาจเป็นภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ยได้ นับประสาอะไรกับการเป็นนายหญิงของซั่งกวน เจ้าควรรับรู้ถึงความเป็นจริงบ้าง! เมื่อฟังตามคำบอกเล่าข้าเข้าใจว่า เยี่ยนมี่เอ๋อร์น่าจะเป็นภรรยาที่ยอดเยี่ยม ตระกูลเยี่ยนเป็นเพียงตระกูลพ่อค้า ไม่มีความสามารถจะสั่นคลอนตระกูลซั่งกวน และนางไม่ได้ใกล้ชิดกับคนในตระกูลเยี่ยน เมื่อเข้าสู่ตระกูลซั่งกวน นางจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างสุดหัวใจ นางฉลาดพอที่จะดูแลงานบ้านให้เจ้า สิ่งสำคัญที่สุดคือถ้าเจ้าต้องการ…เจ้าสามารถแต่งภรรยารองผิงชี รับอนุภรรยาและเมียบ่าวได้ และนางกลับไม่มีทางขัดขวางได้ หรือบางทีนางอาจจะเป็นฝ่ายจัดหาผู้หญิงให้เจ้าเสียเอง เจ้าควรพอใจกับภรรยาเช่นนี้ มนุษย์นะ อย่าโลภเกินไป ได้คืบจะเอาศอกจะเป็นตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ[2] ไม่ได้อะไรเลย”

“ข้าจะคิดทบทวน” ซั่งกวนเจวี๋ยรู้ว่าเขาโลภ แต่ไม่ใช่เพราะมีเยี่ยนมี่เอ๋อร์แล้วจะคิดถึงผู้หญิงคนอื่น แต่เป็นความเพ้อฝันว่าจะมี ‘นาง’ ได้ นี่ก็เป็นความละโมบอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับที่เขาจะปล่อยที่ว่างไว้เพื่อรอคอยไม่ได้เล่า

“เจ้านะ…แม่ของเจ้าจะไปหาเยี่ยนมี่เอ๋อร์พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ เจ้าอยากเห็นภรรยาที่งามหมดจดของเจ้าก่อนแต่งงานสักครั้งหรือไม่?” ซั่งกวนฮ่าวรู้ดีว่าตัวเขาก็ไม่เคยลืมหญิงสาวที่ชื่นชอบได้เช่นกัน แล้วซั่งกวนเจวี๋ยจะไม่ใช่แบบนั้นได้อย่างไรเล่า? ถึงแม้จะมีภรรยาที่รักแล้ว แต่ก็ยังมีที่ในใจสำหรับ ‘นาง’ เสมอ

“ช่างมันเถอะ!” ซั่งกวนเจวี๋ยสั่นศีรษะอย่างไม่สนใจ

“ไม่อยากจริงหรือ?” ซั่งกวนฮ่าวไม่เชื่อว่าเขาจะไม่สนใจเลยสักนิด

“พรุ่งนี้ห่างจากวันแต่งงานเพียงครึ่งเดือน หลายคนจะมาถึงก่อนเวลา ข้าจะใช้โอกาสนี้รวมตัวสังสรรค์กับพวกเขาแล้วกัน” ซั่งกวนเจวี๋ยได้เตรียมการไว้แล้ว

“แล้วแต่เจ้าเถอะ!” อันที่จริงซั่งกวนฮ่าวก็มีงานสังคมมากมาย แต่สหายเก่าเหล่านั้นของเขากว่าจะมาถึงก็อีกตั้งสามหรือห้าวัน

———————————————–

[1] บุตรสาวที่ออกเรือนแล้วเปรียบดั่งน้ำที่สาดออกนอกบ้านไป ใช้เปรียบเปรยว่า บุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้ว ไม่ว่ามีเรื่องอะไรก็ตามทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับบ้านสามี

[2] ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ อุปมา กระทำการเสียงแรงเปล่า, ไม่ได้อะไรเลย